“จะอดทนไม่ใช้งานเขาไปถึงเมื่อไร” นี่คือหนึ่งในพาดหัวข่าวเร้าใจของสื่อในอังกฤษอย่าง เดลี เมล์ ที่กล่าวถึงเด็กคนนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นผ่านสื่อว่า มิเคล อาร์เตต้า ควรเลือกใช้งานกองกลางเชื้อสายสเปนที่เกิดและเติบโตในประเทศอังกฤษคนนี้ ชาร์ลี ปาติโญ่ (17 ปี สัญญาระยะยาวกับอาร์เซนอล)
“นักเตะเยาวชน” หรือเหล่า “ดาวรุ่ง” ในวงการฟุตบอลยุคสังคมออนไลน์รุ่งเรือง กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับความสนใจจากแฟนบอลของแต่ละสโมสรอย่างยิ่ง เราจะได้รู้จักกับ นักเตะ ดาวรุ่งเยอะมากกว่าสัก 10 ปีก่อนเยอะมาก ทั้งในรูปแบบข้อมูลต่าง ๆ ที่ออกมาเสิร์ฟบนหน้าจอมือถือของคุณ และชื่อของ ปาร์ติโน่ คือหนึ่งในนั้น หลังจากมีคลิปของเขาในการเล่นกับทีมระดับอายุต่ำกว่า 23 ปีออกมา แล้วเขา “ปล่อยของ” ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจมาก
อาร์เซนอล ในฤดูกาลนี้ วางแผนงานชัดเจนในเรื่องของการลงทุนกับ นักเตะ อายุน้อยเป็นสำคัญ กับแผนงานระยะกลาง 3-5 ปี เช่นเดียวกับกับทีมเยาวชน ซึ่ง อาร์เซนอล มีการลงทุนมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา และยังคงเป็นเช่นนี้เสมอ
เป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วที่กลุ่มแฟนบอล อาร์เซนอล พูดถึงเด็กคนนี้ บ้างก็ว่าเขาคือ “ฟิล โฟเด้น คนใหม่” บ้างก็ว่าเด็กคนนี้ทรงดีมีแววรุ่งได้อย่าง บูคาโย่ ซาก้า และ เอมิล สมิธ โรว์ ที่ตอนนี้ครอบครองหมายเลข 7 และ 10 ของสโมสรปืนใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าแท้จริงแล้วเขาคือใคร เชิญอ่านได้ในบทความต่อจากนี้
ชาร์ลี ไมเคิ่ล ปาติโญ่ เกิดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2003 ในครอบครัวชาวสเปน แต่มาใช้ชีวิต และสร้างครอบครัวที่อังกฤษ โดย ชาร์ลี เริ่มต้นกับระดับเยาวชน เซนต์ อัลบานส์ ซิตี้ ที่ซึ่งก็อยู่ในย่านเดียวกับสนามซ้อมของ อาร์เซนอล ก่อนที่จะย้ายไปเข้าทีมเยาวชนของสโมสร ลูตัน ทาวน์ และเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลในระบบอาชีพแบบเต็มตัว และสิ่งที่เขาทำคือลงเล่นแบบแบกอายุ ด้วยการลงเล่นกับคนอายุมากกว่าเขา 1-2 ปี เพราะความสามารถของเขาดีพอจะเล่นได้
“ผมโตมาในย่านลอนดอน โคลนีย์ ซึ่งอยู่ใกล้มากกับสนามซ้อมของ อาร์เซนอล แต่ผมลงเล่นกับ เซนต์ อัลบานส์ ซิตี้ เป็นสโมสรแรก มีความทรงจำที่ดีมากมายที่นั่น รอคอยทุกวันเสาร์ที่จะลงเล่น เราไม่ได้มีการซ้อมอะไรแบบจริงจังหรอกนะ มีแต่การซ้อมพื้นฐาน ที่เหลือคืออิสระในการลงเล่น เล่นแบบเด็กคนหนึ่งที่อยากเล่นฟุตบอล”
