“ในวันที่เล่นไม่ดี แต่กลับออกมาพร้อมกับชัยชนะ เสียงวิจารณ์จะดังลั่นไปทั่วเป็นเวลาหลายวัน แต่ชัยชนะคงอยู่ตลอดไป”
ผ่านไปอีกหนึ่งเกมสำหรับอาร์เซนอลในการมาเยือน เอลแลนด์ โร้ด ของเจสซีย์ มาร์ช ผู้ซึ่งยังทำทีมไม่แพ้ใครในบ้านฤดูกาลนี้ ในเกมที่หลายคนอาจมองว่าไม่น่ามีปัญหา แต่เมื่อจบ 90 นาที นี่คือเกมที่ “ลำบากที่สุด” เกมหนึ่งสำหรับกองทัพปืนใหญ่ในฤดูกาลนี้
อาร์เซนอล กลับมาจาก “ภารกิจที่โบโด” พร้อมกับเรียกทัพหลักมาลงเล่นในเกมนี้ ยกเว้น เอมิล สมิธ โรว์ และ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ที่พักยาวไปก่อนแล้ว โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ได้รับข้อมูลว่าเป็นคนที่ต้องพักอีก 2-3 สัปดาห์จากอาการบาดเจ็บน่อง นอกนั้นถือว่ามาครบเต็มสูบ ขณะที่ลีดส์ไม่มีเกมกลางสัปดาห์ ไม่มีปัญหาตัวหลักบาดเจ็บ เป็นหนึ่งเกมที่พวกเขาพร้อมมากสำหรับการโรมรันเพื่อสามคะแนน
แต่หลังจากลงเล่นไป 1 นาที 11 วินาที กรรมการก็เป่าหยุดเกมด้วยเหตุผลเรื่องของเครื่องมือสื่อสารมีปัญหา รวมถึงในส่วนของ VAR ทำให้เกมต้องล่าช้าไปนานถึง 40 นาที ซึ่งในเวลานั้นคงไม่มีใครคิดว่า VAR เจ้ากรรมวันนี้มันจะเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่มากของเกมวันนี้สำหรับทั้งสองทีม
ในผังไลน์อัพออกมาพร้อมกับการใช้งานแผนเดียวกันในระบบ 4-2-3-1 ด้วยกันทั้งสองทีม อาร์เซนอล มีการเปลี่ยนแปลงตามสไตล์ระหว่างเกม 4-1-4-1 / 3-2-4-1 แล้วแต่จังหวะ พวกเขาเล่นแบบบนี้มาตลอด และวันนี้พวกเขาก็เริ่มต้นด้วยการทำงานตั้งแต่แดนบน เพรสซิ่งสูงใส่ทันที แต่มาเกมนี้พวกเขาเจอย้อนรอยบ้าง เมื่อลีดส์ ก็เล่นในแบบเดียวกัน แต่เพิ่มเติมรายละเอียดในแดนกลาง และแดนหลังเข้าไป บนพื้นฐานที่ว่าพวกเขาศึกษาเกมของอาร์เซนอลมาเป็นอย่างดี
อาร์เซนอล เป็นทีมที่เล่นบอลกับพื้นเป็นหลัก มี ปาเตย์ เป็นหัวใจในการกำหนดความเร็ว-ช้าของเกม คอนโทรลเกมด้วยการออกบอลไปข้างหน้าด้วยวิชั่นการออกบอลของเขาเป็นหลัก และแทบทุกจังหวะบอลที่จบสกอร์ได้ของทีมจะจบลงด้วยการให้บอลไปยังข้างหน้า และแดนหน้าออกทางริมเส้นด้านข้างสองฝั่งซึ่งมีความเร็ว ก่อนเข้าทำ
แนวรุกอาร์เซนอล 4 + 1 คน ที่เป็นตัวหลักประกอบไปด้วย
ปีกสองฝั่ง ซาก้า – มาร์ติเนลลี่ เร็วและคล่องตัวจบสกอร์เองก็ได้
กลางรุก เออเดการ์ด ครองบอลดี และผ่านบอลดี ที่สำคัญขยันเคลื่อนที่คอยรับบอลเชื่อเกมได้ด้วย
