ชื่อเสียง เงินทอง และความสำเร็จ เป็นสิ่งที่ นักเตะ ทุกคนต่างปราถนาที่จะได้มาครอบครอง นักเตะ หลายคนพยายามาทั้งชีวิต เพื่อที่จะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ สโมสรระดับโลก หรืออยู่กับสโมสรระดับอาชีพ สักสโมสร และนี่คือเรืองราวของเขาคนนี้
“Play the Arsenal Way” นี่คือสิ่งที่ อาร์เซนอล เคยนำมาเป็นจุดขายสำหรับ เด็กทุกคนที่รักในฟุตบอล และอยากลงเล่นกับ อาร์เซนอล สโมสรหนึ่งที่มีแนวทางการเล่นที่ชัดเจน ซึ่งรวมถึง เฮนเดอร์สัน ที่อยากเป็นหนึ่งในนั้น
เด็กหนุ่มชาวอังกฤษ เริ่มต้นการเล่นฟุตบอล ในฐานะเด็กเยาวชนของสโมสร อาร์เซนอล มาตั้งแต่เด็กด้วยอายุเพียง 8 ปี และเข้าสู่ระบบเยาวชนของ “ปืนใหญ่” ก่อนจะยกระดับการเล่นขึ้นมาตามลำดับ จนถึงระดับทีมสำรองของอาร์เซนอล และมีโอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของ อาร์เซนอล ในฤดูกาล 2009-2010 ในเกมเอฟเอ คัพ ในเกมพบกับ เลย์ตัน โอเรียนท์ โดยตอนนั้น เฮนเดอร์สัน ในฐานะ นักเตะ ดาวรุ่งด้วยวัยเพียง 19 ปี
ทุกอย่างน่าจะไปได้ด้วยดี เขาน่าจะมีได้รับโอกาสมากยิ่งขึ้นต่อเนื่อง แต่แล้วหลังจากเกมนั้น เขาไม่ได้รับโอกาสในทีมชุดใหญ่อีกเลย จนกระทั่งเขาตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับ อาร์เซนอล และออกจากทีมไปแบบไม่มีค่าตัว ในปี 2013
เขาตัดสินใจย้ายไปร่วมงานกับ ฮัลล์ ซิตี้ ซึ่งในเวลานั้นลงเล่นใน พรีเมียร์ ลีก แต่ก็ยังไม่ได้รับโอกาสในเกมลีกแม้แต่เกมเดียว ด้วยปัญหาเกี่ยวกับปัญหาบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างรุนแรง และนั่นทำให้ เขาพลาดการลงเล่นไปพักใหญ่ ก่อนที่สุดท้าย เขาจะลดระดับการเล่นของตนเองเพื่อหาโอกาสลงเล่นในระดับอาชีพ ด้วยการย้ายไปเล่นกับ ครอว์ลีย์ ทาวน์ สโมสรในระดับ ลีก วัน โดยก่อนหน้านั้นสมัยอยู่กับ อาร์เซนอล และ ฮัลล์ ซิตี้ เขาเคยลงเล่นในลีก วันมาแล้ว กับการยืมตัวมาเล่นกับ โคเวนทรี ซิตี้ และ สตีฟเนจ มาก่อนหน้านี้
“ผมคิดว่าตัวเองโชคดี สมัยลงเล่นกับ อาร์เซนอล ผมได้ลงซ้อมกับ ทีมชุดใหญ่ ได้ลงซ้อมกับ กองกลางของทีมชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เชส ฟาเบรกาส, ซามีร์ นาสรี และ โทมัส โรซิคกี้ พวกเขาเป็นสุดยอด นักเตะ ในยุคนั้นของทีม ที่สำคัญที่สุดคือ ผมเป็นแฟนบอล อาร์เซนอล มานาน และการได้ลงซ้อมกับพวกเขา ได้พูดคุยกัน มันเป็นเรื่องอะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก”
“เชส ไม่ใช่คนแข็งแกร่ง ไม่มีความเร็ว แต่คุณไม่เคยที่จะได้บอลจากเขาเลย และเขาไม่เคยเสียบอลให้ใคร และด้วยเหตุผลแบบนั้น มันทำให้ผมจ้องมองการเล่นของเขา การระแวดระวัง ไปจนถึงเทคนิคการเล่น เพื่อนำไปปรับปรุงการเล่นของตนเอง”
“การได้ลงเล่นกับ อาร์เซนอล ในทีมชุดใหญ่ ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม มันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ยิ่งทีมชนะด้วยแล้ว มันก็ยิ่งพิเศษ ผมสนุกมากกับทุกอย่างในวันนั้น ได้ประสบการณ์ ได้ความทรงจำที่ได้แชร์ร่วมกับ ครอบครัว”
“ตอนผมออกจาก อาร์เซนอล ผมอายุเกือบ 22 ปี ผมเพิ่งได้ลงสนามไปแค่เกมเดียว ในทีมชุดใหญ่ และนั่นล่ะ คือเหตุผลที่ผมเลือกออกจากทีม แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกอยากย้ายออกจากทีม อาร์เซนอล”
“ผมย้ายออกจากทีมไป แต่หลังจากนั้น 3-4 ปีต่อมา ผมกลับเจอกับปัญหาใหญ่กว่าเดิม นั่นคือ ผมไม่สามารถปรับตัวเข้ากับแนวทางการเล่นของสโมสรเหล่านั้น และแนวทางการเล่นที่พวกเขาอยากให้ผมลงเล่น”
