เลสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นทีมเดียวในพรีเมียร์ ลีก ที่ยังไม่มีการซื้อนักเตะเข้ามาสู่ทีม และเหลือเวลาอีกประมาณ 6 สัปดาห์ตลาดการซื้อขายก็จะปิดลงแล้ว
“บีอาร์” เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ของทีมมีการกล่าวถึงเรื่องนี้ หลังการไปเล่นในเบลเยี่ยมกับสโมสร โอเอช ลูเวิน ทีมซึ่งมีกลุ่มคิง พาวเวอร์ เป็นเจ้าของเช่นเดียวกัน โดย ร็อดเจอร์ส ยอมรับว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจไม่น้อย และทีมก็อยากได้นักเตะใหม่เข้ามาเสริมเช่นกัน แต่จะเสริมได้ก็ต้องเคลียร์นักเตะในทีมออกไปก่อนด้วย ไม่อย่างนั้นก็ยากจะได้คนใหม่มาเสริมทีม
“ผมยังคงเชื่อมั่นในสโมสร พวกเขาทุ่มเททุกอย่างให้กับผม มันเป็นสิ่งที่ผมได้รับมาตั้งแต่วันแรกที่ได้รับงานที่นี่ แต่มันก็ชัดเจนเช่นกันที่ว่าเราต้องทำการปล่อยนักเตะออกจากทีมให้ได้ก่อน เราถึงจะสามารถดึงนักเตะใหม่มาร่วมงานด้วย เราอาจจะไม่เหมือนกับสโมสรอื่น และจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ผมจะทำงานของผมต่อไปกับทีมของเรา และแน่นอนหากสโมสรสามารถทำบางอย่างในตลาดการซื้อขายได้ เราก็ต้องการมันเช่นกัน”
ตอนนี้มองจากสถานการณ์แล้ว เลสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้เดือดร้อนถึงขั้นต้องขายตัวหลักออกจากทีมไป แต่ก็ต้องการงบประมาณมาลงทุนทำทีมต่อ พวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่หลายคนรู้สึก และรู้จักว่าพวกเขาซื้อถูกขายแพงได้ในหลายดีลอย่างเช่นในดีลของ แฮร์รี่ แมคไกวร์ ที่ซื้อมาจากฮัลล์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 17 ล้านปอนด์ แต่วันที่ขายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาได้ราคาถึง 80 ล้านปอนด์ หรืออย่างการปล่อยเด็กเยาวชนของทีมอย่างเบน ชิลล์เวลล์ ที่ฟอร์มดีเพียง 1-2 ปี กลับขายได้ระดับ 50 ล้านปอนด์ไปเล่นกับเชลซี หรือถ้าย้อนไปไกลหน่อยอย่างดีลของ เอนโกโล่ กองเต้ และ ริยาด มาห์เรซ ก็ทำกำไรให้พวกเขาได้หลายเท่าตัวจากวันที่ซื้อเข้ามา อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาพวกเขาไม่มีการขายนักเตะในราคาที่น่าพอใจ ตรงกันข้ามกับการซื้อนักเตะอย่าง แพทสัน ดาก้า, บูบาการี่ ซูมาเร่ หรือว่า ยานนิค เวสเตอร์การ์ด ผลงานไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร และเลสเตอร์ จบด้วยอันดับ 8 ในลีก ซึ่งเป็นอันดับที่แย่ที่สุดนับจากปี 2018-20219 เป็นต้นมา พลาดการเล่นฟุตบอลยุโรปในปีนี้
เลสเตอร์ ซิตี้ ในยุคของคิง พาวเวอร์ นอกจากจะได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก เมือปี 2016 มาจนถึงการได้แชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 2021 พวกเขาต้องการยกระดับการพาทีมกลับไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้อีกครั้ง ซึ่งถึงตรงนี้พวกเขายังคงพยายามต่อไป เริ่มต้นจากการสร้างทีมให้เป็น “ขาประจำ” ของฟุตบอลยุโรปให้ได้เป็นอันดับแรก ซึ่งปีที่ผ่านมาในส่วนนี้ล้มเหลว และมันส่งผลส่วนหนึ่งกับการซื้อนักเตะในรอบนี้ ยังไม่รวมถึงช่วง โควิด-19 ระบาดหนักเมื่อสองปีที่แล้ว ทุกธุรกิจเจ็บตัวกันหมด เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ได้รับผลกระทบไปด้วยไม่มากก็น้อย
