อาร์เซนอล กลับมาพุ่งชนชัยชนะได้อีกครั้ง หลังความวายป่วงที่ แอนฟิลด์ 4-0 พังพาบกันแบบหมดสภาพทั้งรูปเกมการแข่งขัน และผลสกอร์ที่ออกมา แน่นอนสัปดาห์นี้พวกเขาพบกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในบ้านตัวเอง นี่คือโอกาสทองที่สุดของทีมแล้วในการกลับมาลุ้นสามคะแนน
ก่อนเกมนี้ มิเคล อาร์เตต้า ปลุกเร้านักเตะพอสมควรในเรื่องของสมาธิในการซ้อม และความพร้อมก่อนลงเกมนี้ พวกเขาจัดทัพใหญ่ ขาดเพียง กรานิท ชาก้า และ เซอัด โคลาซินัค เพียงสองคนที่เป็นทางเลือกเช่นเคย ส่วนทีมเยือนการได้ เอ็ดดี้ ฮาว ลงมาคุมข้างสนามเกมแรก หลังจากเกมก่อนติดโควิด-19 จนต้องทำได้เพียง วิดีโอคอลล์ คุยกับนักเตะ ก็เป็นยาดีสำหรับพวกเขาเช่นกัน เมื่อมีนายใหญ่มากำกับงานข้างสนาม
อาร์เซนอล เล่นในบ้านเจอทีมเดียวใน 4 ลีกอาชีพของอังกฤษที่ยังไม่ชนะใครเลยในฤดูกาลนี้ พวกเขาเล่นอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก บุกเข้าใส่ตั้งแต่นาทีแรก การเล่นในระบบ 4-4-1-1 ตามสไตล์ที่ใช้มาตลอด ส่วนทีมเยือนมาเน้นเกมรับแน่นหนา มาร์ติน ดูบราฟก้า กลับมาลงเฝ้าเสาได้ในเกมนี้ แนวรุก โจลินตัน – แม็กซิแมง และ วิลสัน อยู่กันพร้อมหน้า
หาก อาร์เซนอล คือบอลบุก นิวคาสเซิ่ล วันนี้ก็มาเกมรับแน่น รอจังหวะสวนกลับ พวกเขารู้งานอยู่แล้วว่า อาร์เซนอล ไม่ชอบเกมสไตล์เจอเกมรับแน่น บีบพื้นที่เร็ว ให้พื้นที่ในการเข้าทำน้อยในแนวหลัง สิ่งที่ ฮาว ทำกับ นิวคาสเซิ่ล ตลอด 1-2 สัปดาห์ที่มาคุมทีมคือ วินัยในการเล่นเป็นทีม และการฝึกอย่างหนักหน่วงที่ตัวนักเตะนิวคาสเซิ่ลก็ออกมายอมรับว่า พวกเขาทำงานกันหนักมากในช่วงที่ผ่านมา มากกว่าสมัย สตีฟ บรู๊ซ คุมทีมด้วยซ้ำ เพราะสิ่งแรกเหนือทุกแผนการเล่นคือ บุคลากรที่ลงสนามไป ต้องฟิตพร้อมทำงานตามสั่งให้ได้ตลอด 90 นาที
เกมวันนี้เราจึงได้เห็นเกมรับแบบมีวินัย เคลื่อนที่เป็นแผง นักเตะคุมพื้นที่ตามหน้าที่ บอลอาร์เซนอล เจอตั้งแต่สามตัวรุกที่ลงมารับต่ำกว่าครึ่งสนามเป็นด่านแรก ด่านสองกับกองกลาง ด่านสามคือกองหลัง สุดท้ายคือนายประตู นี่คือภารกิจเบิกทวาร อย่างแท้จริง
45 นาทีแรก อาร์เซนอล เจอแบบนี้เข้าไปก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ครองบอลบางช่วง 85 % ก็ไม่มีความหมาย เพราะคือการผ่านบอลไปมา ออกซ้าย-ขวา ตรงกลางไม่สามารถทำเกมได้อย่างที่ต้องการ ปาเตย์ – โลกอนก้า – เออเดการ์ด เจอบีบพื้นที่เร็วทันทีเมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่อันตราย โดยเฉพาะ เออเดการ์ด ที่ลงมาตัวจริงในเกมนี้ ครึ่งแรกพลิกหน้าเข้าหาประตูคู่แข่งไม่ได้เลย ปัญหามันจึงเกิดที่การเอาตัวรอดของผู้เล่นในจังหวะสำคัญ และจังหวะบอลที่ช้าไป และไม่แม่นยำพอ ทำให้ อาร์เซนอล ลำบากในครึ่งแรก ส่วน นิวคาสเซิ่ล รออย่างอดทน เมื่อจังหวะบอลเข้าทางพวกเขาก็สวนกลับ แมกซิแมง – วิลสัน มีทั้งความเร็ว และคล่องตัว สร้างอันตรายได้หลายครั้ง แต่ที่น่าจะเป็นโอกาสดีที่สุดคือการยิงไกลของ จอนโจ้ เชลวีย์ ลูกนี้ อารอน แรมสเดล ปัดได้อย่างสุดยอด เป็นซูเปอร์เซฟสำคัญของเกมนี้
ครึ่งแรกจบลงแบบที่ อาร์เซนอล ครองบอลเหนือกว่าทั้งหมด แต่กลายเป็นว่า ฟูลแบ็คสองข้างทั้ง ตาวาเรส และ โทมิยาสุ คือคนที่ได้โอกาสครองบอลมากที่สุด แถมได้จบสกอร์มากกว่ากองหน้าเสียด้วยซ้ำ ส่วนการเล่นของอาร์เซนอล เล่นได้ตามระบบ และแผนที่วางไว้ แต่มันยังไม่ได้ประสิทธิภาพตามต้องการ ครึ่งหลังจึงเน้นมากกว่าเดิม เปลี่ยนวิธีคิดบางอย่างในสนาม และทำให้เกิดประตูแรกที่เปลี่ยนเกมไปทั้งหมด
