หลังจากประสบความสำเร็จกับ หลายสโมสรใน ลา ลีกา สเปน มานูเอล เปเยกรินี่ ตัดสินใจรับข้อเสนอจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และพาทีมคว้าแชมป์ลีก ทันที กับโค้งสุดท้ายที่แสนดราม่า กับ การแข่งขันชิงแชมป์กับ ลิเวอร์พูล ก่อนจะปาดเข้าเส้นชัยในสองเกมสุดท้าย ท่ามกลางการต่อสู้ บนแรงกดดัน กับ สื่อมวลชน ที่รายงานข่าวต่อเนื่อง กับการเป็นจ่าฝูงมายาวนานของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนั้น
“ผมคิดว่ามันไม่เกี่ยวกับการลุ้นแชมป์ โค้งสุดท้ายอะไรหรอก เพราะการทำงานร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มันคือความคาดหวัง ตั้งแต่วันแรกของการแข่ง จนถึงวันสุดท้าย เป้าหมายคงเดิมคือ ต้องแชมป์เท่านั้น ความกดดันทั้งหมด มันมีเสมอ สุดท้ายเราจบด้วยการได้แชมป์ พรีเมียร์ ลีก และ แชมป์ ลีก คัพ อีกรายการ มันก็น่าพอใจนะ หลายคนบอกว่า หาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไม่ลื่นล้ม ในเกมกับ เชลซี ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ ผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรม สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำงานหนักมาโดยตลอด”
“ถ้ามาคุยถึงเรื่องเกี่ยวกับ เกม ลิเวอร์พูล-เชลซี ลิเวอร์พูล แพ้ 2-0 ถ้า เจอร์ราร์ด ไม่ลื่นล้ม พวกเขาก็แพ้ 1-0 อยู่ดี หรือกระทั่ง ลิเวอร์พูล เสมอในเกมนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังคงเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก อยู่ดี อย่าลืมนะ ตอนนั้น ลิเวอร์พูล ผลงานเยี่ยม แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีเกมอยู่ในมือมากกว่าจากการโดนเลื่อนเกม และเราสามารถเก็บชัยชนะจากเกมที่เหลือเหล่านั้น ได้ทั้งหมด พวกเขาอาจมี นักเตะ ชั้นนำอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หรือว่า หลุยส์ ซัวเรซ ในทีม แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตอนนั้น ผลงานดีทั้งทีม และเรายิงมากกว่า 100 ประตูในลีก ทั้งจาก เซร์คิโอ อเกวโร่ และ อัลวาโร่ เนเกรโด้ ที่ปีนั้นพวกเขายิงประตูแบบถล่มทลาย”
อัลวาโร่ เนเกรโด้ หัวหอกทีมชาติสเปน เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ย้ายมาเล่นในฤดูกาลแรกของเขา ภายใต้การทำงานกับ เปเยกรินี่ แต่เขากลับทำผลงานดีเพียงครึ่งฤดูกาล และอยู่กับทีมเพียงฤดูกาลเดียว ก่อนย้ายออกจากทีมไปร่วมงานกับ บาเลนเซีย ในฤดูกาลต่อมา ส่วน เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่ กลับยังคงยืนระยะอยู่กับทีมมาได้จนถึงทุกวันนี้
“ผมคิดว่า มันไม่มีอะไรต้องพูดถึง เนเกรโด้ มากนักนะ เขาเป็น นักเตะ ที่ดีมากคนหนึ่ง เริ่มต้นทำประตูได้มากมาย แต่ไม่สามารถรักษามาตรฐานการเล่นของตนเองได้ มันก็เท่านั้นเอง ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วน อเกวโร่ ในช่วงเวลานั้น เขาคือหนึ่งในสาม นักเตะ ที่เก่งที่สุดในโลกเวลานั้นเลย ผมเชื่อว่าเขาเป็นรองแค่ ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เท่านั้น เป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในตัวจบสกอร์ที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งการเคลื่อนที่ การควบคุมบอล ไปจนถึงการยิงประตู เขาอยู่ในระดับสูงสุดเสมอ ผมเคยคุยกับ โจ ฮาร์ท เขาโกรธมากกับการต้องเสียประตู ในการซ้อมมากมาย เมื่อต้องดวลกับ เซร์คิโอ ผมคุมทีมที่นั่นสามปี และเขายอดเยี่ยมตลอดช่วงเวลานั้น”
