เกมยูโรป้า ลีก ระหว่าง อาร์เซนอล พบกับ ดันดัลค์ เอฟซี สโมสรจากประเทศ ไอร์แลนด์ เป็นเกมประวัติศาสตร์ สำหรับ ดันดัลค์ สโมสรที่ก่อตั้งมายาวนานถึง 117 ปีแล้ว แต่กว่าจะมีเกมนี้ได้ ดันดัลค์ ก็ผ่านอะไรมาไม่น้อย เช่นเดียวกับ ผู้จัดการทีมคนใหม่แกะกล่องของพวกเขาที่ชื่อว่า ฟิลิปโป้ โจวานโนลี่
“มันเป็นเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อมาก มันเป็นความฝันสำหรับสโมสร การมาถึงรอบนี้ สำหรับ ดันดัลค์ นี่คือผลตอบแทนของความพยายาม มีโค้ชฟุตบอลมากมายอยากมาให้ถึงตรงนี้ แต่พวกเขาไม่มีกระทั่งโอกาส อย่างที่ผมบอกไป พวกเราคือตัวอย่างที่ชัดเจนของการทำงานหนัก และพยายามมาโดยตลอด” โจวานโนลี่
กล่าวก่อนเกมที่จะบุกพ่าย อาร์เซนอล ซึ่งเป็นครั้งแรกของสโมสร ในการลงเล่นพบกับ ยอดทีมจาก พรีเมียร์ ลีก
แม้จะก่อตั้งสโมสรผ่านหลัก 100 ปี แต่ ดันดัลค์ ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในระดับยุโรป พวกเขาเป็น “ไม้ประดับ” ของวงการมาตลอด ซึ่งว่ากันตามตรง หากพวกเขาไม่ได้รับการจับสลากพบกับ อาร์เซนอล สโมสรแห่งนี้ อาจไม่ได้รับความสนใจจากผู้คนมากเช่นนี้
สโมสร ซึ่งก่อตั้งในเมืองที่ชื่อเดียว กับสโมสร มีประชากรเพียงไม่กี่หมื่นคน เคยมี ช่วงเวลาที่รุ่งเรือง อย่างเช่นการได้เคยลงเล่นฟุตบอลยุโรปมาแล้วตั้งในช่วงทศวรรษที่ 60 มาจนถึงการ “ร่วงหล่น” รุนแรงถึงขั้นที่ว่าตกชั้น ก็ไม่ใช่ไม่เคย และต้องจมปลักอยู่อย่างนั้นนานหลายปี
พวกเขากลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศ ไอร์แลนด์ กับการคว้าแชมป์ลีกของประเทศ ภายใต้การคุมทีมของ วินนี่ เพิร์ธ อดีต กองกลางของทีม ซึ่งต่อมากลับมาที่สโมสร ในฐานะของผู้ช่วยโค้ช และมาเป็นผู้จัดการทีมในเดือนมกราคม 2019 และในฤดูกาลนั้นทีมคว้าแชมป์สาม จากสี่รายการที่ลงเล่นอย่างยิ่งใหญ่
อย่างไรก็ตาม เพิร์ธ ก็อยู่ในทีมได้เพียง 20 เดือน ทีมมีการเปลี่ยนแปลงโค้ช ในเดือนสิงหาคม 2020 ที่ผ่านมา หลังพวกเขาตกรอบคัดเลือก แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ผ่านมา และสโมสร ซึ่งปัจจุบันนี้ สโมสร มีเจ้าของเป็นกลุ่มทุนจากประเทศสหรัฐอเมริกา มาเทคโอเวอร์สโมสร ก็มีการแต่งตั้ง ฟิลิปโป้ โจวานโนลี่ ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่
