อาร์เซนอล กับการเลือก นักเตะ กองกลางตัวรุกคนใหม่เข้าสู่ทีม ยังคงอยู่ในชั้นตอน “สุดท้าย” โดยมีเป้าหมายหลักเหลือเพียงสองคนกับ มาร์ติน เออเดการ์ด (22 ปี สัญญาถึงกลางปี 2023) และ เจมส์ แมดดิสัน (24 ปี สัญญาถึงกลางปี 2024) เป็นทางเลือกที่มีข่าวมายาวนาน แต่จนถึงวันนี้ 13 วันสุดท้ายของตลาดการซื้อขาย
สื่อที่มีอิทธิพลในเรื่องของ “ความแม่นยำ” ในเรื่องการซื้อขายของ อาร์เซนอล อย่าง ฟาบริซิโอ โรมาโน่, ชาร์ลส์ วัตต์ รวมถึง เดวิด ออนสตีน ประเมินว่า มาร์ติน เออเดการ์ด เป็นทางเลือกแรกของปืนใหญ่ สวนทางกับ เอเอฟซี เบลล์ (AFC Bell) ที่ยังคงเชื่อในสายข่าวของตนเองว่า เจมส์ แมดดิสัน คือคนที่ปืนใหญ่ต้องการมากที่สุด
เราจะมา พูดคุยถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้กัน
มาร์ติน เออเดการ์ด
เพิ่งผ่านการเล่นกับ อาร์เซนอล ไปในช่วงสองเดือนที่แล้ว หลังหมดสัญญายืมตัว 6 เดือน เขาได้ลงเล่น 20 เกม ทำไป 2 ประตู นักเตะ ยอมรับว่ามีความสุขดีกับการเล่นที่ อาร์เซนอล อย่างไรก็ตาม นักเตะ ก็ยังเลือกกลับไปที่ เรอัล มาดริด เพื่อหาข้อสรุปที่แน่ชัดว่า สุดท้ายแล้ว เขาจะมีพื้นที่ของตัวเองในทีม โลส บลังโกส หรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลที่ออกมาคือ เออเดการ์ด ไม่ใช่ตัวหลักของทีม (อีกแล้ว) ในฤดูกาลนี้ แม้ คาร์โล อันเชลอตติ จะให้โอกาสเขา แต่ก็ไม่ใช่ทางเลือกแรกของทีม ซึ่งนั่นคือเป้าหมายที่ นักเตะ ปรารถนา
สตาร์นอร์เวย์ อยู่กับ เรอัล มาตั้งแต่อายุ 17 ปี ในปี 2015 ซึ่งเขาแทบไม่ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ เรอัล มากนัก และหมดเวลาไปกับการยืมตัวหลายสโมสรทั้งใน สเปน, เนเธอร์แลนด์ และล่าสุด อังกฤษ ซึ่ง นักเตะ ดูจะพึงพอใจกับชีวิตที่นั่น ปัญหาเดียวคือ เรอัล มาดริด ก็เสียดายในความสามารถที่ยังคงอายุน้อยของ กัปตันทีมชาตินอร์เวย์ คนปัจจุบัน และทำให้การเจรจากับ อาร์เซนอล ไม่เดินหน้าไปอย่างที่ควรจะเป็น
เจมส์ แมดดิสัน
กองกลางตัวรุกผู้ซึ่งพัฒนาตนเองมาอย่างต่อเนื่อง เข้าสู่ฤดูกาลที่ 4 ของเขากับทีม แมดดิสัน มีปัญหาบาดเจ็บอยู่ช่วงหนึ่ง และตามด้วยปัญหาการติดเชื้อโควิด-19 ในปีที่แล้ว ทำให้สุดท้ายเขาเร่งฟอร์มเก่งไม่ทันติดขบวนทัพ “สิงโตคำราม” ไปเล่น ยูโร 2020 รอบสุดท้าย
เลสเตอร์ ซิตี้ “ไม่เคย” ส่งสัญญาณใด ๆ ในเรื่องของความเต็มใจที่จะปล่อย แมดดิสัน ออกจากทีม แม้จะมีข่าวออกมาว่า พวกเขาพร้อมสำหรับการเจรจา หากได้ข้อเสนอที่น่าพอใจ และแน่นอน มองย้อนไปดูประวัติการซื้อขายของพวกเขา พวกเขาพร้อมคุยด้วยเสมอ ถ้าข้อเสนอดีพอ เลสเตอร์ ภายใต้การดูแลบริหารงานของ ผู้บริหารชาวไทย “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” เป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อของเขาแล้ว และทีมไม่จำเป็นต้องลดราคาใดทั้งสิ้น