การเปลี่ยนสลับตำแหน่งการยืน ตาวาเรส ชั่วคราวที่สลับกับ สมิธ โรว์ หุบ ตาวาเรส เข้ามายืนด้านใน เพื่อเล่นชิ่งบอลกับ สมิธ โรว์ และ ซาก้า กลายเป็นการเล่นเพลย์ที่สวยงาม จบที่ ซาก้า หลุดเข้าไปยิงประตูแรกในเกมนี้ ลูกนี้แผงหลังนิวคาสเซิ่ล ตัวประกบซาก้า-ตาวาเรส ค่อนข้างประกบห่าง และเมื่อพลาดครั้งนี้เสียประตูทันที
พอเสียประตูนี้ทุกอย่างง่ายทันทีสำหรับเจ้าบ้าน เพราะ นิวคาสเซิ่ล ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเปิดเกมบุกมากขึ้น การเลือกส่ง ยาค็อบ เมอร์ฟี่ และ มิเกล อัลมิร่อน ก็ชัดเจน ต้องการหาทางเลือกใหม่ ๆ ลงมาในเกมบุกสู้ แต่แผนงานก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ตั้งรับมากแบบเดิม แล้วรอไม่ได้แล้ว “เกมคลายตัว” กว่าเดิม และนั่นทำให้ อาร์เซนอล สบายขึ้น บอลเข้าทาง รอโอกาสเข้าทำ เน้นเก็บบอลไว้กับทีม ซึ่งก็ทำได้มาตลอดเกมอยู่แล้ว พอประตูที่สองมาถึง ก็เป็นอันปิดกล่องเรียบร้อย ประตูนี้ ชื่นชมทั้งการวางบอลข้ามแนวรับของ โทมิยาสุ และ มาร์ติเนลลี่ คนยิงประตู ลูกนี้คือผลของการซ้อมล้วน ๆ คนวิ่งหาพื้นที่ว่างสร้างโอกาส คนผ่านบอลให้รู้เส้นทางวิ่งของเพื่อน กลายเป็นประตูที่ลุ้นประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนนี้ได้เลย
ช่วงเวลาที่เหลือคือ อาร์เซนอล มองหาเกมบุกต่อไป เน้นเกมรับให้ไม่ผิดพลาด จบด้วยคลีนชีตเกมที่ 6 จาก 13 เกมลีก เป้าหมายในการไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้ายังคงอยู่บนเส้นทางเต็มตัว ทีมกลับมาได้เร็วหลังความยับเยินในเกมก่อนหน้านี้ ด้วยชัยชนะที่เหนือกว่าทั้งรูปเกม การครองบอล จังหวะเข้าทำ และได้ประตูสำคัญในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ ไม่มีอะไรจะเยียวยาความผิดหวังในความพ่ายแพ้ ได้ดีเท่ากับชัยชนะอีกแล้ว
อาร์เซนอลก้าวเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี ด้วยการยังคงมีลุ้นในทุกรายการต่อไป กับเดือนสุดท้ายที่มีถึง 9 เกมรอคอยพวกเขาอยู่
ผ่านมาแล้ว 4 เดือน หลังจากออกสตาร์ทได้แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรมาถึงวันนี้ อาร์เตต้า กลบเสียงวิจารณ์การทำงานของตนเองได้ค่อนข้างดี ฤดูกาลนี้ อาร์เตต้า มีทีมของตนเองแบบ 100 % แล้ว กับ 11 ตัวจริงในเกมนี้ มีถึง 8 คนที่เขาอยู่ในกระบวนการคัดเลือกเข้ามาสู่ทีม 2 คนกับการเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสร และอีก 1 คนคือ โอบาเมยอง “อัศวินคนสุดท้าย” ที่อาร์แซน เวนเกอร์ เหลือเอาไว้ให้กับสโมสรแห่งนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2018 ที่เหลือคืออีก 1 เดือนต่อจากนี้ ก่อนเข้าสู่ตลาดการซื้อขายรอบเดือนมกราคม จะเป็นบทพิสูจน์ใหญ่มากว่าทีมนี้จะไปได้ไกลแค่ไหนกับ 9 เกมใน 31 วันนับจากนี้ ถ้าทีมยังสามารถประคองสถานการณ์การลุ้นพื้นที่ยุโรปเอาไว้ได้จนข้ามปี รวมถึงผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศคาราบาว คัพ ได้อีกรายการ ก็พอจะสรุปได้ว่า 6 คนที่ อาร์เตต้า ลงทุนมากกว่า 150 ล้านปอนด์ในรอบที่ผ่านมา สอบผ่านกันหมด เพราะทุกคนสามารถเข้ามาเป็นคนสำคัญภายในทีมได้ และช่วยกันพาทีมผ่านช่วงที่หนักที่สุดของฤดูกาลไปได้นั่นเอง
ธันวาคม จะเป็นอีกหนึ่งเดือนชี้วัดอะไรได้อีกหลายเรื่องของทีมชุดนี้ เช่นเดียวกับแนวทางการซื้อขายเดือนมกราคม 2022 ว่าจะออกมาเป็นเช่นไร เป็นอีกเดือนที่แฟนบอลทุกคนต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดในแบบข้ามปีกันเลยทีเดียว