ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ ลีก สัญลักษณ์แห่งความเป็นหนึ่งในอังกฤษ
พรีเมียร์ ลีก นั้นเรียกได้ว่าเป็นลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เพราะ เป็นลีกที่เล่นบอลสนุก เอ็นเตอร์เทน รวมถึงมีผู้เล่นระดับโลกมากมายที่เข้ามาเล่นกันที่นี่ แต่ที่เป็นเสน่ห์ที่สุดของ พรีเมียร์ ลีกนั้นคงหนีไม่พ้นความสูสี ทุกทีมในลีก แห่งนี้สามารถแพ้ชนะกันได้หมด
แม้ว่าคุณจะเป็น “แชมป์เก่า” มาก็สามารถแพ้ทีม “น้องใหม่” ได้ หรือแม้แต่ทำเนียบแชมป์ ในแต่ละปีก็ไม่ค่อยมีการผูกขาดแชมป์สักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าทุกทีมสามารถลุ้นแชมป์รวมถึงพื้นที่ยุโรปในพรีเมียร์ ลีก แห่งนี้ได้
ยกตัวอย่างเช่น ปีที่ เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ได้ ทั้งที่ฤดูกาลก่อนยังหนีตกชั้นอยู่เลย หรือฤดูกาลที่ผ่านมานี้นั้น ทีมอย่างเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก็สร้างผลงานได้ยอดเยี่ยม เช่นกัน โดยพวกเขาเกือบที่จะทำอันดับไปพื้นที่ยุโรปได้ แต่ก็น่าเสียดายที่มาแผ่วปลาย
พรีเมียร์ ลีก จึงเป็นลีกที่น่าตื่นเต้น และมีเสน่ห์มากในหมู่ผู้ชม แต่หารู้ไม่ว่า ตัวโทรฟี่ของพรีเมียร์ ลีกก็มีเสน่ห์และความน่าหลงไหล ไม่แพ้การเล่นของลีกแห่งนี้เลย วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกับถ้วยที่ทุกทีมต้องการนำมาประดับตู้โชว์ในสโมสรกัน โดยเราจะพูดถึงโทรฟี่ ที่เปลี่ยนมาเป็นชื่อ “พรีเมียร์ ลีก”แล้ว ไม่ขอกล่าวถึงถ้วยดิวิชั่น 1 เดิม
โดยตัวถ้วยนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ถ้วยด้วยกัน คือ ถ้วยสำหรับทีมแชมป์พรีเมียร์ ลีก และอีกถ้วยสำหรับพรีเมียร์ ลีกเอง ที่จะนำไปจัดแสดง หรือ ใช้เพื่อจุดประสงค์ใดก็ตามจากทางลีก
ส่วนประกอบ ของ ถ้วยแชมป์พรีเมียร์
ในส่วนของทีมแชมป์ในซีซั่นที่ผ่านมาจะต้องนำถ้วยมาคืนทางพรีเมียร์ ลีก 3 สัปดาห์ ก่อนถึงเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล เพื่อนำมาเตรียมพร้อมให้กับทีมแชมป์ในฤดูกาลปัจจุบัน
ถ้วยพรีเมียร์ ลีก ถ้วยนั้นประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ ถ้วย และ ฐาน ส่วนของตัวถ้วยนั้นจะมีน้ำหนัก 10 กิโลกรัม แต่ในส่วนของตัวฐานนั้นจะหนักถึง 15 กิโลกรัม รวมแล้วถ้วยใบนี้จะมีน้ำหนัก 25 กิโลกรัมด้วยกัน
ตัวถ้วยจะมีความสูงอยู่ที่ 104 เซนติเมตร กว้าง 61 เซนติเมตร โดยตัวถ้วยทำมาจาก Sterling Silver จำนวน 24 การัด ส่วนตัวฐานนั้นทำมาจาก Malachite อัญมณีสีเขียวที่มาจากทวีปแอฟฟริกา ซึ่งสาเหตุที่ใช้สีเขียว คือ เพื่อสื่อถึงสีของหญ้าในสนามนั้นเอง
ส่วนผู้ผลิดถ้วยพรีเมียร์ ลีก คือ Asprey London ผู้ผลิตอัญมณี เครื่องเงิน เครื่องหนัง และสินค้าหรู ก่อตั้งในปี 1781 โดยมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับราชวงศ์อังกฤษ เพราะ Asprey ออกแบบและผลิตสินค้าให้ราชวงศ์อังกฤษมากมาย
สิงโตตัวที่ 3 เป็นสัญลักษณ์ของถ้วยนี้
ในส่วนของถ้วยนั้นในตอนที่ทีมแชมป์ได้รับถ้วยนั้น จะมีการติดริบบิ้นที่เป็นสีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสีเสื้อ สีกางเกง หรือสีประจำสโมสรนั้นๆ เพื่อเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นที่ 1 ในอังกฤษ รวมถึง ในกรณีที่ สโมสรใดสามารถคว้าแชมป์ ได้ก่อนจบฤดูกาล เกมที่ 38 ก็จะมีธรรมเนียมในการ ตั้งแถว เกียรติยศที่เรียกกันกว่า Guard of Honors หรือการตั้งแถวเกียรติยศ จากทีมคู่แข่ง ที่จะมายืนปรบมือเพื่อเป็นเกียรติ ให้กับทีมแชมป์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลนั้น
เรื่องการออกแบบนั้นนอกจากจะมีมงกุฎอยู่ด้านบนถ้วยแล้ว ยังมีสิงโตอีก 2 ตัวขนาบข้างอยู่ ซึ่งสิงโต คือ สัญลักษณ์ของประเทศอังกฤษ เเละสมญานามของทีมชาติอังกฤษคือ ‘Three Lions’ บางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วสิงโตตัวที่ 3 อยู่ไหน?