เปเยกรินี่ อยู่กับสโมสรสามฤดูกาล เขาพาทีมได้แชมป์ พรีเมียร์ ลีก หนึ่งสมัย และ ลีก คัพ อีกสองสมัย แต่สิ่งที่เขาไม่เคยทำได้เช่นเดียวกับ โค้ชของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทุกคน นั่นก็คือการพาทีมประสบความสำเร็จ ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นเหมือนความฝันสูงสุดของทุกคนในสโมสร และในปี 2021 นี้พวกเขาก็ยังพยายามต่อไปเพื่อไปถึงความสำเร็จนั้น
“ผมคิดว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พัฒนาขึ้นทุกปีนะ เริ่มต้นจากกการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ในปี 2012 พวกเขายังคงเป็นทีมขนาดกลาง ที่ได้เจ้าของทีมเข้ามาลงทุนสร้างทีม ต่อมาก็มีการสร้างแนวทางการเล่น ในแบบที่พวกเขาอยากจะเป็น ผมเข้ามารับงานต่อ และตอนนี้คือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในการทำงานของเขา และผมคิดว่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คือความสำเร็จที่เขาต้องการไปให้ถึง มันคือก้าวต่อไปความสำเร็จต่อไป”
“ก่อนผมมาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่เคยเข้าถึงรอบน๊อคเอ้าท์ ของแชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาตกรอบแบ่งกลุ่มทุกคน ปีสุดท้ายของผม เราเข้าถึง รอบรองชนะเลิศ เราเจอกับ เรอัล มาดริด และทุกอย่างจบลงด้วยการตัดสินจากประตูที่เกิดจากการทำเข้าประตูตัวเองเพียงประตูเดียว มันใกล้เคียงมาก ถ้าเกมนั้นมันผ่านไปได้ ผมเชื่อว่าเราทำได้ในเกมชิงชนะเลิศ”
เปเยกรินี่ ออกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2016 ซึ่งก่อนหน้าจะมีการออกจากทีม สโมสรได้มีการประกาศแต่งตั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นการ “ล่วงหน้า” ก่อนจบฤดูกาล 2015-2016 ไม่นานนัก และนั่นดูเป็นการ ไม่เคารพ ต่อ เปเยกรินี่ เท่าไรนัก ในสายตาของคนภายนอก อย่างไรก็ตาม เปเยกรินี่ ไม่เคยคิดแบบนั้นเลย
“ผมย้ายมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2013 ผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร ก็บอกผมตามตรงว่า พวกเขาอยากทำงานร่วมกับ กวาร์ดิโอล่า ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ เป๊ป เลือกจะเบรคการทำงานของตนเองเป็นเวลาหนึ่งปี เพื่อไปพักผ่อนใน สหรัฐอเมริกา และหากวันหนึ่งเข้าพร้อมจะกลับมารับงานคุมทีม และอยากมาทำงานกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขาจะได้สิ่งนั้น มันไม่ใช่การคัดเลือกด้วยนะ ถ้าเขาต้องการย้ายมา สโมสรจะเปิดรับเขาทันที”
