1979 เทรเวอร์ ฟรานซิส อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ คือ นักเตะ คนแรกที่กลายเป็นเจ้าของค่าตัว 1 ล้านปอนด์ เมื่อย้ายจาก เบอร์มิงแฮม มาเล่นกับ นอตติงแฮม ฟอเรสต์
1996 อลัน เชียเรอร์ คือ นักเตะ ที่แพงที่สุดในโลกเมื่อเขาย้ายจาก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส สู่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์
2021 แจ็ค กรีลิช กลายเป็น นักเตะอังกฤษ ที่มีค่าตัวแพงที่สุดของพรีเมียร์ ลีก เมื่อย้ายจาก แอสตัน วิลล่า สู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับค่าตัว 100 ล้านปอนด์ กลายเป็น นักเตะ คนแรกในพรีเมียร์ ลีก ที่มีค่าตัว 9 หลักในวงการฟุตบอลอังกฤษ
ระยะเวลาที่ห่างกัน 42 ปีจาก 1 ล้าน สู่ 100 ล้าน นี่คือการเปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งเรื่องของ วงการฟุตบอล และนี่คือยุคสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แจ็ค กรีลิช (25 ปี สัญญาถึงกลางปี 2027) เปิดตัวเป็นหมายเลข 10 คนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากตกเป็นข่าวมาตั้งแต่ช่วงปิดฤดูกาล ซึ่งเป็นเรื่องที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า กรีลิช และ แฮร์รี่ เคน คือเป้าหมายสำคัญของทีม “เรือใบสีฟ้า” ในการเสริมทีมในรอบนี้
แน่นอน เรือใบสีฟ้า คือทีมที่ได้แชมป์ลีกมากที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา พวกเขาสร้างประวัติศาสตร์ทั้ง การเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก ทีมแรกและยังเป็นทีมเดียวที่ทำได้กับการทำแต้มได้มากถึง 100 คะแนน รวมถึงการได้แชมป์ทุกรายการในอังกฤษในฤดูกาลเดียว ก็ทำมาแล้ว แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือ แชมป์ยุโรป ที่พวกเขารอคอย และปีที่แล้วพวกเขาขาดเพียงก้าวเดียวก็จะเติมเต็มมันได้สำเร็จ ดังนั้นการเสริมทีมครั้งนี้ จึงชัดเจนมากกว่าครั้งไหนกับเป้าหมาย
กรีลิช โดดเด่นมาตลอด 2 ปีหลังสุด โดยฤดูกาลที่แล้ว เขามีส่วนทั้งหมด 18 ประตู (ยิง 6 แอตซิสต์ 12) ใน 27 เกมรวมทุกรายการ ถ้าไม่โชคร้ายมีปัญหาเจ็บหน้าแข้งต้องพักยาว 3 เดือน เขาอาจจะมีสถิติที่ดียิ่งกว่านี้ แต่ที่เด่นกว่านั้น คือรายละเอียดในสนาม เขาไม่ใช่ นักเตะ ที่โดดเด่นเรื่องของความเร็วแบบปีกซ้ายทั่วไป แต่จุดขายคือการเลี้ยงบอลติดเท้าที่ทะลุทะลวงดีมาก พร้อมกับการเปิดบอลจากกราบคุณภาพเยี่ยม และสุดท้ายคือเป็นตัวจบสกอร์ที่ดีคนหนึ่งในฐานะตัวริมเส้น และนั่นทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยากได้ตัวเขานักหนา เพราะสไตล์การเล่นแบบนี้ ตรงกับที่สไตล์การเล่นของทีม แถมพ่วงท้ายด้วยว่านี่คือ หนึ่งในนักเตะที่เรียกฟาลว์ได้มากที่สุดในลีก ที่หมายถึงการเพิ่มโอกาสในการเข้าทำได้หลากหลายขึ้น ยิ่งถ้าหากสุดท้าย พวกเขาปิดดีล แฮร์รี่ เคน ได้อีกคน ไม่อยากจะคิดว่าเกมรุกพวกเขาจะดุดันขนาดไหน ไม่น่าแปลกใจที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยออกปากชื่นชม กรีลิช หลายครั้งเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นของ นักเตะ สิงห์ผงาดคนนี้