กองหน้า กาเบรียล เฆซุส เป็นกองหน้าที่ครองบอลดี เล่นในพื้นที่แคบได้ดีมาก เทคนิคเฉพาะตัวระดับท็อป
+ 1 ด้วยชาก้า ที่ดันขึ้นเป็นกองกลางรุกอีกคนเพิ่มทางเลือกในการผ่านบอลของเพื่อนร่วมทีม เป็นทั้งตัวหลอก – ตัวจบสกอร์ก็ได้
ยังไม่รวมถึงการดันแบ็คสองข้างมาช่วยเกมรุกในบางเพลย์ รวมถึงทีเด็ดในลูกตั้งเตะที่พัฒนาขึ้นมาตลอดสองปีหลัง เมื่อรู้แบบนี้ ลีดส์ ก็เตรียมทีมมาลุยกับอาร์เซนอลด้วย สองเรื่อง 1. วินัยในการเล่นเกมรุก-รับ 2. ความฟิตของร่างกาย
เกมของลีดส์ในวันนี้ใช้พละกำลังในการขับเคลื่อนอย่างมาก เล่นเกมบีบพื้นที่แดนหน้าแล้ว ก็ตามมาด้วยกลางสนาม มาร์ค โรก้า – ไทเลอร์ อดัมส์ สองกองกลางคนใหม่ของทีมในปีนี้ ทำงานหนักในการเข้าบอลเร็วบีบพื้นที่ในการออกบอลของ โธมัส ปาเตย์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการเริ่มเกมรุกของอาร์เซนอล ออกบอลได้ยากลำบากในการเซตเกม อธิบายแบบง่าย ๆ ดังนี้
เกมรุก เล่นเพรสซิ่งตั้งแต่พื้นที่หน้าวงกลมกลางสนาม ขึ้นมาเล็กน้อย เมื่ออาร์เซนอลเอาบอลผ่านแนวรุกมาได้ กองกลางสองคนของลีดส์ จะเข้าบอลทันทีเพื่อบีบพื้นที่การออกบอลให้เหลือน้อยทางเลือกที่สุด ซึ่งส่วนมากจะเป็นการ
หากบอลยังผ่านสองกองกลางมาได้ แนวรับสองคน โรบิน คอช และ เลียม คูเปอร์ จะอ่านจังหวะเกมคอยดันเพื่อบีบพื้นที่ตัดบอล หรือดึงจังหวะรอเล่นเกมรับ ปีกสองข้างของอาร์เซนอล เจองานประกบแบบ 2:1 แบ็คซ้าย ปาสกาล สเตราจ์ + ตัวรุกด้านบนลงมาช่วยเกมรับ มาลุยกับ ซาก้า และ แบ็คขวา ราสมุส คริสเตนเซ่น + ตัวรุกด้านบนลงมาช่วยเกมรับเจอกับ มาร์ติเนลลี่ นี่คือเกมรับของลีดส์
สถานการณ์ในจำนวนผู้เล่นของลีดส์ได้เปรียบกว่าในหลายจังหวะของเกมรับ ดังนั้นมันจะไม่แปลกเลยที่ทำไมวันนี้ ปีกสองข้างอาร์เซนอล ไม่ทำงานได้แบบที่ควรจะเป็น เพราะจากวินัยเกมรับที่สั่งมาตั้งแต่ตัวบนของทีมต้องลงมาเล่นเกมรับทุกจังหวะ + ความฟิตของนักเตะพร้อมทำได้ด้วย เมื่อสองอย่างรวมกันกลายเป็น งานยากทันทีสำหรับทีมเยือน
อย่างไรก็ตาม ลีดส์ ไม่ได้เล่นแบบนี้ในทุกเกมการแข่งขัน แผนแบบนี้ถูกเซตมาเพื่อเล่นในเกมนี้ และนั่นทำให้ 45 นาทีแรก แผนของลีดส์ อาจจะไม่สมบูรณ์แบบมากนัก พวกเขายังมีจังหวะผิดพลาดอยู่บ้าง และทำให้อาร์เซนอลได้ลุ้นประตู อาร์เซนอล เองเกมรุกก็ไม่ได้อยู่เฉยรอประกบ พวกเขาก็พยายามหาพื้นที่ในการเข้าทำกันอยู่เรื่อย ๆ อย่างที่เราทราบกัน ทีมชุดนี้ของอาร์เตต้า โดดเด่นในเรื่องของการสลับตำแหน่งการเล่นในพื้นที่แดนบน “การเคลื่อนที่” เป็นสิ่งที่เป็นจุดสำคัญของผู้เล่นชุดนี้ นักเตะซ้อมกันมาหนักในเรื่องการเข้าใจในหน้าที่ของตนเอง และการเคลื่อนที่ของเพื่อนในทีม ทำให้สุดท้าย เมื่อลีดส์ยังไม่รัดกุมมากในแผน อาร์เซนอล ก็เจาะได้ แค่สุดท้ายประตูมันยังไม่เกิดขึ้นเท่านั้น
