ผ่านไป 24 เกมแล้ว [โดยส่วนใหญ่] ของพรีเมียร์ ลีก
ตอนนี้สถานการณ์ต้องบอกว่า ปีนี้ทุกทีมเจอช่วงสะดุดฟอร์มหลุดกันทุกทีม รวมถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้
แต่ “เรือใบสีฟ้า” สะดุดแล้วกลับมาได้เร็ว และเร่งฟอร์มได้ดีที่สุด และตารางคะแนนก็ชัดเจน พวกเขาเต็งแชมป์ โดย พรีเมียร์ ลีก ตอนนี้แต้มสูงสุดที่มีโอกาสทำได้คือ 98 คะแนน [แมนเชสเตอร์ ซิตี้] ไม่ทำลายสถิติเดิมของพวกเขาที่ทำไว้ 100 คะแนน ตอนฤดูกาล 2017-2018
ส่วนทีมที่เหลือสถานการณ์ยังเป็นไปได้ทั้งหมด เพราะยังคงมีข้อผิดพลาดกันอยู่เรื่อย ๆ โดยมีตัวแปรอย่าง เวสต์แฮม – เอฟเวอร์ตัน – แอสตัน วิลล่า – สเปอร์ส และ อาร์เซนอล ทำให้การลุ้น 4 อันดับแรก ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ลุ้นกันเกมต่อเกม และวันนี้เราจะมาพูดถึงทีมเหล่านี้กัน โดยขอเขียนถึง ลิเวอร์พูล แนบมาด้วยสักเล็กน้อย
“แชมป์เก่า” อย่าง ลิเวอร์พูล ปีนี้ฟอร์มหลุดในช่วงหลัง ก็ต้องยอมรับว่าปีนี้พวกเขาไม่สม่ำเสมอ เกมรุกที่เคยยิงได้ทุกทีม ยิงได้แต่ไม่ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ และเกมรับที่ขาด เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ และเซนเตอร์แบ็คคนอื่นในแนวรับ คือสิ่งที่ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ตามค่อนข้างห่างแบบที่เห็น การซื้อ กองหลังคนใหม่เข้ามาสองคนในตลาด เดือนมกราคม ยังไม่เห็นผลงานในเชิงบวก โอซาน คาบัค เกมแรกมีปัญหากับความเร็วในเกมลีก และเล่นผิดพลาดจนเสียประตู ส่วน เบน เดวิส ยังไม่เห็นฟอร์ม เพราะบาดเจ็บ บทเรียนนี้ ตลาดรอบหน้า ไม่ว่าจะอย่างไร เยอร์เก้น คล็อปป์ จำไม่มีลืม และคงกลับไปปรับจูนทีมส่วนนี้แน่นอน เพื่อหากเจอเคสแบบนี้อีก พวกเขาจะแก้ไขอย่างไร ปีนี้เป็นปีที่ นักเตะ ลิเวอร์พูล เจ็บกันเยอะมาก
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เป็นปีที่ต้องบอกว่า ขึ้น ๆ ลง ๆ และตอนนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น ที่ไม่รู้ว่าจะเจอ ขาลง อีกหรือเปล่า พวกเขาเริ่มต้นปีนี้ ด้วยการที่มีปัญหาเรื่องของการเงิน “สองเดวิด” เดวิด โกลด์ และ เดวิด ซัลลิแวน มีปัญหากับแฟนบอล ในเรื่องของการลงทุนในตลาดนักเตะ แต่ถ้ามองด้วยผลงานต้องให้ เครดิต กับ เดวิด มอยส์ ที่พาทีมมาถึงตรงนี้ได้ แม้ว่าการเสริมทีมตัวแพงอย่าง ซาอิด เบนราม่า (25-30 ล้านปอนด์ จากเบรนท์ฟอร์ด) จะไม่ยังค่อยปังเท่าไร แต่องค์ประกอบทีม โดยรวมแล้ว กลมกล่อมลงตัวมากในช่วงนี้ ส่วนตัว ชอบ โทมัส ซูเช็ค กองกลางทีมชาติเช็ก เป็นพิเศษ มายืนคู่กับ ดีแคลน ไรซ์ นักเตะที่มอยส์ เคยบอกว่า ในทีมขายใครก็ได้ แต่ห้ามขาย ไรซ์ ออกจากทีม กลายเป็นคู่กลางที่ดีมาก เช่นเดียวกับ เพื่อนร่วมชาติอย่าง วลาดิเมียร์ คูฟาล ของดีราคาไม่แรงอีกคน บวกกับ จาร์ร็อค โบเว่น และของดีที่เจ็บบ่อยอย่าง มานูเอ ลานซินี่ และ มิคาอิล อันโตนิโอ ไหนจะได้ตัว เจสซี่ ลินการ์ด ที่หวังกลับมาฉายฟอร์มอีกครั้ง ปีนี้ ขุนค้อน