มีการเปิดเผยจากสื่ออังกฤษว่าการเจรจาดีลประวัติศาสตร์นี้ เจ้าของสโมสรทั้ง คัลดูน อัล มูบารัค และ นาสเซอร์ ซาฟาริส เจ้าของทีมทั้งสองฝ่าย มีการพูดคุยกันโดยตรง และสามารถตกลงกันได้อย่างราบรื่น เมื่อการประเมินมูลค่าออกมาเป็นที่น่าพอใจ โดยเงินจำนวน 100 ล้านปอนด์ จะมีการแบ่งจ่ายตามจำนวนงวดที่ตกลงกันไว้ อย่างไรก็ตามก็ต้องชื่นชม กรีลิช ด้วยว่า มีความเป็นมืออาชีพสูงมาก กับการเลือกจะไม่ออกความเห็น หรือแสดงอาการใดออกมาในเรื่องนี้ และรอให้ทุกอย่างดำเนินการไปจนถึงจุดที่ว่าเขาได้รับอนุญาตแล้ว ซึ่งหลังจากได้รับการยืนยันถึงการอำลาทีม กรีลิช ได้มีการพูดคุยเป็นการภายในกับเพื่อนร่วมทีม โดยขอไม่ให้มีการบันทึกภาพ หรือคลิปใดทั้งสิ้น ภายในห้องแต่งตัว ในฐานะของ กัปตันทีม แอสตัน วิลล่า เป็นครั้งสุดท้าย
กรีลิช เป็นเด็กเยาวชนของสโมสรแอสตัน วิลล่า มาตั้งแต่ 6 ขวบ มาวันนี้เขาต้องการย้ายออก เขาก็ไม่อยากให้ ความรู้สึกที่ดีระหว่าเขากับสโมสร รวมถึงกับเหล่า “เดอะ วิลเลี่ยนส์” ต้องร้าวฉานกันกับการย้ายออกไป แน่นอนการย้ายทีมครั้งนี้ สร้างความผิดหวัง ปนความเสียใจ ของแฟนบอล แต่ก็ไม่ต้องการให้ความเกลียดชังอยู่ในใจเช่นเดียวกัน เมื่อ นักเตะ เลือกย้ายไปยังทีมที่มี “โอกาส” สูงกว่าในการประสบความสำเร็จ และทีมได้รับเงินจำนวนมหาศาลระดับสถิติสูงสุดของ พรีเมียร์ ลีก มันก็ต้องบอกว่า “คุ้มค่า” สำหรับแอสตัน วิลล่า และกระแสตอบรับของแฟนบอลส่วนมาก “ยอมรับได้” กับการเลือกเดินออกจากทีมของ กัปตันทีม ที่เติบโตจากระบบเยาวชนของพวกเขา
ด้วยความเคารพในตัวของ แจ็ค กรีลิช ผู้เขียนเห็น แอสตัน วิลล่า ส่ง แจ็ค กรีลิช ลงเล่นครั้งแรกในปี 2014 ยังไม่คิดเลยว่า เด็กคนนี้จะไปได้ไกลถึงขนาดนี้ นั่นก็มาจากความพยายาม และการต่อสู้อย่างหนักของนักเตะจนได้มาซึ่งสัญญาระดับ 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เช่นนี้
การเซ็นสัญญากับ กรีลีช จะทำให้สถานการณ์ของนักเตะหลายคน จากที่ไม่แน่นอนอยู่แล้วกลายเป็นสถานการณ์ที่ “ไม่ปลอดภัย” ในตำแหน่งของทีมทันที ด้วยระบบ 4-3-3 กรีลิช ผู้ซึ่งลงเล่นทางฝั่งซ้ายเป็นหลัก จะกลายเป็นคู่แข่งโดยตรงของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ ฟิล โฟเด้น โดยตรง อย่างไรก็ตาม ตัวริมเส้นคนอื่นอย่างเช่น เฟร์ราน ตอร์เรส หรือว่า เบร์นาโด้ ซิลวา ก็อยู่ในข่ายนี้ด้วย โดยเฉพาะ เบร์นาโด้ ที่มีข่าวว่าต้องการย้ายเพื่อการลงเล่นตัวจริงต่อเนื่องมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะทีมนั้นมีนักเตะตำแหน่งเดียวกับเขาหลายคน และผลงานก็ต้องบอกว่าใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดสภาวะ เก้าอี้ดนตรี ภายในทีม และแน่นอนว่าตลาดการซื้อขายรอบนี้ ต้องมีใครออกจากทีมไป
การมาของ กรีลิช หรืออาจจะรวมถึง เคน นอกจากจะได้เติมศักยภาพให้กับทีมแล้ว สิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย นั่นคือ “ความกระหาย” ที่จะประสบความสำเร็จ เพราะพวกเขาทั้งสองคน ไม่เคยได้แชมป์ใดเลยในระดับสูงสุด ยิ่งทำให้การย้ายทีมนี้จะเพิ่มแรงกระตุ้นในการไปสู่เป้าหมายได้มากกว่าเดิม และมันคงสุดยอดมากถ้าพวกเขาเติมเต็ม “ก้าวสุดท้าย” ในเวทียุโรปได้สำเร็จ การลงทุนครั้งนี้มันก็คุ้มค่าทันที
ที่เหลือก็มารอดูกันว่า เมื่อ กรีลิช มาแล้ว “เคน” จะมาตามนัดด้วยหรือเปล่า