ในขณะที่ นักเตะ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ กำลังถูกเรียกว่า “ยุคทอง” ของพวกเขากับการเกิดขึ้นมาของเหล่านักเตะดาวรุ่งหลายต่อหลายคนหลายสโมสรฟุตบอลอังกฤษยกระดับการสร้างทีมเยาวชนขึ้นมาได้ต่อเนื่องนักเตะหลายคนก้าวขึ้นมาสู่ทีมเยาวชนทีมชาติและกลายเป็นทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ในเวลาต่อมา
ชื่อของ ไทริค มิทเชลล์ หรือว่า มาร์ค เกฮี คือรุ่นใหม่ของทีมชาติอังกฤษ ที่กำลังรอลุ้นว่าจะได้ “Debut” ในเกมทีมชาติอังกฤษเป็นเกมแรกหรือไม่ ในสุดสัปดาห์นี้ และยังมีนักเตะอีกหลายคนที่กำลังจะรอลุ้นโอกาสทั้งจากในระดับอายุต่ำกว่า 21 ปี ที่หากไปดูรายชื่อแล้วหลายคนอยู่ในสโมสรใหญ่ และลงเล่นในระดับพรีเมียร์ ลีก และหลายคนกำลังอยู่ในความสนใจของทีมในพรีเมียร์ ลีก
อย่างไรก็ตามในอีกด้านหนึ่งเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินทางตามความฝันของตนเอง กับทีมเยาวชนของสโมสรที่ชื่อปั้นนักเตะเยาวชนได้ดีที่สุดในวงการฟุตบอลแห่งหนึ่งของโลก สโมสรที่ตั้งชื่อสนามซ้อมของพวกเขาว่า “De Toekomst” (The Future) เรากำลังพูดถึง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และเด็กหนุ่มอังกฤษ ที่ชื่อว่า ชาร์ลี เซตฟอร์ด (17 ปี สัญญาถึงกลางปี 2023)
ชาร์ลี เกิดในครอบครัว ซึ่งมีคุณพ่อเป็นโปรกอล์ฟอาชีพชาวอังกฤษ และแม่ชาวเนเธอร์แลนด์ และเลือกอาศัยอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ซึ่ง ชาร์ลี รวมถึงน้องชายของเขา ทอมมี่ ที่ก็เป็นนักฟุตบอลของทีมอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมเช่นกัน พวกเขาเกิดในเมืองฮาร์ลีม ประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่เขาไม่ได้เดินตามรอยของพ่อเขากับการหวดลูกด้วยไม้กอล์ฟ แต่เขาเลือกที่จะรับลูกด้วยมือในฐานะนายทวาร
วงการฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ ก็ไม่ต่างจากวงการฟุตบอลหลายประเทศที่มีการพัฒนานระบบเยาวชนขึ้นมา อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เป็นหนึ่งในสโมสรที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้ พวกเขามีเด็กเยาวชนตั้งแต่วัย 5-6 ปี มาจนถึงระดับทีมชุดใหญ่ รวมแล้วหลายร้อยคนอยู่ในความดูแล พร้อมกับมีทีมงานที่ทำหน้าที่ในการมองหา นักเตะเยาวชนอายุน้อย เข้ามาร่วมงานด้วยในแต่ละปีเพื่อนำมาพัฒนาต่อ เคียงข้างไปกับการเรียนหนังสือในโรงเรียน
ด้วยวัยเพียง 7 ปี ชาร์ลี ได้รับความสนใจจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และแจ้งกับครอบครัวของเขาในการที่จะให้เขามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมเยาวชนของสโมสร เล่นฟุตบอลด้วยความสนุก พร้อมกับการเล่นที่เตรียมพร้อมในแบบมืออาชีพในอนาคต และ ชาร์ลี เซตฟอร์ด เติบโตขึ้นมาจากตรงจุดนั้น
“ผมโตมากับครอบครัวที่มีความเป็นอังกฤษ เราคุยภาษาอังกฤษเป็นหลักในบ้าน แต่เราดูโทรทัศน์ที่พูดภาษาดัตซ์ ฟังเพลงดัตซ์ แต่เราชอบดูพรีเมียร์ ลีก มากกว่า เอเรเดวิซี ลีก เพราะมันสนุกตื่นเต้นกว่ามาก”
9 ปีผ่านไป ชาร์ลี ก้าวขึ้นมาสู่ทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ในปี 2020 พร้อมกับสัญญาอาชีพฉบับแรกด้วยจำนวน 3 ปี ก่อนจะก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วมาสู่ในทีมระดับ U-21 ของทีมหรือที่เรียกว่า “Jong Ajax” (Youth Ajax) ในที่สุด และเริ่มยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมที่ซึ่งทีมเยาวชนของสโมสรนั้นลงเล่นใน เอียร์ตีดิวิซี ลีก (Esrste Divisie) ซึ่งเป็นลีกรองของประเทศ เป็นที่ฝึกฝนและเก็บประสบการณ์ของเขาในวงการฟุตบอลอาชีพ