การผิดพลาดครั้งเดียวของลีดส์คือการเสียประตู และมันเกิดจากการผิดพลาดส่วนบุคคลอของ โรดริโก้ โมเรโน่ เป็นจุดเริ่มต้นของประตูนี้
ประตูชัยของอาร์เซนอล : มาร์ติเนลลี่ ลุยมาทางซ้าย แน่นอนเขาเจอกับ คริสเตนเซ่น ที่รับงานหลักเจอกับเขา กับ อารอนสัน ที่จังหวะนั้นลงมาเล่นเกมรับช่วย ไหนจะมี โรบิน คอช และไทเลอร์ อดัมส์ มาช่วย บอลถึงอารอนสัน แย่งบอลคืนได้ตามแผน เขาออกบอลไปข้างหน้าให้กับ โรดริโก้ จุดผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อ โรดริโก้ ไม่เลือกเก็บบอลหรือแตะต่อสั้น ๆ แต่ใช้วิธีเตะเปิดเปลี่ยนแกนไปยังที่ว่างทางซ้าย ซึ่งเขาเปิดไม่ตรง สเตราจ์ แบ็คซ้ายของลีดส์ กลายเป็น ซาก้า โหม่งตั้ง คืนมาให้เออเดการ์ด ก่อนตัวเองจะรอทำทางวิ่ง เช่นเดียวกับ เออเดการ์ด ที่รอจังหวะออกบอลทะลุช่องเข้าเขตโทษ
เพลย์นี้แทบจะเป็นไม่กี่ครั้งในเกมที่ สเตราจ์ ตาม ซาก้าไม่ทัน เพราะเขาพะวงในการออกบอลของเออเดการ์ด ซึ่งก็ดันออกบอลคืนไปให้ซาก้า ที่เขาเพิ่งทิ้งการประกบ สปีดหลุดเข้าไปยิงแสกหน้า เมริเยร์ เข้าไปเลย
ประตูนี้เป็นประตูที่คล้ายๆ กับจังหวะก่อนหน้านี้ของอาร์เซนอลที่พยายามเล่นแบบเดิม กับการเจาะทางริมเส้นมาตลอด แต่ที่ต่างคือ จังหวะนี้ ลีดส์ พลาดให้มาแล้วครึ่งทาง ที่เหลืออีกครึ่งทาง อาร์เซนอล ทำไปจนถึงกลายเป็นประตู
จบครึ่งแรก 1-0 ของทีมเยือน มองจากเวลานั้นที่ทำประตูได้ เกมน่าจะเป็นของอาร์เซนอลมากขึ้นได้แน่ เพราะ ลีดส์ ยังคงมีความผิดพลาดให้เห็น แต่แล้วทุกอย่างมันผิดพลาดไปหมดใน 45 นาทีหลังที่เต็มไปด้วยดราม่าเกิดขึ้นมากมาย
ลีดส์ เปลี่ยนตัว โรดริโก้ ออกส่ง พาทริค แบมฟอร์ด ลงมาแทน “แบม แบม” ไม่ยิงประตูมานานมากแล้ว จากที่ต้องพักไปนาน และเกมนี้เขาเป็นทั้ง เทวา และ ซาตาน ในเกมเดียวกันสำหรับลีดส์ ยูไนเต็ด
ไม่กี่วินาทีหลังเขี่ยลูก ลีดส์ โจมตีทางด้านซ้าย ก่อนบอลมาถึง แฮร์ริสัน ที่พยายามเข้าทำ ทะลักมาถึงแบมฟอร์ด กดเต็มข้อเข้าไปเลย แต่กลายเป็นว่าฟาลว์ก่อน จากจังหวะแบมฟอร์ด ไปผลักกาเบรียลก่อนยิงประตู
