ตลาดการซื้อขายที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป Part 1

ตลาดการซื้อขายรอบเดือนมกราคมเริ่มต้นขึ้นแล้ว ครบทั้ง 5 ลีกใหญ่ (พรีเมียร์ ลีก, บุนเดสลีกา, ลา ลีกา, เซเรีย อา และ ลีก เอิง) หลังจากที่ ลา ลีกา เปิดช้ากว่าลีกอื่นประมาณ 2 วัน โดยทุกลีกจะปิดตลาดการซื้อขายในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2021 ทั้งหมด

“ตลาดหน้าหนาว” โดยปกติจะเป็นตลาดแห่งการ “เติมน้ำมัน” หรือ “ซ่อมแซม” บางจุดที่แต่ละสโมสรมีปัญหา เช่นเดียวกับการผ่องถ่าย นักเตะ ที่ไม่ได้ใช้งานออกจากทีม เพื่อลดค่าใช้จ่าย และหาเงินคืนกลับเข้าคลังสโมสร เพื่อนำไปใช้งานกันต่อไป เช่นเดียวกับเหล่า นักเตะ ที่กำลังจะหมดสัญญาในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน ที่จะถึงนี้ นี่จะเป็นโค้งสุดท้ายของทุกสโมสร ในการที่จะหาทางปล่อย นักเตะ ออกจากทีมแบบจะได้ค่าตัวกลับมาบ้าง ไม่มากก็น้อย เพราะหลังปิดตลาดเมื่อไร นักเตะ จะกลายเป็น นักเตะ ไม่มีค่าตัว สามารถเซ็นสัญญาล่วงหน้าย้ายไปร่วมงานกับทีมไหนก็ได้ทั่วโลก

อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ของการแพร่ระบาดจากไวรัส โควิด-19 ทำให้สถานการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจไม่ดี และทำให้หลายสโมสร ต้องพึงระวังให้จงหนักเกี่ยวกับการเงินของสโมสร และกลับมาทบทวนในเรื่องของการวางแผนทางการเงิน

บาร์เซโลน่า – แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึง เปแอสเช สโมสรเหล่านี้ ที่ทุ่มเงินเสริมทัพอย่างบ้าคลั่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กลายเป็นสามสโมสรที่เสริมทีมน้อยลงไปมาก โดยเฉพาะ “เจ้าบุญทุ่ม” อย่าง บาร์ซ่า วิกฤตหนักถึงขั้นต้อง ร้องขอให้นักเตะภายในทีมลดค่าแรง เพื่อประคองสโมสรในช่วงที่ โควิด-19 กลับมาระบาดหนักในทวีปยุโรป

ลดพลังการทุ่มเงิน แต่เน้นไปที่การลงทุน

หนึ่งในแผนที่หลายสโมสรเริ่มมีการปรับตัว หลังการระบาดของโควิด-19 ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นถูกตัดออกทั้งหมด บนข้อเท็จจริงที่ว่า สโมสร สูญเสียรายได้หลักจาก วันแข่งขัน (Match Day) เป็นจำนวนหลายล้านปอนด์ ทั้งค่าเข้าชมเกม, การซื้อของที่ระลึก และสินค้าอุปโภคบริโภคในวันแข่งขันทั้งหมด ในขณะที่รายจ่าย ยังคงเดินหน้าตามปกติ เมื่อมีการเปิดใช้สนามแข่งขันในทุกสัปดาห์

ริชาร์ด มาสเตอร์ หัวหน้าทีมบริหารของ พรีเมียร์ ลีก มีการเผยว่า ในฤดูกาล 20202-2021 ซึ่งคาดว่าจะเป็นการปิดสนามเข้าชมตลอดฤดูกาล สโมสรทั้งหมดจะเสียรายได้รวมกันมากกว่า 700 ล้านปอนด์ ด้วยกัน โดยแม้ว่าในตลาดการซื้อขายรอบเดือนกันยายนที่ผ่านมา จะมีการใช้จ่ายเงินการซื้อขายประมาณ 1,300 ล้านปอนด์ ก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า สโมสรพร้อมที่จะลงทุนต่อในเดือนมกราคม ที่สถานการณ์โควิด-19 ยังคงไม่สงบ และเชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์แล้ว

“โควิด-19 คืออะไรที่เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยแม้แต่นิดเดียว” ด๊อกเตอร์ แดน พลัมลีย์ นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจในธุรกิจการกีฬา จากมหาวิทยาลัย เชฟฟิลด์ ฮัลลัม กล่าว

“มันเกิดผลรุนแรงอย่างมากสำหรับรายได้ของการเข้าชมเกมการแข่งขัน และมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงโดยเร็ว และหากจบก็จะเป็นการจบไม่ได้จบสมบูรณ์ และมันส่งผลกระทบรุนแรงต่องบประมาณของสโมสรทุกสโมสร ในภาพรวม แม้ว่า สโมสรในพรีเมียร์ ลีก จะยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างดีกว่าในลีกระดับล่าง เพราะมันมีเรื่องรายได้จากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดเข้ามาก็ตาม มันจึงส่งผลให้เรื่องการใช้จ่ายเงิน ยังคงเกิดขึ้นมากกว่าลีกระดับล่าง ที่สถานการณ์ย่ำแย่กว่า”