“เมื่อคุณอยากได้ก็เสนอเข้ามา หากมันดีพอ นักเตะ ต้องการไปทีมก็พร้อมปล่อย” คอนเซปต์การขาย นักเตะ หลักของพวกเขาชัดเจน และกับดีลของ แมดดิสัน ก็เป็นเช่นนั้น อาร์เซนอล พร้อมจ่าย นักเตะ (ข่าวว่า) มีใจ ข้อเสนอมากพอก็ได้ไป
มองในแง่ของประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอล ทั้งสองคนเส้นทางแตกต่างกันพอสมควร
เออเดการ์ด ถูกยกย่องให้เป็น “วันเดอร์คิด” มาตั้งแต่อยู่กับสโมสร สตอร์มโกเซท ในบ้านเกิด เขาออกเดินทางไปยังหลายสโมสรเพื่อเข้ารับการทดสอบความสามารถ (Trial) ก่อนสุดท้ายจะกลายเป็น เรอัล มาดริด ที่ได้ตัวไป และก็ปล่อยยืมไปหลายรอบ แน่นอน ณ วันนั้น หลายคนเย้ยหยันเขาเกี่ยวกับว่า “เก่งจริงไหม” ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า เออเดการ์ด เป็น นักเตะ ที่มีความสามารถคนหนึ่งทั้งในเรื่องของ เทคนิค วิสัยทัศน์ ไปจนถึงเรื่องของอาการบาดเจ็บที่เขาโชคดี ไม่เจอเรื่องนี้มากนัก แต่สิ่งที่ขาดไปคือตลอด 6 ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยอยู่กับทีมไหนได้นานเกินหนึ่งฤดูกาล เพราะถูกส่งยืมออกไปทุกปี ไม่ถูกยืมก็ลงเล่นในทีมสำรอง หรือก็อีกครั้งคือ สำรองข้างสนามของทีมชุดใหญ่ ตรงข้ามกับประสบการณ์ระดับชาติ เขาผ่านมาแล้วถึง 30 เกม ด้วยวัยเพียง 22 ปี นับว่ามากพอสมควร และคือความหวังของประเทศนอร์เวย์ อย่างน้อยก็อีกหนึ่งทศวรรษที่จะมาถึง
แมดดิสัน เติบโตมาในทีมเยาวชนของ โคเวนทรี ซิตี้ ในเมืองที่เขาเกิด ก่อนย้ายมา นอริช และก้าวมาเป็น นักเตะ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2018 พัฒนาการของเขาเติบโตขึ้นมาอย่างมีระบบชัดเจน จนกระทั่งอาการบาดเจ็บมาถามหาบ้างในช่วงปีที่แล้ว ในเรื่อของฟุตบอล แมดดิสัน ได้รับการยอมรับในเรื่องของความสามารถมาจากการพิสูจน์ตนเองเรื่อยมา และวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ กับการต่อสู้เพื่อตำแหน่งในทีมชาติอังกฤษ ที่เขาเพิ่งติดมาเพียง 1 เกมเท่านั้นในปี 2019 ไม่ใช่ นักเตะ ไม่เก่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่า การแข่งขันในทีมชาติอังกฤษยุคนี้ แข่งขันกันสูงมาก ใครสภาพร่างกายไม่ดี ฟอรืมไม่ดี โอกาสก็พร้อมหลุดมือไป แบบที่ แมดดิสัน เจอมาแล้ว