ประตูนี้ไม่เกิดขึ้น แต่ที่เกิดขึ้นคือกำลังใจของทีมเยือนมาเต็มทันที เพราะพวกเขาได้เห็นแล้วว่าพวกเขายิงประตูได้ แม้จะไม่เป็นประตูก็เถอะ และนั่นนำมาซึ่งการเล่นแบบใส่สุดตัว
จากแผนเดิมที่เล่น มาร์ช เพิ่มระดับการเล่นเข้าไปอีกขั้น ลีดส์ ดันเพรสซิ่งสูงตั้งแต่แดนบนหน้าเขตโทษอาร์เซนอลทันที และเล่นกัน “ทุกจังหวะ” บีบพื้นที่ตรงกลางมากเข้าไปอีก นี่คือการใส่แรงกดดันลงไปแบบต่อเนื่องของลีดส์ ที่มีเสียงเชียร์ในเอลแลนด์ โร้ด คอยสนับสนุนการกระทำของพวกเขา แต่ทั้งหลายทั้งปวงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน ถ้าอาร์เซนอล “นิ่ง” มากพอจะรับมือกับสถานการณ์ แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
อยากให้คุณผู้อ่านลองนึกภาพตามว่า การเล่นฟุตบอลที่เป็นระบบ ก็เหมือนกับการทำอะไรที่ซ้ำเดิมไปมาจนกลายเป็นระบบทุกคนต่างมีหน้าที่ของตนเอง แต่เมื่อคนใดคนหนึ่งเล่นพลาด ระบบอาจรวนบ้าง แต่หากยังพลาดแล้วพลาดอีก นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “ระบบล่ม” และระบบที่พังที่สุดของอาร์เซนอลคือกองกลาง
การเล่นเพรสซิ่งเร็วตั้งแต่แดนบนของลีดส์ พวกเขามาพร้อมความฟิตแบบเต็มถังเหมือนเล่นตอนนาทีแรก และพวกเขาใช้หลักการแบบเดียวกับอาร์เซนอลสอนนักเตะเยาวชนคือ เคลื่อนไหวทุกครั้งต้องมีประโยชน์ การเพรสของพวกเขาทำกันได้ดีมาก ในเพลย์ปกติ อาร์เซนอล ต้องใช้เวลานานหลายจังหวะกับการแก้เพรสซิ่งของแนวรุกหลายครั้ง บอลเมื่อมาถึงกองกลาง ปกติจะเป็นจุดเซฟโซนของการแก้เพรสซิ่ง แต่ ลีดส์ กลับใช้กองกลางสองคนบีบพื้นที่คนออกบอลของอาร์เซนอล ทำให้กองกลางตั้งเกมไม่ได้ ออกบอลด้านข้างให้ริมเส้นพาบอลไปข้างหน้าก็เข้าลูปสถานการณ์ 2:1 ปีกเจอกับแบ็ค ที่มีกองหลังมาช่วยกันบีบ กองกลางมาช่วยกันไล่ อย่างที่บอกข้างต้น วินัยการเล่น + ความฟิตแบบโคตรฟิต คือปัจจัยสำคัญของเกม
อาร์เซนอล พยายามดึงเกมช้าทั้งการเตะเปิดบอลช้า พยายามครองบอล แต่ลีดส์ก็ไม่ได้ปล่อยให้มันเกิดขึ้น พวกเขาบีบไล่ตั้งแต่แดนบน หากเปลี่ยนแนวมาเป็นเตะเปิดบอลยาวไปข้างหน้า ก็หน้าที่กองหลังจัดการ โดยมีกองกลางคอยช่วย ทั้งหมดนี้พูดเหมือนง่าย แต่ในการทำงานจริง ถ้าไม่มีสองเรื่องที่บอก ไม่มีวันทำได้ และผู้เขียนก็เชื่อว่า อาร์เซนอล ไม่คิดว่าจะเจอกับเรื่องนี้เช่นกัน