“ผมรู้ว่าตอนที่ผมลงเล่นจะมีแมวมองเข้ามาดูเราลงเล่นมากแค่ไหน แต่รู้ว่ามี แต่ก็ไม่รู้อีกว่าพวกเขามาจากทีมไหนบ้าง และใครคือแมวมอง ดังนั้นสิ่งที่ผมสนใจคือเล่นให้เต็มที่ เล่นให้สนุก เพราะเวลานั้นผมไม่เข้าใจอะไรมากนักเกี่ยวกับฟุตบอลอาชีพ ไม่เข้าใจระบบแมวมอง ผมมาเข้าใจก็ตอนที่พ่อของผมมาอธิบายให้ฟัง และย้ำให้ผมลองดูโอกาสทั้งหมดที่เข้ามาแล้วคว้ามันเอาไว้”
“วันหนึ่งแมวมองของลูตัน เข้ามาติดต่อพ่อเกี่ยวกับการย้ายทีม เราตกลงกันในครอบครัวว่ามันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผมในเรื่องของการพัฒนาตัวเอง แต่ทุกอย่างมันจะไม่สนุกเต็มที่แล้วนะ มันจะมีความจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม แต่ผมก็สนใจที่จะไปที่นั่น ผมอยากทดสอบตัวเองอยากเก่งกว่านี้ และลูตัน ทาวน์ เป็นหนึ่งในทีมที่มีนักเตะเยาวชนเก่ง ๆ หลายคน พวกเขาคือหนึ่งในทีมเยาวชนชั้นนำ”
“พวกเขายังคงอยู่ในหัวใจของผมเสมอ ผมกับพ่อมีตั๋วปีของสโมสร และจะไปชมเกมเท่าที่จะสามารถทำได้ พวกเขามีส่วนสำคัญมากในชีวิตผ”
ไบรอัน สเตเปิลตัน หนึ่งในแมวมองของสโมสร อาร์เซนอล เป็นผู้ค้นพบเขา และชื่นชมเด็กคนนี้เอาไว้อย่างมาก
“ผมว่าเขาเป็นเด็กที่เก่งที่สุดที่ผมเคยจับตามองมาเลยล่ะ ผมบอกกับ ฌอน โอ’คอนเนอร์ หัวหน้างานของผมที่ อาร์เซนอลว่า ผมไม่จำเป็นต้องดูเขาลงเล่นเพิ่มเติมอีกแล้ว ผมมั่นใจและเต็มอิ่มแล้ว เด็กคนนี้ดีพอสำหรับอาร์เซนอล ถ้าเราไม่รีบนำเขามาร่วมทีมตอนที่ยังไม่มีใครรู้จัก ทีมอื่นมาเห็นจะไม่ปล่อยเขาหลุดมือแน่นอน ผมรู้เด็กคนนี้มีความสามารถ และจะยิ่งดีขึ้นไปกว่านี้ในอนาคต”
“ปกติเราจะต้องมีการดูนักเตะอย่างน้อย 5 รอบ จากแมวมอง 5 คน นั่นคือมาตรฐานที่เราใช้งาน แต่กับ ชาร์ลี ผมบอกกับ อาร์เซนอล ว่าผมเชื่อมั่นในความรู้สึก และสิ่งที่ผมเห็น”
ด้วยความโดดเด่นของเด็กวัยเพียง 11 ปี หากเป็นสัก 20 ปีที่แล้ว คงไม่มีทีมไหนสนใจหรือมีการแย่งชิงตัวนักเตะกันมากเท่าไรนัก (หรือมีก็อาจจะไม่เป็นข่าวดัง) แต่ยุคนี้ “ตลาดการซื้อขายนักเตะ” เริ่มต้นกันตั้งแต่ระดับเยาวชน แม้ว่าจะไม่มีเรื่องเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง แต่ทุกทีมในระดับชั้นนำต่างมองหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสโมสรตนเอง และเด็กคนนี้ คือหนึ่งในคนที่ดีที่สุดในรุ่น
พ่อแม่ของเขาได้รับคำเชื้อเชิญจากหลายสโมสรทั้งจากในลอนดอนอย่าง เชลซี และ สเปอร์ส รวมถึงสองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ก็สนใจในตัวเขา โดย เชลซี นั้นถึงขั้นเชิญครอบครัวไปดูสนามซ้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ แต่แล้วสุดท้าย อาร์เซนอล เป็นทีมที่ได้ตัวเขาไปร่วมทีม โดยมีการระบุว่า อาร์เซนอล จ่ายเงินจำนวน 10,000 ปอนด์ให้กับ ลูตัน ทาวน์ เป็นค่าตอบแทนในการนำนักเตะเข้ามาสู่ทีมในปี 2015