แอสตัน วิลล่า “สิงห์ผงาด” เป็นอีกทีมที่พลิกฟอร์มจากฤดูกาลที่แล้วได้อย่างยอดเยี่ยม จากปีที่แล้วลุ้นหนีตกชั้นจนถึง เกมสุดท้าย มาปีนี้ ผลพวงของการออกตัวดี ชนะรวด 4 เกมแรกในลีก ทำให้ความมั่นใจพุ่งสูงขึ้นมาก การเซ็นสัญญา นักเตะ ใหม่ของพวกเขาก็ดีหลายคน เอมิเลียโน มาร์ติเนซ นายทวารสำรองที่ดีเกินกว่าสำรอง อาจดูแพงหากมองค่าตัว (17 ล้านปอนด์) แต่คุณภาพคับแก้ว ตอนนี้เก็บไปแล้ว 11 คลีนชีต ฟอร์มแบบนี้ แนวรับวิลล่า ดูดีขึ้นเยอะ เช่นเดียวกับ โอลีย์ วัตกิ้นส์ ที่ลงทุนไป 28 ล้านปอนด์ อาจมีบางช่วงฟอร์มหายไปบ้าง แต่ก็ยังมีสกอร์มาฝากได้เรื่อย ๆ รวมถึงการเซ็นสัญญากับ รอสส์ บาร์คลีย์ แม้จะยืมตัว แต่ “รอสโค่” ก็แบ่งเบาภาระในแนวรุกของ แจ็ค กรีลิช ที่เป็นเดอะแบกของทีมไปได้มาก ปีนี้ กรีลิช ยิ่งเล่นยิ่งเด่น ฟอร์มเฉิดฉายมาก แต่ที่อยากให้ดูฟอร์มกันคือ “สองแมตต์ แบ็คสองข้าง” ของพวกเขา แมตตี้ แคช และ แมตต์ ทาร์เกตต์ พวกนี้ฟอร์มดีมาก
เอฟเวอร์ตัน “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ตรงข้ามกับ แอสตัน วิลล่า การได้ตัว คาร์โล อันเชลอตติ ผู้ซึ่งเคยพา เอซี มิลาน คว้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาคุมทีม มันเป็นอะไรที่ แฟนบอลคาดหวังว่าจะเป็นคนที่ใช่สำหรับพวกเขาเสียที เงินทุนจาก ฟาฮัด โมชิริ ก็ยังคงเปิดคลังให้ซื้อเพิ่มเติมเข้ามาได้อย่างน่าสนใจ ฮาเมส โรดริเกวซ, อัลลัน, อับดุลลาย ดูคูเร่ สามกองกลางที่ทำให้ เอฟเวอร์ตัน กลายเป็นคนละทีม บวกกับ โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน ที่ฟอร์มดีจนติดทีมชาติอังกฤษ แต่สิ่งที่มองว่าเป็นปัญหาของ เอฟเวอร์ตัน คือเรื่องปัญหาอาการบาดเจ็บ คล้ายกับ ลิเวอร์พูล การขาดหายไปของ เซมุส โคลแมน และ ลูก้า ดีญ แบ็คสองข้างที่เป็นหนึ่งในอาวุธการโจมตีหลักบาดเจ็บไป พวกเขามีปัญหารวนทันที หาใครแทนไม่ได้ อีกส่วนคือการปรับจูนทีม เอฟเวอร์ตัน มี นักเตะ จำนวนหนึ่งที่ อันเชลอตติ ไม่ได้ใช้งาน หรือยังไม่สามารถหาตัวแทนที่ดีกว่าที่มีเข้ามาได้ ทำให้ปีนี้เราจะได้เห็นการผ่องถ่าย นักเตะ ออกจากทีมเยอะมาก ทั้งแบบยืมบ้าง ปล่อยฟรีบ้าง เป็นหนึ่งขวบปีที่ มองว่า เอฟเวอร์ตัน ยังคงอยู่ในช่วงการปรับจูนทีมค่อนข้างเยอะ และทำให้ผลงานออกมาไม่แน่นอน
สเปอร์ส “ยิดโด้” ผลงานของ สเปอร์ส คล้ายกับ เวสต์แฮม มีช่วงขึ้นลงค่อนข้างรุนแรง และในช่วงนี้พวกเขาอยู่ในช่วงขาลงแบบชัดเจน ผลงานกราวรูดไปมาก ทั้งที่ปลายปีก่อน พวกเขายึดหัวตารางได้อยู่ช่วงหนึ่ง การจับคู่ของ “ซอน-เคน” คือเรื่องดีงามในแนวรุก คนหนึ่งยิ่ง คนหนึ่งแอตซิสต์ พวกเขาเสริมทีม แบ็คซ้าย-ขวา เข้ามาใหม่ เป็นสไตล์บอลบุกกด้วยกันทั้งคู่ อย่างไรก็ตามการได้ตัว