ในส่วนของการขายนักเตะและการเจรจาสัญญาใหม่ เลสเตอร์ มีการต่อสัญญา เวสลีย์ โฟฟาน่า และ เคียแนน ดูว์บิวรี่-ฮอลล์ สองนักเตะที่เป็นกำลังสำคัญของทีมรุ่นใหม่ออกไป แต่ก็มีนักเตะอีก 10 คนที่กำลังจะหมดสัญญาในช่วงกลางปี 2023 นี้แล้ว ทั้ง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล และ เจมี่ วาร์ดี้ สองรุ่นใหญ่ในทีมที่ตอนนี้อายุ 35 เข้าไปแล้วทั้งสองคน หรือตัวหลักในทีมอย่าง คากลาร์ โซยุนคู ก็เป็นหนึ่งในสิบคนนั้นด้วย เป็นหนึ่งในสิ่งที่พวกเขาต้องพิจารณาให้ดีว่าจะเก็บใครไว้ ปล่อยใครออก และใครเต็มใจอยากอยู่ต่อกับทีมบ้าง
ในกรณีของการปล่อยนักเตะที่อยากปล่อย พวกเขาอยากปล่อยนักเตะหลายคนออกจากทีม ซูมาเร่ คือหนึ่งในคนที่พวกเขาพร้อมรับฟังข้อเสนอแต่ก็ยังไม่ได้ข้อเสนอที่น่าพอใจ, ฮัมซ่า ชาดูรี่ ก็เช่นเดียวกัน และก็ไม่ต่างจากหลายสโมสรกับการประสบปัญหาเดียวกันนั่นก็คือ “อยากขายขายไม่ได้ ไม่อยากขายก็ขอซื้อกันจัง” พวกเขาได้ข้อเสนอขอซื้อ ธิโมธี กาสตานเญ่ ฟูลแบ็คเบลเยี่ยมเข้ามาจากสโมสรในสเปน อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่อยากปล่อย เพราะแม้ว่านักเตะจะมีอาการบาดเจ็บเข้ามาทักทายประปราย แต่ด้วยฟอร์มของเขาก็ทำได้ดี รวมถึงดีลของ ยูริ เทเลมองส์ กองกลางเบลเยี่ยมที่อยู่ในสัญญาปีสุดท้ายแล้ว
เทเลมองส์ วัย 25 ปี เป็นตัวหลักของเลสเตอร์มาโดยตลอด แต่เจ้าตัวยืนยันแล้วว่าไม่ต้องการต่อสัญญาใหม่กับทีมออกไป แต่ในเวลาเดียวกันข้อเสนอที่เข้ามาก็ยังไม่มีใครยื่นข้อเสนอเข้ามาเสียที โดยเฉพาะอาร์เซนอล ที่มีข่าวกับเขามาหลายเดือน
อ้างอิงจากข้อมูลจากสื่ออังกฤษระบุว่า ร็อดเจอร์ส เตรียมที่จะพูดคุยกับ เทเลมองส์ อีกครั้งในเรื่องของอนาคตกับทีม แน่นอนการต่อสัญญาใหม่เป็นไปได้ยาก แต่ถ้าจะปล่อยในราคาถูกก็ไม่ต้องการเช่นกัน ดังนั้นหากไม่มีข้อเสนอที่น่าพอใจ พวกเขาก็อาจจะเลือกขอเก็บนักเตะไว้ใช้งานจนหมดสัญญาไปเลย หรือจนกว่าจะตลาดมกราคม ซึ่งถึงตรงนั้นค่าตัวของนักเตะก็แทบจะไม่มีแล้ว แต่ก็แลกมากับการได้นักเตะหลักของทีมไว้ใช้งานต่ออีก 4 เดือน ในกรณีที่การจัดการทีมไม่ลงตัวในรอบนี้
“แน่นอนผมต้องการพัฒนาทีม ผมต้องการทำให้ทีมดีขึ้น ผมเคยพูดแบบนี้ไปแล้วในช่วงกลางฤดูกาลที่แล้ว แต่มันเป็นเรื่องยากในเรื่องของการเงินของทีม ผมเคารพในสโมสร และผมไม่ต้องการสร้างสงครามกับเขา”
การออกมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ของร็อดเจอร์ส แสดงถึงความกังวลออกมาอย่างชัดเจน เมื่อทีมต้องการกลับไปยังจุดเดิมที่เคยไปถึงมาก่อน แต่ทีมกลับไม่มีการเติมเชื้อไฟใหม่ลงไป ตรงข้ามกับเหล่าคู่แข่งที่เสริมทีมกันอย่างเอิกเกริก ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ยังคงรอคอยในส่วนของการแต่งตั้งหัวหน้าทีมด้านการเลือกนักเตะเข้าสู่ทีมคนใหม่เข้ามา และในเวลานี้พวกเขาใช้บริการของ จอน รัดกิ้น ซึ่งเป็น ผู้บริหารคนหนึ่งของสโมสรในการทำงานด้านนี้ไปก่อน
นับเป็นฤดูกาลที่สาหัสไม่น้อยสำหรับเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในการจัดการทีมที่พวกเขาอยากได้นักเตะอย่างน้อย 5-6 คน เข้ามาเสริมทีมเพื่อสู้ศึกในฤดูกาลหน้า ในขณะที่การซื้อขายยังคงไม่คืบหน้า และเวลาเหลือน้อยลงไปทุกทีเช่นนี้