“มี 5 ทีมในพรีเมียร์ ลีก อยากเซ็นสัญญากับผม มันน่าตื่นเต้น และการย้ายมาจาก เซนต์ อัลบานส์ มาลูตัน มันก็เป็นก้าวใหญ่แล้วสำหรับผม แต่การมา อาร์เซนอล มันยิ่งกว่านั้น เราใช้เวลานานมากในการเลือกทีมที่เราเชื่อว่าเราจะเลือกได้อย่างเหมาะสมที่สุดสำหรับผม ผมเลือกจากการที่วันแรกที่ผมได้มาที่สนามซ้อมของอาร์เซนอล และผมบอกพ่อเลยว่านี่คือที่ซึ่งเหมาะสำหรับผม ผมอยากอยู่ที่นี่ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และในแง่ของโอกาสสำหรับนักเตะเยาวชนกับที่อาร์เซนอลก็เป็นสิ่งที่ดีมาก”
“ผมไม่รู้อะไรมากหรอกเกี่ยวกับฟุตบอลตอนผมย้ายมาที่นี่ แต่ครอบครัวช่วยผม นำทางผม และบอกถึงเหตุผลต่าง ๆ ในการที่ผมกำลังจะก้าวต่อไป หรือหากผมเลือกอะไรไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่มีวันลืมเรื่องราวและการชี้ทางจากครอบครัวได้เลย”
“โอกาสแบบนี้มันไม่ได้มีเข้ามาบ่อยครั้งในชีวิต ดังนั้นเราควรคว้ามันเอาไว้ และแน่นอนมันดีที่สุดสำหรับเขาด้วย ผมดีใจกับเขามาก” ฆูลิโอ ปาติโญ่ พ่อของ ชาร์ลี ผู้ซึ่งเป็นแฟนบอลของ เดร์ปอติโบ ลา คอรุนญ่า กล่าวในปี 2015 หลังการย้ายทีมของลูกชายจบลง
เริ่มต้นกับทีมเยาวชนอยู่สามปีระหว่างนั้นกลายเป็น นักเตะทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 16 ปี ที่ได้ปลอกแขนกัปตันทีมด้วยวัยเพียง 14 ปี ต่อจากนั้นอีกหนึ่งปีต่อมา อาร์เซนอล ดันเขาขึ้นมาเล่นในทีมอายุต่ำกว่า 18 ปีของสโมสร ก่อนที่ในเดือนตุลาคม 2020 เขาจะได้รับสัญญาอาชีพฉบับแรกจากสโมสรในวันที่เขาอายุครบ 17 ปี
ก่อนที่จะยกระดับการเล่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงหนึ่งปีหลังการเซ็นสัญญาอาชีพ ปาติโญ่ ได้รับการระบุชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ผลงานดีของทีมอายุต่ำกว่า 18 ปี และได้รับการผลักดันขึ้นมาเล่นในทีมอายุต่ำกว่า 23 ปีของสโมสร พในฐานะของตำแหน่งกองกลางหมายเลข 8 ผู้ซึ่งมี ซานติ กาซอร์ล่า เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจ ที่พ่วงด้วยตำแหน่งกัปตันทีมอีกต่างหาก
“ผมเติบโตขึ้นมากับการได้เห็นการเล่นของทีมชาติสเปน เติบโตมาพร้อมกับการได้เห็น ซานติ กาซอร์ล่า ลงเล่น เข่นเดียวกับ เชส ฟาเบรกาส และ มิเคล อาร์เตต้า พวกเขาคือนักเตะที่ผมชื่นชอบ แต่ ซานติ คือคนพิเศษสำหรับผม คุณภาพในการเล่นของเขาเป็นสิ่งที่พิเศษสุด ในฐานะกองกลาง ผมสามารถเรียนรู้ได้จากการเล่นของเขา อีกคนที่ผมมองเขาอยู่เสมอคือ บูคาโย่ ซาก้า เขาอายุมากกว่าผมแค่สองปี แต่เขาก้าวหน้าไปไกลอย่างรวดเร็ว และนั่นคือสิ่งที่ผมต้องการเดินตามเขาไปให้ได้นั่นคือเป้าหมายของผม”