เกมรุกของลีดส์ 4 ผู้เล่นตัวรุกด้านบน พาทริค แบมฟอร์ด, หลุยส์ ซานิสเทอร์ร่า, แจ็ค แฮร์ริสัน และ เบรนแดน อารอนสัน ทั้งสี่คนทำเหมือนที่ 4 ตัวรุกของอาร์เซนอลทำไม่ต่างกัน มีการสลับตำแหน่งไปมา แทบจะทั้งเกม เมื่อรวมกับตัวเองแกะเพรสซิ่งไม่ได้ ลูปนรกของเกมรับก็มาถึง เพราะ กองกลางเก็บบอลไม่ได้ ปีกก็เอาตัวไม่รอด กองหลังคือต้องรับภาระมากที่สุด
เกมนี้อาร์เซนอลเหมือนเกมย้อนรอยตัวเองในวันพบกับลิเวอร์พูล หากเกมนั้นอาร์เซนอลใช้การย้ำบอลในการเล่นเพลย์เดิม ๆ ซ้ำๆ จนกลายเป็นประตูชัย วันนี้ลีดส์ก็ทำแบบนั้นกับอาร์เซนอลเช่นกัน พวกเขาขึงเกมรุกได้ ด้วยวินัย + ความฟิตเต็มถังของผู้เล่นที่ได้พักมาเต็มสัปดาห์ ขณะที่อาร์เซนอล ผ่านเกมกลางสัปดาห์ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามสภาพความฟิตเป็นรองลีดส์แน่นอน ยิ่งเล่น ความกดดันก็โถมเข้าไปเรื่อย ๆ สุดท้ายความผิดพลาดก็เกิดขึ้น
วิลเลี่ยม ซาลิบา เป็นคนที่พลาดในเกมนี้ เริ่มตั้งแต่จังหวะแรกของการแก้เพรสซิ่งที่พลาดเสียบอลให้แบมฟอร์ด เข้าไปยิงติตเซฟแรมสเดล จนมาถึงจังหวะที่เขาเสียแฮนด์บอล ทั้งสองจังหวะที่เกิดขึ้น เกิดจากเรื่องของแรงกดดันล้วน ๆ ซึ่งถ้าว่ากันตามจริง ซาลิบา เป็นเพียงคนที่โชคร้ายของวันนี้ เพราะก่อนจะถึงจังหวะเสียจุดโทษ แนวรับอาร์เซนอล ไม่สิต้องบอกว่าทั้งทีมอาร์เซนอล รวนไปหมดแล้ว เพียงแต่ ซาลิบา คือคนที่พลาดแล้วมีผลต่อเกมเท่านั้น
จังหวะเสียจุดโทษของอาร์เซนอล : ลีดส์ที่กำลังโหมบุกอย่างหนัก เล่นเพลย์นี้ได้สวย แบมฟอร์ด เป็นกองหน้าสมัยใหม่คนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในเขตโทษรอยิงอย่างเดียว เขาดึงตัวออกมาหน้าเขตโทษเพื่อให้นักเตะแนวรับอาร์เซนอลตามเขาขึ้นมา ในขณะที่กองกลางจะวิ่งสวนเข้าเขตโทษ เป็นหนึ่งในวิธีการเล่นที่หลายทีมเคยเล่นกันมาแล้ว แต่จังหวะนี้ แฮร์ริสัน ใช้การยกบอลข้ามแนวรับ ซึ่งจะเห็นได้ว่ากาเบรียล ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งของตนเองจากจังหวะก่อนหน้านี้ที่เข้าไปช่วย โทมิยาสุ ในเพลย์ก่อนหน้านี้ ก่อนที่จังหวะต่อเนื่อง จะกลายเป็นจุดเปลี่ยน บอลข้ามแนวรับถึง 3 คน ที่ถูกแบมฟอร์ด รวมถึง อารอนสัน คอยปั่นป่วน มาร์ค โรก้า ทำตามแผน เข้าเขตโทษคอยหาโอกาส และสุดท้ายมันก็ได้ผลเมื่อบอลตกลงมา และซาลิบา กางแขนออกมาโดนบอล ซึ่งจังหวะนี้ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ก็มีน้ำหนักมากพอกับการให้จุดโทษได้ของกรรมการผ่านทาง VAR