ปิแอร์-เอมิล ฮอยแบร์ก เข้ามาทำให้กลางสเปอร์ส ดูดีขึ้นมากเช่นกัน งานหนักของ มูรินโญ่ คือเกมรับไม่ว่าจะยืนหลัง 3 หรือว่าหลัง 4 พวกเขาเสียง่ายมาก ยิ่งผลงานในช่วงเดือนธันวาคม 2020 จนถึงเวลานี้ พวกเขาฟอร์มหลุดต่อเนื่อง และก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้จนถึงตอนนี้ ส่วนตัวมองว่า สเปอร์ส คล้ายกับ อาร์เซนอล ช่วงก่อนที่ทีมกำลังขาดความมั่นใจค่อนข้างมาก ถ้ายังควานหากลับมาไม่ได้ พวกเขาลำบากแน่
อาร์เซนอล “ปืนใหญ่” ผลการแข่งขันไม่ดีในช่วงปลายปี 2020 แม้จะกลับมาได้แล้ว แต่หลายเกมก็ยังเจอผลการแข่งขันยังไม่เป็นใจ ทั้งเกิดจากตัวเอง และปัจจัยภายนอก [อย่างเช่นเกมกับ วูลฟ์ส] ทำให้ต้องมาลำบากไล่ตามสายตัวแทบขาดแบบนี้ อาร์เซนอล ตอนนี้อยู่อันดับ 10 แต่เหลือเกมในมือเพียง 14 เกม ให้ลุ้นกัน บวกกับเกม ยูโรป้า ลีก ที่เล่นรอบ 32 ทีมสุดท้ายแล้ว ข้อดีคือเกมถือว่าไม่เยอะ และแทบจะเป็นตารางปกติที่เจอในฤดูกาลที่ไม่เจอการระบาด ของโควิด-19 แล้ว
ปัญหาใหญ่ของอาร์เซนอล คือเรื่องของความเชื่อมั่นในตัวเอง อาร์เซนอล หลายยุคสมัย มักจะมีปัญหาเรื่องนี้ โดนยิงก่อนทีไร ใจฝ่อทุกที ส่วนปัญหาในทีมปัจจุบัน คือความไม่แน่นอนของการเล่น ที่ มิเคล อาร์เตต้า มักพูดเสมอว่า ทีมของเขาต้องการส่วนนี้มากที่สุด ทั้งจากทั้งทีม และจากฟอร์มส่วนตัวของ นักเตะ ตรงนี้หากทำได้ดี พวกเขาก็มีลุ้น เพราะ ศักยภาพของทีม มันทำได้แน่ แต่ที่ผ่านมา พวกเขาหพลาดเยอะมากจากปัญหาเรื่องของ หัวจิตหัวใจในการอยากเป็นผู้ชนะน้อยเกินไป บางเกมเนือยก็เนือยไปทั้งเกม บางเกมอยากจะเล่นดีก็ดีจนน่าตกใจ เรื่องของการซื้อขาย มองที่ตัวผู้เล่นถือว่าเสริมดี แต่ผลงานถือว่ายังไม่ผ่าน วิลเลี่ยน ค่าตัวฟรี แต่ก็ต้องบอกว่าผลงานแย่ที่สุดในการซื้อขายรอบนี้ ไม่สร้างความดีงามใด ๆ ออกมาในเกมรุกของทีม ยกเว้นเกมแรกของฤดูกาลเกมเดียว นอกนั้นหายยาว ส่วน โธมัส ปาเตย์ ยังเล่นไม่ต่อเนื่องเสียที เล่นไม่ทันไรก็เจ็บเสียแล้ว เดชะบุญที่ นักเตะ ดาวรุ่ง อย่าง บูคาโย่ ซาก้า – เอมิล สมิธ โรว์ เล่นกันได้ดีจนกลายเป็นตัวหลักไปแล้ว ช่วยทีมได้เยอะมาก รวมถึง คู่หู “โอบา-ลากา” แม้ช่วงนี้จะไม่ค่อยได้ลงเล่นด้วยกัน แต่ลงไปแล้วมีสกอร์ ให้ทีมได้ก็ถือว่าส่งผลบวกกับทีมทั้งสิ้น ส่วนการยืมตัว มาร์ติน โอเดการ์ด เข้ามาร่วมงานด้วย จะส่งผลดีหรือไม่รอติดตามกันต่อไป
ยังยืนยันเหมือนเดิมแบบที่เคยโพสไปก่อนหน้านี้ว่า พรีเมียร์ ลีก ปีนี้ “น่าจะ” เป็นปีที่มีจุดเปลี่ยนค่อนข้างเยอะกว่าปกติ และจะเกิดขึ้นกับทุกทีมด้วย อีกทั้ง พรีเมียร์ ลีก ในระยะหลัง มักมีอะไรให้ตื่นเต้นกันช่วงท้ายฤดูกาลทุกปี ดังนั้นใครยืนระยะได้ดีกว่า ติดสอยห้อยตามหัวขบวนได้จนถึงโค้งสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย ทีมนั้นมีโอกาสประสบความสำเร็จตามเป้าประสงค์ที่ต้องการได้แน่นอน