ตลาดนักเตะ มีการเปลี่ยนแปลง

ตลาดมกราคม 2020 หรือตลาดรอบที่แล้ว เป็นตลาดที่อยู่ในช่วงต้นของการระบาดของโควิด-19 ซึ่ง ณ.เวลานั้น ยังคงระบาดอยู่ในประเทศจีน ตลาดการซื้อขายก็ไม่ได้ว่ามีการเสริมทีมที่มากนัก มีนักเตะเข้ามาเสริมทีมใน พรีเมียร์ ลีก เพียง 50 คนเท่านั้น และมีหลายทีมไม่เสริมทีมเลย (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี และ บอร์นมัธ) ขณะที่อีกหลายสโมสรเลือกใช้วิธีการยืมตัวนักเตะมาร่วมงานด้วย แทนการซื้อขาย (นิวคาสเซิ่ล, เซาธ์แธมป์ตัน, อาร์เซนอล และเลสเตอร์ ซิตี้) โดยยอดสูงสุดของตลาดปีที่แล้ว ในพรีเมียร์ ลีก คือ เวสต์แฮม ด้วยจำนวน 22 ล้านปอนด์ กับการซื้อตัว จาร์ร็อด โบเว่น มาร่วมงานด้วยจาก ฮัลล์ ซิตี้

“ถ้าคุณลองมองถึงตลาดการซื้อขายในรอบนี้ มันคือการ เดิมพัน ที่มากกว่าเดิม มากกว่าตอนที่ โควิด-19 ยังไม่เกิดขึ้น เพราะการหารายได้มันไม่เท่าแต่ก่อนแล้ว และสถานการณ์มันก็ไม่แน่นอน เจ้าของสโมสร หรือเจ้าของทุนของแต่ละสโมสร ต้องเตรียมรับความไม่แน่นอนเหล่านั้นด้วย ถ้าเป็นทีมขนาดเล็ก หรือทีมท้ายตาราง ปัจจัยการลงทุนเพื่อหลีกเลี่ยงการตกชั้น ก็เป็นสิ่งที่ต้องจำเป็น เพราะนั่นหมายถึง 60 ล้านปอนด์ที่จะหายไปจากส่วนแบ่งการถ่ายทอดสด ระหว่างพรีเมียร์ ลีก และ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ นั่นคือการเดิมพัน ที่ดูเหมือนจะเหมือนเดิม แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้ว”

“บางสโมสร มีปัญหาเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของนักเตะ ทำให้อาจต้องลงทุนเพิ่ม เพื่อโอกาสในเรื่องความสำเร็จ อย่างเช่น ลิเวอร์พูล พวกเขามีปัญหาเยอะในแนวรับ และเช่นกันหากเกิดในทีมมีปัญหาเรื่องโควิด-19 เข้ามาในทีมล่ะ พวกเขาจะยิ่งวุ่นวายมากกว่าเดิม ดังนั้นการลงทุนก็อาจจะต้องเกิดขึ้นบ้าง เพื่อป้องกันไว้ก่อน ทั้งที่หากเป็นช่วงปกติ อาจไม่จำเป็นก็ได้ ยังไม่รวมถึง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่เจอปัญหาการระบาดมาถึง นักเตะ ในทีม รวมถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ในเวลานี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เริ่มบ่นถึงการติดเชื้อของ นักเตะ ภายในทีม และมันส่งผลต่อการจัดทีมของเขาโดยตรง (ณ.เวลานี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีนักเตะติดเชื้อ ไวรัส โควิด-19 มากถึง 7 คน) และ พรีเมียร์ ลีก ยังคงไม่มีนโยบายที่จะ พักการแข่งขันแต่อย่างใด”

ตรงกันข้ามกับลีกล่าง นับลงมาจากพรีเมียร์ ลีก พวกเขามีชีวิตที่แตกต่างออกไป สโมสรนับจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ แทบจะไม่มีการซื้อขายนักเตะเลยด้วยซ้ำ ในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา นักเตะ ที่แพงที่สุดคือ อิวาน โทนีย์ กองหน้าซึ่ง เบรนท์ฟอร์ด ดึงตัวมาจาก ปีเตอร์โบโร่ ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์เท่านั้น เทียบไม่ได้เลยกับ 80 ล้านยูโร ที่ เชลซี ดึงตัว ไค ฮาแวร์ตซ์ มาร่วมทีม

ขณะที่ ลีกวัน และ ลีกทู ไม่ต้องพูดถึง พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายหนักขึ้น เพราะนอกจากจะต้องลงเล่นแล้ว รายได้ของพวกเขาก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เมื่อไม่มีผู้ชมในสนาม ซึ่งบางทีมนี่คือรายได้หลักของสโมสร และบางสโมสรต้องรอขอเงินสนับสนุนจากทาง พรีเมียร์ ลีก ด้วยจำนวนเงิน 50 ล้านปอนด์ เพื่อเข้ามาช่วยหมุนเวียนในสโมสรแล้ว…ยังมีอีกหลายเรื่องที่ โควิด-19 ทำให้ตลาดการซื้อขายไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

โปรดติดตามตอนต่อไป