โจวานโนลี่ วัย 49 ปี เป็นชาวอิตาเลี่ยน ทำงานกับสถาบันฟุตบอลที่ชื่อว่า เมโทรโพลิแตน โอวอล อะคาเดมี่ ในประเทศสหรัฐอเมริกา และโดนเรียกตัวมารับงานนี้
“ผมกำลังพักผ่อนกับครอบครัวอยู่ใน อิตาลี แต่แล้ว เจฟฟรีย์ ซอนเดอร์ส หัวหน้าของผมที่ โอวอล ก็โทรมาบอกว่าจะมีสายจาก ดันดัลค์ โทรหาผม เขาอยากได้ตัวไปทำงานด้วยที่ไอร์แลนด์”
“ผมยอมรับว่ามันเป็นความท้าทายใหม่ของผมมาก ผมทำงานเป็นผู้อำนวยการด้านโค้ช มาตลอด 6 ปีหลังสุด” โจวานโนลี่ กล่าว
ด้วยการที่เจ้าของสโมสร เป็นอเมริกัน และ ซอนเดอร์ส ก็รู้จักกับพวกเขา โจวานโนลี่เลยได้รับโอกาสนี้ มากกว่า ร็อบบี้ คีน ตำนานกองหน้าทีมชาติ ไอร์แลนด์ ที่มีข่าวกับ ดันดัลค์ ด้วย และแน่นอนแฟนบอล มองภาพของ คีน ไว้สูงขนาดไหน ความคาดหวังในตัว โจวานโนลี่ ก็ยิ่งตรงกันข้าม เพราะใน ไอร์แลนด์ ไม่มีใครรู้จักเขาเลย
“ผมเดินทางไปถึง ไอร์แลนด์ มันมีแต่เรื่องวุ่นวายในตอนแรก แค่ชื่อผู้ช่วยของผม จูเซปเป้ รอสซี่ ผมก็ต้องอธิบายให้คนแทบทั้งสโมสรฟังตลอดการแนะนำตัวว่า รอสซี่ คนนี้ ไม่ใช่คนเดียวกับที่เคยลงเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือว่า บียาร์เรอัล มาก่อนนะ คนละคนกันเลย”
“หลังการประกาศการรับงานนี้ ผมกลายเป็นเป้าหมายของสื่อมวลชน, แฟนบอล และผู้คนในสังคมออนไลน์ “ผมคือใคร” ไหนล่ะ ร็อบบี้ คีน มันเป็นการไม่เคารพกันอย่างยิ่งเลยล่ะ ผมเจอการตอบรับแบบนี้ ตั้งแต่แรกเริ่ม และนั่นทำให้ผมรู้สึกอีกอย่างคือ เอาสิ จะทุ่มเทให้งานนี้แบบสุดตัว จะแสดงให้เห็นด้วยผลงาน”
บิล ฮูลิเซอร์ ประธานสโมสร ดันดัลค์ ซึ่งเป็นอีกคนที่ได้รับการจ้างงานจากทาง “Peak 6” ซึ่งเป็นชื่อของกลุ่มทุนอเมริกัน ที่เป็นเจ้าของสโมสรที่แท้จริง ระบุกับเขาว่า หน้าที่ของ โจวานโนลี่ เอาสโมสร ดันดัลค์ ไปผลงานให้ดีที่สุด ตอนนี้ทีมลงเล่นในยูโรป้า ลีก
“หลังจากตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก เราลงเล่นในยูโรป้า ลีก ซึ่งเราต้องลงเล่นทั้งหมด 3 เกม จนกระทั่งเข้ามาถึงรอบแบ่งกลุ่มในที่สุด เราเดินทางไปหลายประเทศ ผ่านการเล่นกับสโมสรอย่าง อันดอร์ร่า, มอลโดวา หรือว่า หมู่เกาะแฟร์โร”
“สิ่งที่เราทำมันคือประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของวงการฟุตบอล ไอร์แลนด์ แต่ตอนนี้ทุกคนลืมไปหมดแล้วล่ะ มีหลายคนบอกว่าเราเจอกับงานง่าย จากสามเกมที่บอกไป อยากบอกว่าไม่จริงเลยสักนิด เราเดินทางไกล เพื่อเป้าหมายที่เราต้องการ และลูกทีมของผมทุกคน มุ่งมั่น และภูมิใจกับการเป็นตัวแทนของสโมสร จาก ประเทศ ไอร์แลนด์”