“ผมอยู่กับ อาร์เซนอล ตั้งแต่อายุ 8 ปี จนมาถึง 21 ปี ผมลงเล่นแนวทางเดียวเสมอ และมันส่งผลกับผมเยอะมาก เมื่อหลายทีมไม่ได้ลงเล่นในแบบที่ อาร์เซนอล ลงเล่น และผู้จัดการทีมหลายคน ไม่ต้องการลงเล่นในแนวทางนี้”
เฮนเดอร์สัน นับตั้งแต่ย้ายออกจาก อาร์เซนอล อย่างถาวร ในฤดูกาล 2014-2015 เขาวนเวียนกับทีมระดับ ลีก ทู , ลีก วัน และ เนชั่นแนล ลีก เขาอยู่กับทีมระดับล่างมาโดยตลอด แถมยังมีปัญหาบาดเจ็บเป็นระยะ และจนท้ายที่สุดเขามีปัญหาบาดเจ็บยาวพักนาน 8 เดือน ซึ่งในระหว่างนั้นเขาลงเล่นกับสโมสร อีสต์บอร์น โบโร่ ฟุตบอล คลับ ซึ่งอยู่ใน เนชั่นแนล ลีก และปล่อยเขาออกจากทีมระหว่างบาดเจ็บ
อาการบาดเจ็บหนัก ทำให้เขาไม่มีทางเลือกมากนัก กับการหาทีมในอังกฤษ เมื่อผลงานไม่ปรากฎ แถมอาการบาดเจ็บยังคงรบกวน ทางเดียวหากต้องการลงเล่นฟุตบอลอาชีพต่อไป นั่นคือการย้ายไปเล่นยังต่างประเทศ
“สมัยผมเล่นกับ ครอว์ลีย์ ทาวน์ ผมหวังว่าตัวเองจะฟอร์มการเล่นที่ดี เพื่อให้ตัวเองพอจะมีโอกาส กับสโมสรในลีกที่สูงขึ้น แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่หวัง และสุดท้ายการไปต่างประเทศ ก็เป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่”
“บอกตามตรงผมไม่มีความสุขกับฟุตบอลอีกต่อไปแล้ว กับทั้งปัญหาบาดเจ็บ และการเล่นที่ลดระดับลงไป แต่ผมก็คิดว่า หากยังมีโอกาสลงเล่นฟุตบอลนอกประเทศ มันก็อาจทำให้ผมมีความสนุก กับฟุตบอลได้อีกครั้ง ผมได้คุยกับ เอเยนต์ และผมได้บอกกับเขาว่า ผมไม่ต้องการลงเล่นฟุตบอล ในประเทศอังกฤษอีกต่อไปแล้ว ผมอยากย้ายไปเล่นที่ไหนก็ได้ในยุโรป ผมต้องการสักที่ซึ่งเหมาะสมกับผม”
เฮนเดอร์สัน ได้รับคำแนะนำจาก รอสส์ เจนกิ้นส์ อดีตนักเตะวัตฟอร์ต ที่เคยย้ายมาลงเล่นในลีกรองของยุโรป กับสโมสรที่ชื่อว่า ปิริน บลาโกลเอฟกราด สโมสรฟุตบอลในลีกรองของประเทศ บัลแกเรีย
“ผมได้คุยกับ รอสส์ และเขาบอกผมว่า “ไปที่นั่นเถอะ แล้วคุณจะมีความสุขกับมัน” เขาบอกกับผมหลายเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่ดีของทีม และลีก บัลแกเรีย ซึ่งเขาเชื่อมั่นว่ามันจะเหมาะกับผมมากกว่าผมอยู่ในอังกฤษ มากกว่าที่ผมอยู่ในอังกฤษ 3 ปีหลังสุดแน่นอน”
กับ ปิริน บลาโกลเอฟกราด กลายเป็นการ “เกิดใหม่” ของ เฮนเดอร์สัน แบบเต็มตัว เขาลงเล่นแบบต่อเนื่องตลอดหนึ่งฤดูกาลเต็ม และนั่นดีพอที่จะทำให้เขาได้ย้ายทีม โดยในปี 2018 เขาย้ายไปร่วมงานกับ ดูนาเรีย คาลาราซี่ สโมสร จากประเทศโรมาเนีย อย่างไรก็ตามสุดท้ายในปี 2020 เขากลับมาร่วมงานกับ ปิริน บลาโกลเอฟกราด อีกครั้ง และยังคงลงเล่นฟุตบอลกับทีมในฤดูกาลล่าสุด
หลังจากออกจาก อาร์เซนอล สโมสรที่เขารักมาตั้งแต่เด็ก จากเยาวชนที่ไม่ได้รับโอกาส มาจนถึงวันนี้ ผ่านไป 8 ปี ในที่สุด คอเนอร์ เฮนเดอร์สัน ก็กลายเป็น “คนสำคัญ” ของสักสโมสรได้ในที่สุด
“ถ้าคุณเป็นใครสักคนที่เกิดมาจาก ทีมเยาวชนของสโมสร พรีเมียร์ ลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมาจากสโมสรระดับชั้นนำตั้งแต่สมัยเด็ก กับแนวทางการเล่น ที่สอนเราแต่การผ่านบอล และการเคลื่อนที่ แต่ไม่เคยสอนว่าเราจะเอาตัวให้รอดอย่างไรในการเล่นจาก ลีก วัน และ ลีก ทู แต่ถ้าคุณผ่านมันมาได้แล้วล่ะก็ ผมบอกได้เลยว่า การย้ายมาเล่นในยุโรป มันก็ไม่ยากแล้วล่ะ”
ปัจจุบัน คอเนอร์ เฮนเดอร์สัน อายุ 29 ปี