“กวาร์ดิโอล่า หลังกลับมาจากการพัก เขาเลือกย้ายไปรับงานกับ บาเยิร์น มิวนิค และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ติดต่อมาหาผม เพื่ออยากให้ผมมาทำงานกับพวกเขา มาลาก้า ก็ปล่อยผมออกมาเพราะพวกเขาเวลานั้นมีปัญหาเรื่องการเงิน นักเตะ หลายคนต้องออกจากทีมไปด้วยเหตุผลนี้ ดังนั้นผมจึงตกลงรับงานคุมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พอครบสามปี สัญญาของผมหมดลง ส่วนเป๊ป หมดสัญญากับบาเยิร์น มิวนิค เช่นกัน มันก็เท่านั้น ผมไม่มีปัญหาอะไรกับสโมสรทั้งสิ้น เราจากกันด้วยดี”
หลังออกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่นานนัก เปเยกรินี่ ก็เลือกรับงานกับ เวสต์แฮม และเขาก็ยืนยันว่าเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เขาพอใจกับงานนี้มาก
“ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทายผมมาก พวกเขาเป็นทีมที่มีแฟนบอลมากมายหนุนหลัง ตอนแรกผมจะได้มาทำงานกับพวกเขา หลังออกจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทันที แต่ตอนนั้นผมยังไม่อยากรับงานนี้ และเลือกไปคุมทีมในจีนแทน (เหอเป่ย ไชน่า ฟอร์จูน) แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังคงติดต่อกับผมมาโดยตลอด และนั่นคือความจริงใจที่ผมสัมผัสได้ จากประธานสโมสรของพวกเขาทั้งสองคน เราอาจจะมีฤดูกาลที่ไม่ดีมาก กับการจบอันดับ 10 แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ได้แย่ พอปีต่อมาทีมให้งบในการสร้างทีม เราได้ เฟลิเป้ อันเดอร์สัน, อันเดร ยาโมเลนโก้ หรือว่า แจ็ค วิลเชียร์ นักเตะ เหล่านี้เข้ามาเสริมทีมได้แกร่งขึ้น แต่เรากลับเสีย ลูคาสซ์ ฟาเบียนสกี้ นายทวารมือหนึ่งของเขาจากอาการบาดเจ็บ และเราเสียความเชื่อมั่นพร้อมกับปัญหาในเรื่องของผลการแข่งขัน สุดท้ายแล้วผมก็ตกงาน มันเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีเลยนะ ครั้งสุดท้ายคือการคุมทีมในชิลี ที่ผมไม่ได้อยู่คุมทีมจนจบฤดูกาล ผมมีเป้าหมายที่อยากเห็น เวสต์แฮม ประสบความสำเร็จในการลงเล่นใน ฟุตบอลยุโรป สุดท้ายแล้วผมทำไม่สำเร็จ นั่นคือสิ่งที่ผมปวดร้าว และผิดหวัง ”
“เวสต์แฮม ลงทุนไปมากกับ นักเตะ และสุดท้ายแล้วมันก็ไม่เป็นไปตามต้องการ ทีมมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ โดยเฉพาะสนามเหย้าใหม่ของทีม แฟนบอลอาจไม่พอใจนัก แต่ผมคิดว่ามันดีกับอนาคตของสโมสร กับสนามขนาดใหญ่ที่เหมาะสมกับจำนวนแฟนบอลของพวกเขา และเป้าหมายของทีม ทุกวันนี้ ผมยังคงติดตามผลงานของพวกเขาเสมอ และผมดีใจมากที่พวกเขาอยู่ในเส้นทางที่ยอดเยี่ยมกับการลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรป”
“ทุกวันนี้ผมมีความสุขดีกับชีวิตของตนเอง ผมอ่านอะไรมามากมายกับการทำงานเกี่ยวกับ ฟุตบอล ผมอ่านอะไรเยอะมาก ตั้งแต่เด็ก สนใจเรื่องงานวิศวกรรม การออกแบบ ก่อนจะกลายเป็น วิศวกร ตอนอายุ 17 แต่สุดท้ายผมก็ออกจากงานมาทำงานด้านฟุตบอล แต่มันก็ไม่ได้ทิ้งทุกอย่างหรอกนะ ผมออกแบบ และคุมการสร้างบ้านของตนเอง มีหลายคนชอบถามผมว่า ผมทิ้งงานวิศวกร มาทำงานฟุตบอล คุ้มไหม ผมตอบเสมอว่า มันคือการตัดสินใจที่ดีที่สุด”
“33 ปี กับงานคุมทีมมากกว่า 1,300 เกม 6 ประเทศ ที่ผมเคยทำงาน ทุกวันนี้ผมอยู่ในสเปน ผมเชื่อว่า ผมยังคงสนุกกับมัน และยังมีเกมอีกมากรอผมอยู่”
นี่คือเรื่องราวบางส่วนจากประสบการณ์ และความทรงจำของผู้จัดการทีมชาวชิลีคนนี้
มานูเอล เปเยกรินี่
จบบริบูรณ์