“สำหรับ ดันดัลค์ หน้าที่ของเราคือ การทำงานให้หนักที่สุด ฟุตบอลเป็นเกม 90 นาที อะไรก็เกิดขึ้นได้ คนต่างบอกแบบนี้ เวลาสร้างกำลังใจให้กัน แต่เราก็ฉลาดพอที่จะรู้อะไรเป็นอะไร กับความจริงที่ว่าต่อให้ เราเตรียมทีมให้ดีแค่ไหน สมบูรณ์แบบแค่ไหน เราก็สามารถเป็นผู้แพ้ แต่ในเมื่อความหวังมันยังมี เราก็ต้องพยายาม แม้จะแพ้ แต่ก็ขอให้ได้มีความสุขกับเกม มันเป็นหน้าที่ของเรา มันคือช่วงเวลาของ เมือง ดันดัลค์ เป็นตัวแทนที่ทำให้คนทั้งโลก ได้รู้จักพวกเรา ในฐานะตัวแทนจากประเทศ ไอร์แลนด์”
สำหรับ ฟิลิปโป้ โจวานโนลี่ เคยเป็น นักเตะ มาก่อนในช่วงทศวรรษที่ 90 ผ่านการลงเล่นฟุตบอล ในระดับล่างมาตลอดชีวิต ในฐานะ นักเตะ กองหลัง ที่เคยผ่านการดวลกับ กาเบรียล บาติสตูต้า ดาวยิงแห่งยุคมาแล้ว สมัยที่ ฟิออเรนติน่า มาอุ่นเครื่องกับทีมของเขา หรือการได้แย่งโหม่งในจังหวะเล่นเซตเพลย์ กับ อันเดรีย บาร์ซาญี่ ซึ่งต่อมาคว้าแชมป์เซเรีย อาถึง 8 ครั้งกับ ยูเวนตุส ก่อนที่จะหันมาเข้าสู่วงการโค้ช ในมหานคร นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
“การย้ายมาที่ นิวยอร์ค มันสอนอะไรผมเยอะมาก ในแง่ของการจัดการ การใช้ชีวิต ก็มีส่วนที่ผมได้อะไรกลับมามากมาย ถ้าคุณไม่แกร่งพอ คุณไม่มีทางเอาตัวรอดได้ใน นิวยอร์ค หรอก ในแง่ของฟุตบอล ผมได้เรียนรู้ และนำไปใช้ในการเป็นโค้ชที่ ดันดัลค์”
“ผมชื่นชอบการสร้างสรรค์, ความดุดันในการเล่น และผมสร้างทีมขึ้นจากการตัดสินใจ จากสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม เป็นสำคัญ ถ้าคุณดีพอ เหมาะกับโอกาส โอกาสจะมาหาคุณอย่างแน่นอนที่สุด ซึ่งมันจะต่างจากใน อิตาลี หรือว่า ประเทศในยุโรป บางประเทศ ซึ่งมันจะขึ้นกับว่า คุณรู้จักใคร มากกว่าสิ่งที่คุณรู้จัก”
“สำหรับผมแล้วการย้ายมายัง ไอร์แลนด์ คือการคว้าโอกาส เช่นเดียวกับ รอสซี่ ผู้ช่วยของผม ก็คิดแบบเดียวกัน มันคือโอกาสของเรา เป้าหมายของสโมสรชัดเจน เราต้องการป้องกันแชมป์ลีกเอาไว้ให้ได้ พร้อมกับมีส่วนร่วมกับ ฟุตบอลยุโรป ในฤดูกาลหน้า คือเป้าหมายที่เราต้องทำให้ได้อีกครั้ง แบบที่เราทำได้ในฤดูกาลนี้ ข้อตกลงนี้ชัดเจน มาตั้งแต่วันแรกที่ผมย้ายมาทำงานที่นี่ และหากผมต้องการอยู่ที่ ไอร์แลนด์ ให้นานที่สุด สิ่งนี้มันต้องเกิดขึ้นให้จงได้”