คำตอบดังกล่าวจะยิ่งเพิ่มมนต์เสน่ห์ให้กับตัวถ้วยเข้าไปอีก เพราะ สิงโตตัวที่ 3 ก็คือ กัปตันทีม ที่เป็นคนชูถ้วยประกาศชัยชนะกับทีมตนเอง เปรียบเสมือน สิงโตที่คำรามเมื่อได้รับชัยชนะนั้นเอง เรียกว่า หล่อเข้าไปอีก
ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ ลีก จึงเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งในอังกฤษ โดยเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ฤดูกาล 1992/1993 จากการ รีแบรนด์ ของลีก เพื่อให้มีความทันสมัย และต้อนรับยุคใหม่ของวงการฟุตบอลอังกฤษ โดยสโมสรแรก ที่ได้ชูถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยคนที่เป็นคนชูถ้วยคนแรกก็คือ สตีฟ บรู๊ซ และ ไบรอัน ร๊อบสัน 2 เป็นการชูถ้วยร่วมกันของทั้ง 2 กัปตันทีม กับแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 26 ปีของสโมสร ปีศาจแดง
Add Your Heading Text Here
นอกจากถ้วยแชมป์ธรรมดาแล้ว พรีเมียร์ ลีก ยังทำถ้วยพิเศษสำหรับทีมที่สามารถทำสถิติไร้พ่าย ใน 1 ฤดูกาลขึ้นมาอีก 1 ถ้วย โดยมีเพียงทีมเดียวเท่านั้นจนถึงปัจจุบันที่สามารถทำได้ ก็คือทีม “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล โดยถ้วยใบนี้จะมีขนาดเล็กกว่าถ้วยปกติอยู่มาก แต่จะเป็นสีทองอร่าม ซึ่งมอบให้ในฤดูกาล 2004-2005 เกมแรกของฤดูกาล หลังจากที่ อาร์เซนอล ทำสถิติไว้ที่ 38 เกม ชนะ 26 เสมอ 12 ตลอดฤดูกาล
ในฤดูกาลล่าสุดก็มี ลิเวอร์พูล ที่มีลุ้นจะทำได้ต่อจากอาร์เซน่อล แต่ก็พลาดท่าพ่าย วัดฟอร์ด ไปอย่างน่าเสียดาย ในนัดที่ 28 ของฤดูกาล ซึ่งเหลืออีกเพียง 10 นัดเท่านั้น พวกเขาก็จะสามารถเป็นทีมที่สองที่ทำได้ ก่อนที่สุดท้าย ลิเวอร์พูล จะจบฤดูกาลแห่งการสิ้นสุดการรอคอย การคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ด้วยการแพ้ทั้งหมด 3 เกมประกอบไปด้วยเกมพบกับ วัตฟอร์ต, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซนอล
นับตั้งแต่เปลี่ยนจากชื่อดิวิชั่น 1 มาเป็น พรีเมียร์ ลีกนั้น มีทั้งหมด 7 ทีม ที่สามารถนำถ้วยมาประดับตู้โชว์ของตนเองได้ตลอด 28 ฤดูกาล ก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 13 ครั้ง เชลซี 5 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4 ครั้ง อาร์เซน่อล 3 ครั้ง แบล๊กเบิร์น โรเวอร์ส 1 ครั้ง เลสเตอร์ ซิตี้ 1 ครั้ง และ ลิเวอร์พูล 1 ครั้ง
และนี่ก็คือเรื่องราวของถ้วยพรีเมียร์ ลีก ถ้วยที่มีมนต์ขลังและ เสน่ห์ไม่แพ้ถ้วยใดในโลก อีกทั้งยังเป็นถ้วยสำหรับแชมป์ลีกที่มีการเปลี่ยนมือกันแทบจะตลอด ไม่แปลกเลย
ถ้าฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก จะเป็นลีกที่มีคนชอบดูมากที่สุดในประเทศไทยของเรา หรือ อาจจะมากที่สุดในโลกไปแล้วก็ได้