อย่างไรก็ตามหาก ซาลิบา คือคนที่พลาดแล้วมีผลต่อเกม พาทริค แบมฟอร์ด กลับมีผลมากกว่านั้น เพราะเขายิงจุดโทษนั้นหลุดกรอบออกไป พร้อมกับต้องรอคอยประตูแรกในปี 2022 ของตนเองต่อไป
อาร์เซนอลไม่เสียประตู แต่พวกเขาก็ยังกลับมาสู่เกมไม่ได้ ลีดส์ วันนี้เล่นกันได้อย่างคึกคักเป็นอย่างยิ่ง อาร์เตต้า ตัดสินใจปรับทีมถึงสองครั้ง ครั้งแรก ลองเปลี่ยนผู้เล่น ไม่เปลี่ยนระบบ กับการส่ง ฟาบิโอ วิเอร่า และ คีแรน เทียร์นีย์ ลงสนามมา ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้น ลีดส์ วันนี้ใช้ความฟิตที่มากกว่า และเข้าใจเกมของตนเองเป็นอย่างดี เดินหน้าเข้าหาต่อเนื่อง จนสุดท้าย อาร์เตต้า เลือกยอมรับว่าเกมนี้พวกเขาต้องการแค่รักษาสกอร์
การส่ง ร็อบ โฮลดิ้ง ลงมาในช่วง 8 นาทีสุดท้าย คือการปิดเกมที่อาร์เซนอลต้องการ ปรับมาเล่นสามกองหลัง เน้นเกมรับให้มากขึ้น และส่ง เอนเคเธีย ลงมา ซึ่งรายหลังลงมาก็งานชุกทันที ส่วน เอนเคเธีย กลายเป็นการเปลี่ยนตัวที่สูญเปล่าในแง่ของผลงาน แต่ในแง่ของระบบแล้วเขาเป็นกองหน้าที่มีความเร็วในจังหวะสวนกลับ ซึ่งจังหวะเหล่านั้นมันไม่เกิดขึ้นเลยในครึ่งหลัง
ท้ายเกมคือดราม่าอย่างที่สุด จากบอลที่ไม่น่ามีอะไร กาเบรียล พยายามบัง แบมฟอร์ด ก่อนจะมีการปะทะกันล้มลงทั้งคู่ กรรมการตัดสินให้จุดโทษ และใบแดงกับกาเบรียล ก่อนที่ VAR จะทำให้อาร์เซนอล รอดตัวหวุดหวิดเมื่อการเช็คด้วยตนเองของกรรมการแล้ว สรุปว่าเป็นการฟาลว์ไปก่อนของแบมฟอร์ดในจังหวะนี้ เรียกว่าใจหายอย่างที่สุดสำหรับทีมเยือน
จบเกมรวมต่อเวลาใช้ไปทั้งหมด 99 นาที ที่แสนทรหด อาร์เซนอล มีเกมที่ทุลักทุเลที่สุดเกมหนึ่งในฤดูกาลนี้ พวกเขาเสียท่า เสียฟอร์ม เสียทุกอย่าง ยกเว้นสามคะแนนที่ได้กลับออกไปและมันคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดที่ต้องการ ชัยชนะเกมนี้ทำให้ทีมได้ 27 จาก 30 คะแนนเต็มที่ทำได้ รั้งจ่าฝูงต่อไปอีกหนึ่งสัปดาห์ ในขณะที่ลีดส์แพ้เกมแรกในบ้านตนเองในลีกปีนี้ ท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนบอลเจ้าบ้าน
เกมนี้ทำให้ได้เห็นอะไรหลายอย่างมากสำหรับทั้งสองทีม ลีดส์ พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขากำลังเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วที่ต้องหนีตายจนวันสุดท้าย ทีมของ เจสซีย์ มาร์ช ที่กำลังพยายามสร้างแบรนด์ “Made in USA” ให้เกิดขึ้นที่ลีดส์ กำลังอยู่ในเส้นทางที่น่าติดตามเหลือเกินว่าพวกเขาหากยังรักษาฟอร์ม และความสม่ำเสมอ ที่ต้องการโชคอีกสักหน่อยแบบนี้ได้ พวกเขาจะอันตรายแค่ไหน