ผลงานของ ปาติโญ่ ลงเล่นในระดับอายุต่ำกว่า 21 ปี ในฐานะของกองกลางเท้าซ้าย ซึ่งลงเล่นครบทุกเกม และผลงานน่าสนใจจนในที่สุด มิเคล อาร์เตต้า ก็เลือกให้โอกาสเขาในทีมชุดใหญ่ไปแล้วหนึ่งเกม ในเกมที่อุ่นเครื่องแบบปิดกับ เบรนท์ฟอร์ด ในช่วงต้นเดือนกันยายน และเริ่มกลายเป็นสมาชิกของทีมชุดใหญ่บ่อยครั้งขึ้น ยืนยันด้วยภาพการซ้อมมากมายที่มีเขาลงเล่นร่วมกับนักเตะชุดใหญ่ของอาร์เซนอล
นี่คือ “เส้นทาง” ที่สโมสรวางเอาไว้กับ นักเตะ ดาวรุ่งของทีม เริ่มต้นจากทีมเยาวชน พัฒนาความสามารถจากการทำงานหนัก และพยายาม มองผ่านสายตาโค้ช และสถิติที่ออกมาซึ่งเก็บโดย StatDNA บริษัทสัญชาติอเมริกันซึ่ง อาร์เซนอล ซื้อเข้ามาในปี 2012 ในการที่จะเข้ามาเก็บข้อมูลวิเคราะห์นักเตะทุกคนในทีม เป็นเครื่องยืนยัน ต่อจากนั้นขึ้นกับว่า “โอกาส” ของนักเตะแต่ละคนจะได้มาเมื่อไร หรือจะออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในทีมอื่น และกลับมาพร้อมกับผลงานที่สโมสรจะบอกเองว่า ดีหรือไม่สำหรับ อาร์เซนอล อย่างเช่นที่ เอมิล สมิธ โรว์ เคยได้รับมาแล้ว เช่นเดียวกับที่ มิเคล อาซีซ หรือว่า รีส เนลสัน และ นักเตะดาวรุ่งอีกหลายคนกำลังออกไป “ทดสอบ” ตนเองในฤดูกาลนี้
เด็กคนนี้อาจจะเป็นแบบ เปดรี ที่ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่บาร์เซโลน่าและกลายเป็นสตาร์ดาวเด่นในเวลาไม่นานนัก หรืออาจจะเป็นแบบ ฟราน เมริด้า (เยาวชน อาร์เซนอลในช่วงปี 2007-2010 ตอนนี้อายุ 31 ปี ลงเล่นกับเอสปันญ่อล) ที่ได้รับการยกย่องจนตัวลอยจากแฟนบอล เพราะดูจากผลงานทีมเยาวชนที่โดดเด่นมากของเขา ก่อนทุกวันนี้ชื่อของเขาแทบจะถูกลืมก็ยังคงเป็นไปได้ทั้งหมด
“โอกาสมาพร้อมความคาดหวัง” ในวงการฟุตบอลนักเตะหลายคนโดดเด่นในทีมเยาวชน แต่กลับไม่สามารถแจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่ได้ ด้วยหลายปัจจัยที่ทำให้พวกเขาไม่ได้สุดทางอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งทัศนคติ, ความสามารถ, วินัย ไปจนถึงปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่คว้าโอกาสเอาไว้ได้ และติดลมบนจนกลายเป็นดาวดังของวงการฟุตบอล “ดาวรุ่ง” กับ “ดาวร่วง” วัดกันที่ตรงนี้ ที่เหลือก็รอดูว่าเมื่อมันมาถึงเขาแล้วเขาจะตอบรับกับโอกาสได้ดีแค่ไหน และจะตอบความคาดหวังของโค้ชได้อย่างไรเท่านั้น…บนพื้นฐานความจริงที่ว่า ชาร์ลี ปาติโญ่ และชีวิตการเป็นนักเตะอาชีพของเขาเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น