หากเปรียบเทียบเป็น รถยนต์ เออเดการ์ด ก็เปรียบเหมือนผ่านการ “Test Drive” ที่ อาร์เซนอล ได้ทดลองขับไปแล้ว ชอบในความเร้าใจ ความเร็ว และการควบคุม จนทำให้ติดใจอยากที่จะซื้อมาครอบครอง ส่วน แมดดิสัน คือสะดุดตากับรูปลักษณ์ภายนอก ลีลาที่เห็นคนอื่นขับออกมาโชว์ และก็อยากลองว่าจะดีจริงหรือไม่ ส่วนจะขับได้คล่องไหม ยังตอบไม่ได้
เออเดการ์ด กับ อาร์เซนอล มีความ “จริตตรงกัน” วิธีการเล่น ลีลาท่าทางไปในทิศทางเดียวกัน แต่ว่ากันตามผลงานที่ออกมาใน 6 เดือนที่ยืมตัวมา ต้องบอกว่า ยังไม่ถึงกับ “น่าประทับใจมาก” แต่ก็พอจะบอกได้ว่า ยืมตัวมาแล้วไม่ผิดหวัง บนพื้นฐานที่ว่า เวลาครึ่งฤดูกาล “สั้นเกินไป” สำหรับการฟันธงว่าเด็กคนนี้ ดีหรือไม่ สำหรับอาร์เซนอล ส่วน แมดดิสัน สไตล์การเล่นมีความมุทะลุ ลีลาไม่เยอะเท่า แต่ก็ได้ประสิทธิผลไม่ต่างกันนัก ที่สำคัญ “แมดเดอร์ส” มีทีเด็ดในเรื่องของการยิงไกลที่เห็นผลลัพธ์ที่มากกว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่สามารถนำมาวัดอะไรได้ เพราะ อาร์เซนอล ไม่ใช่ทีมที่เน้นให้ นักเตะ ยิงไกล มาตั้งแต่ไหนแต่ไร จนมาถึงยุคของ มิเคล อาร์เตต้า ก็ด้วยเช่นกัน
เราไม่สามารถจะมาบอกได้ว่า ใครจะดีกว่ากัน เมื่อย้ายมาที่ อาร์เซนอล จนกว่าจะได้ลองใช้งานจริง ซึ่งก็น่าเสียดายว่า มาถึงตรงนี้ อาร์เซนอล ที่ซึ่งอยากได้กองกลางตัวรุกเสียเหลือเกิน จะเลือกเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ด้วยข้อจำกัดของงบประมาณ และในทีมมี เอมิล สมิธ โรว์ อยู่อีกหนึ่งคน
หากแค่เราสามารถบอกได้เพียงจากผลงานที่ออกมา โดยเฉพาะ เออเดการ์ด ที่เข้ามาสู่ระบบทีมมาแล้ว 6 เดือน นี่เป็นทางเลือกที่เสี่ยงน้อยกว่า ทั้งความเข้ากันได้กับทีม ราคาที่มีการประเมินต่ำกว่า และโอกาสในการย้ายทีมที่มากกว่า แมดดิสัน ที่ถึงตรงนี้ ยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากกว่าข่าวแสดงความสนใจเท่านั้น ไม่รวมถึงราคาที่ เลสเตอร์ ซิตี้ เรียกมาแบบ “กล้าทุ่มก็กล้าปล่อย” และมันอาจจะเกิด อิมแพค ครั้งใหญ่สำหรับทีม หรือล้มเหลวก็ได้ในเวลาเดียวกัน
“การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการลงทุน” เป็นวลีที่ใช้ได้กับทุกธุรกิจในโลกใบนี้ ดีลของการซื้อขาย นักเตะ ก็เช่นเดียวกัน และสุดท้ายนี้ นักเตะ จะเก่งแค่ไหน จะโชว์ศักยภาพได้เต็มที่แค่ไหน แผนงานการเล่น และแท็กติคของ โค้ช ที่ใช้งานก็มีผลโดยตรง มิเคล อาร์เตต้า มีแผนใช้งาน นักเตะ สองคนนี้อย่างไร แค่ไหน ไม่มีใครรู้ แต่เท่าที่รู้ ถ้าซื้อมาแล้ว ผลงานทีมยังล้มเหลว อนาคต อาร์เตต้า ก็ไม่แคล้วต้องตกงานในเร็ววัน
อันนี้เรื่องจริงอย่างที่สุด!!