ในขณะที่ อาร์เซนอล เกมนี้เป็นวันที่ได้เห็นว่า พวกเขายอมรับว่า “สู้ไม่ได้” ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องแพ้ ตราบใดที่สกอร์นำอยู่ ชัยชนะสำคัญที่สุด และพวกเขาเลือกที่จะเล่นเกมรับแบบไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายก็ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ ในวันที่มีทั้งดวง ทั้ง VAR มาช่วยในวันเดียวกัน แต่จงระลึกเสมอว่า “แต้มบุญวันนี้ อาจไม่มีอีกแล้วในวันหน้า”
แน่นอนว่าพวกเขา “ต้องรู้ตัว” ได้แล้วว่า แผนการเล่นของพวกเขาที่ทำให้ผลงานมาถึงตรงนี้ เริ่มถูกการแกะแผนอย่างละเอียดจากทีมคู่แข่งเรียบร้อยแล้ว โดยมี ลีดส์ เป็นตัวอย่างที่ต่อมาจาก โบโด/กลิมท์ เป็นการ “ชี้ทาง” ให้กับทีมอื่นว่าการเจอกับ อาร์เซนอล ต้องเล่นอย่างไร (ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่ทีมกันไป) นั่นคือการบ้านใหญ่ที่คู่แข่งได้อะไรกลับไปจากเกมนี้ เช่นเดียวกับที่ว่า อาร์เซนอล ก็มีงานอีกเพียบรออยู่กับการปิด “จุดอ่อน” ของตนเองที่วันนี้มันถูกเปิดเผยออกมาแล้วอย่างชัดเจน พวกเขาจะแก้ไขอย่างไร จะเอาจุดแข็งใดมากลบจุดอ่อนนี้ได้ต้องติดตามกันต่อไป
วันนี้สามคะแนนเป็นของคนที่ไม่ได้เล่นดีแต่มาพร้อมดวงและหัวใจนักสู้ที่ไม่ได้แสดงออกมาในรูปแบบของเกมบุก แต่มาพร้อมกับเกมรับที่ถวายชีวิตเพื่อให้ได้ชัยชนะมา
บทสรุปเกมนี้ : “อาร์เซนอล จบเกมด้วยสามคะแนน ลีดส์จบเกมนี้ด้วยเสียงปรบมือกึกก้องทั่วเอลแลนด์ โร้ด”
จังหวะแฮนด์บอลของซาลิบามีหลายคนพูดถึงเรื่องการล้ำหน้าไปก่อนหรือไม่ของ คริสเตนเซ่น ก่อนหรือไม่ ส่วนตัวของผู้เชียนมองว่าเพลย์นี้กรรมการไม่ได้ตรวจเช็คไปจนถึงจุดนั้น และเมื่อผู้กำกับเส้นไม่ได้ยกธงตั้งแต่ในจังหวะเกม จึงกลายเป็นผลประโยชน์ของลีดส์ไปโดยปริยายครับ
สรุปนะครับสำหรับคนที่ไม่อยากอ่านยาว
ลีดส์ ศึกษาเกมของอาร์เซนอลมาเป็นอย่างดี และแก้ทางได้ ด้วยวินัยในการเล่น + ความฟิตที่วิ่งได้ตลอด 90 นาที
กองกลางอาร์เซนอล เล่นบอลไม่ได้ เก็บบอลไม่ได้ คือหายนะของทีม ถ้าตัดการเล่นของกองกลางอาร์เซนอลให้เล่นได้ยาก โอกาสชนะอาร์เซนอลก็มีความเป็นไปได้สูง ลีดส์ ชี้ทางให้เห็นแล้วว่าพวกเขาทำอย่างไร ส่วนใครจะเลียนแบบ หรือนำไปปรับใช้ ก็อาจต้องเริ่มจากความฟิตเป็นม้าแบบที่ลีดส์ทำก่อนเป็นอันดับแรก
อาร์เซนอลจะแก้ไขจุดนี้อย่างไรรอติดตามในเกมต่อไป