เฟรดริก ลุงเบิร์ก ในช่วงที่กลับมารับงานกับ อาร์เซนอล รอบที่สอง เขาได้รับตำแหน่งเป็นโค้ชระดับเยาวชนของสโมสร และเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ให้โอกาสกับ บูคาโย่ ซาก้า ในการยกระดับจากทีมอายุต่ำกว่า 18 ปี ก้าวขึ้นสู่ทีมอายุต่ำกว่า 23 ปี ก่อนที่จะกลายเป็น นักเตะทีมชุดใหญ่ในเวลาต่อมา เมื่อ อาร์เซนอล มีปัญหาเกี่ยวกับการลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย จำเป็นของทีม และเขาก็ทำงานของเขาได้อย่างดี พร้อมกับจบฤดูกาลนั้นด้วยการทำแอตซิสต์มากถึง 11 แอตซิสต์ ส่วนหนึ่งเพราะ นี่ไม่ใช่การเล่นแบ็คซ้ายของเขานั่นเอง
“สมัยลงเล่นกับทีมอายุต่ำกว่า 16 ปี และ ระดับ 19 ปี ของทีมชาติอังกฤษ ซาก้า คือคนที่เราเลือกให้เป็นแบ็คซ้ายของทีม เขาเริ่มต้นจากตรงนั้นก็จะพัฒนาตัวเองไปเป็นเป็นตัวริมเส้นทางซ้ายในเวลาต่อมา” พอล ซิมป์สัน หนึ่งในทีมงานโค้ชทีมชาติอังกฤษชุดระดับเยาวชน กล่าว
“ในระดับทีมชาติชุดเยาวชน เรามักเล่นเกมรุกมากกว่าปกติ เพราะส่วนมาก เรามักจะเจอกับทีมชาติที่เล่นเกมรับลึก และรอเล่นเกมสวนกลับ ส่วนเราก็ต้องการเล่นเกมรุกด้วยความเร็ว ซึ่ง ซาก้า ก็มีศักยภาพในแบบที่เราต้องการ เขามีความเร็ว, เลี้ยงบอลคล่อง เป็นอาวุธในการจู่โจมคู่แข่ง เราเลือกเขาลงเล่น แบ็คซ้าย เพราะเรามองเห็นถึงประโยชน์ในการเล่นของเขา และเราก็เลือกใช้งานเขาบ่อยครั้ง แม้เขาจะบอกผม และทีมงานบ่อยมากว่า เขามองตัวเองเป็นปีก แต่ก็ยินดีจะเล่นแบ็คซ้ายให้กับทีม”
“ผมบอกกับเขาว่า ผมคิดว่าเขาสามารถจะเล่นแบ็คซ้ายได้แบบถาวรเลยนะ เพราะการเล่นตำแหน่งนี้ เขาจะได้เห็นพื้นที่ด้านหน้าทั้งหมด เมื่อรวมกับศักยภาพของเขาที่มี เขาเหมาะมากที่จะเล่นตรงนี้ ซึ่งสุดท้ายแล้ว อาร์เซนอล ก็เห็นตรงกันในการลองใช้งานเขาในพรีเมียร์ ลีก แต่สุดท้ายเขาก็ได้เล่นปีกอีกครั้งจนได้ แต่ผมก็มีความสุขที่เห็นแบบนั้นนะ เด็กคนนี้มีความสามารถที่ดี แบบไม่ต้องไปบอกใครว่าเขาดี แต่เขาทำให้ดูในสนาม บูคาโย่ ยังคงเป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง ยังมีความสนุกในการเล่นฟุตบอลแบบเด็กคนหนึ่ง แต่ที่ผมชอบมากคือเขา มีสมาธิกับเกม มีวินัยในตนเอง และถ่อมตน”
ซาก้า มองตัวเองยังคงอยู่กับ อาร์เซนอล เช่นเดียวกับที่เขามองว่าเขาต้องการเล่นเป็นผู้เล่นในแนวรุก เหมือนกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งเป็นไอดอลของเขา และ อาร์เซนอล ก็มีการเสริมแบ็คซ้ายเข้ามาแล้ว อย่าง คีแรน เทียร์นีย์ ในช่วงหน้าร้อน และเขาไม่ต้องการกลับไปเล่นแบ็คซ้ายอีก ซึ่งนั่นเป็นความตั้งใจของเขา และ มิเคล อาร์เตต้า ก็ยอมรับในเรื่องนี้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การต่อสัญญาใหม่เกิดขึ้น
“ลอนดอน เป็นบ้านของผม อาร์เซนอล คือทีมของผม ผมมีความสุขที่ทุกอย่างสามารถจบลง กับการต่อสัญญาใหม่ ตอนนี้ผมมองถึงเป้าหมายอนาคตที่รออยู่ข้างหน้า กับการทำงานหนักต่อไป เพื่อเป้าหมายที่ผมฝันไว้ต่อไป”
ปัจจุบันนี้ บูคาโย่ ซาก้า กลายเป็น นักเตะ ที่ลงเล่นมากที่สุดในทีมอาร์เซนอล โดยลงเล่นไปทั้งหมด 19 เกมด้วยจน (นับจนถึงสิ้นสุดปี 2020) ขณะที่ในการลงเล่นกับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ซาก้า ติดทีมชาติครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา ในเกมพบกับ เวลส์ ปัจจุบันเขาลงเล่นกับ “สิงโตคำราม” ไปแล้วทั้งหมด 4 เกม โดยเขาเลือกเล่นกับทีมชาติอังกฤษ แทนที่ทีมชาติไนจีเรีย ตามเชื้อสายของครอบครัว
“สิ่งที่ผมได้เห็นในตัวเขากับการลงเล่นใน พรีเมียร์ ลีก และ แนวทางการเล่นที่ อาร์เซนอล ปั้นเขาขึ้นมา รวมถึงการให้เขาได้เล่นในตำแหน่ง ปีก ที่เขาต้องการ นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า อาร์เซนอล เชื่อมั่นในตัวของเขา และผมจะไม่แปลกใจเลยว่า จะได้เห็นเขาลงเล่น วิ่งผ่านแนวรับคู่แข่ง แสดงความสามารถของเขาออกมา เพราะเขามีทุกอย่างอยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะเล่นเป็นปีก หรือจะต้องกลับไปเล่นเป็นแบ็คซ้ายอีกครั้งก็ตาม”
บูคาโย่ ซาก้า ไทม์ไลน์ของการเป็น นักเตะ อาชีพ
นับตั้งแต่ขึ้นมาเล่นกับอาร์เซนอลชุดใหญ่ครั้งแรก รวมเวลาทั้งสิ้น 23 เดือน เขาได้สัญญาใหม่ ได้เสื้อหมายเลข 7 ของอาร์เซนอล และติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ และอนาคตของเขายังคงเดินหน้าต่อไป