“เอียร์ตีดิวิซี ลีก เป็นลีกที่ยอดเยี่ยม ถ้าคุณอยู่อาแจ็กซ์ ตอนอายุ 17-19 ปี คุณจะได้มีประสบการณ์ในการเจอกับทีมระดับอาชีพ ซึ่งมันแตกต่างจากการเล่นทีมระดับเยาวชนมาก ทั้งความต่างเรื่องของความกดดัน ระดับการเล่นของมืออาชีพ พวกเขาต้องการขึ้นชั้น ชัยชนะเพื่อการไปเล่นในระดับที่สูงกว่า การได้สามคะแนนในระบบลีกสำคัญมาก ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ห้ามผิดพลาด นั่นคือข้อดีของที่นี่มากกว่าอังกฤษ เพราะนั่นหมายถึงผมเล่นในลีกอาชีพมาต่อเนื่อง ในขณะที่ในอังกฤษคุณอาจลงเล่นในระดับทีมเยาวชนอยู่”
หมายเหตุ: ปัจจุบันทีมสำรองของสโมสรในลีกสูงสุดที่ลงเล่นในลีกรองประเทศมีทั้งหมดสี่ทีมประกอบไปด้วย Jong Ajax, Jong PSV, Jong Feyenoord และ Jong FC Utrecht โดยมีกฎว่าทีมเหล่านี้จะไม่สามารถเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในลีกสูงสุดได้ แต่สามารถตกชั้นได้ไปเล่นใน Tweede Divisie ซึ่งเป็นลีกสามของประเทศ
หลังจากลงเล่นในระดับ Jong Ajax ไม่นานนัก โอกาสครั้งใหญ่ก็ใกล้เข้ามาอีกนิดเมื่อเขาได้ไปนั่งข้างสนามในฐานะตัวสำรองของทีมชุดใหญ่ เมื่อ มาร์เทร สเตเคเลนเบิร์ก และ เรมโค พาสเวียร์ สองนายทวารประสบการณ์สูงบาดเจ็บทั้งคู่ ขณะที่ อันเดร โอนาน่า อดีตมือหนึ่งของทีมที่กำลังจะย้ายไปเล่นกับ อินเตอร์ มิลาน ต้องลงมาทำหน้าที่แทน ชื่อของ ชาร์ลี เซตฟอร์ด ก็โผล่ขึ้นมาในฐานะของตัวสำรองในทีมเป็นครั้งแรก และแน่นอนตลอดสัปดาห์เขาอยู่ในการซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของสโมสร
“การซ้อมกับทีมชุดใหญ่คืออีกระดับหนึ่งเลย มันเป็นการซ้อมของระดับสูงมาก รูปแบบการซ้อมทีมอาจจะไม่ต่างกับทีมเยาวชน แต่คุณจะเจอกับอะไรที่ยิ่งกว่านั้น การออกบอลที่เร็วกว่า เร็วกว่า การยิงประตูหนักหน่วงกว่า เข้าปะทะกันเร็วกว่า เราไม่สามารถเสียสมาธิไปได้เลย เพราะในฐานะนายทวาร การเจอกับลูกยิงแต่ละครั้ง ถ้ามันเข้า มันคือการเสียความมั่นใจ และถ้ายังเสียไม่เลิกเราจะไม่เหลืออะไรเลย แม้กระทั่งอาจจะคิดไปเองว่า “หรือว่าเราดียังไม่พอ” จะเป็นนายทวารของทีมชุดใหญ่”
นักฟุตบอล หรือว่างานอะไรก็ตามแต่เรื่องของการ “ทำซ้ำ” เป็นสิ่งที่จำเป็นหากต้องการความคุ้นชิน และคุ้นเคยกับงาน หลังผ่านไปหลายเดือนที่มาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ชาร์ลี ก็ได้พบว่าเขาทำได้กับการอยู่ในทีมชุดใหญ่ พร้อมกับความจริงที่ว่าเขายังอ่อนด้อยมากนักกับการเป็นนายทวารระดับอาชีพ
“ผมได้รู้ว่าตัวเองขาดอะไรไปบ้าง ผมขาดเทคนิคการวิ่งออกมาตัดบอลจากจังหวะเตะมุมที่ต้องซ้อมมากกว่านี้ ผมชอบเซฟบอลมาตั้งแต่เด็ก และผมคิดว่าที่ผ่านมามันดีแล้ว ในทางกลับกันยิ่งซ้อมมากขึ้นในระดับสูง ผมก็ได้รู้จักตัวเองในหลายด้าน อย่างเช่น เท้าซ้ายของผมเตะได้แรงกว่าเท้าขวา และส่งแรงในการพุ่งตัวได้ดีกว่า โค้ชสอนอะไรผมเยอะมาก เช่นเดียวกับการกระตุ้นทั้งคำชม และคำวิจารณ์ เพื่อให้ผมพร้อมกับการเป็นนายทวารที่รู้จักตัวเองให้มากที่สุด”
เส้นทางของ ชาร์ลี เซลฟอร์ด ยังคงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น แต่ก็มีความฝันมากมายไม่ต่างจากเด็กหนุ่มทั่วไป การลงเล่นในพรีเมียร์ ลีก คือหนึ่งในความฝันนั้น เช่นเดียวกับการลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ ที่เขาได้เห็น จอร์แดน พิคฟอร์ด, อารอน แรมสเดล, นิคโป๊ปและอีกหลายคนลงเล่นในระดับสูงทั้งที่อายุห่างจากเขาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น
“ผมคือนักเตะของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ผมมั่นใจว่าที่นี่จะทำให้ผมก้าวไปสู่การเป็นนักเตะระดับอาชีพได้แบบเต็มตัว สมาธิทั้งหมดของผมอยู่ที่นี่ ผมอาจจะชอบพรีเมียร์ ลีก มาก มันคือลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ เอเรเดวิซี ลีก คือปลายทางของผมนับจากนี้ ทุกอย่างมีขั้นตอนของมัน สำหรับผม ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนอังกฤษ ที่เกิดและเติบโตในเนเธอร์แลนด์ แน่นอนผมเล่นกับเนเธอร์แลนด์ ได้เหมือนที่ผมเคยเล่นในระดับเยาวชนมาแล้วทั้งสองชาติ แต่สุดท้ายเมื่อต้องเลือกผมอยากให้พ่อผมภูมิใจ หัวใจของผมคือชาวอังกฤษ และการเล่นกับทีมชาติอังกฤษคือความฝันของผม”