หลังจากที่รอคอยโอกาสมานาน และเกือบจะได้ลงสนามหลายครั้ง กับการมีชื่อนั่งสำรองในเกมยูโรป้า ลีก ในที่สุด มิเกม อาซีซ (18 ปี อาร์เซนอล) กองกลางอังกฤษ เจ้าของทรงผมเดรดล๊อค ส่วนสูง 173 เซนติเมตร ก็ได้ลงสนามเกมแรกในทีมชุดใหญ่ของอาร์เซนอล เรียบร้อย
“มันเป็นอะไรที่มีความสุขมากกับประสบการณ์ครั้งนี้ การทำงานหนักตลอดที่ผ่านมาได้รับการตอบแทนกลับมาบ้างแล้วในวันนี้” อาซีซ กล่าวหลังเกมประเดิมสนามของตนเองในทีมอาร์เซนอลชุดใหญ่
กองกลางร่างบาง ลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมพบกับ ดันดัลค์ สโมสรจากไอร์แลนด์ ในเกมยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งปืนใหญ่เอาชนะไปได้ 4-2 โดยลงเล่นในช่วงท้ายเกม และเป็นการสิ้นสุดการรอคอยของเขากับ 13 ปี ในฐานะ นักเตะ เยาวชนของ อาร์เซนอล โดยในวัยเด็กเขาเลือก อาร์เซนอล แทนที่จะเลือก เชลซี หรือว่า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก่อนที่จะพัฒนาตนเองเรื่อยมาจนถึงในทีมชุดใหญ่
“ผมอยากเป็น นักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ผมคิดว่าตนเองมีศักยภาพ มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันขึ้นกับตัวผมเองแล้วว่าจะทำงานหนักมากแค่ไหน เพื่อให้ผมสามารถพัฒนาตนเองไปให้ไกลที่สุด ผมไม่เคยสงสัยในตัวเองเลย เพราะถ้าคุณสงสัยใน ความเชื่อของตนเอง คุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ หรือสามารถที่จะเค้นศักยภาพที่ดีที่สุดของตนเองออกมาได้เลย”
“ครอบครัวของผม บอกกับผมเสมอว่า อย่าสงสัยในตนเอง แต่จงเชื่อในสิ่งที่มี และให้มันนำพาตนเองไปยังความฝันที่อยากเป็น บนพื้นฐานของความตั้งใจ และพยายาม เพราะทุกอย่างไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”
ทั้งนี้ มิเคล อาซีซ มีพี่ชายอีกคนชื่อ เฟมี อาซีซ ซึ่งเล่นกองกลางเหมือนกัน โดยลงเล่นกับสโมสรเรดดิ้ง ในระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ โดย มิเคล ระบุว่าเขาทั้งสองคนต่างรักในการเล่น และอยากเล่นให้ดีที่สุด
“ผมคิดว่าเราสองคนช่วยเหลือกันและกันมากนะ ตอนเด็กในการเล่นฟุตบอล เราเล่นเพื่ออยากให้อีกฝ่ายดีขึ้นเช่นเดียวกัน เท่าที่ผมจำได้ ฟุตบอล เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นความมุ่งมั่นของชีวิตผม ผมคิดว่าผมทำได้ดีกับการเล่นฟุตบอล และผมหลงรักมันอย่างมาก”
มิเคล อาซีซ เข้าร่วมทีมเยาวชน ปืนใหญ่ ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ตอนนี้อายุ 18 ปี โดยก่อนหน้านี้มีการระบุว่า เขาเล่นเป็นกองกลางตัวเชื่อมเกม แต่ตอนนี้เขากำลังอยู่ในขั้นตอนของการปรับตำแหน่งมาเล่นเป็นกองกลางตัวรับ
“ผมเป็นกองกลาง ผมบอกตนเองเสมอว่าผมเล่นกองกลางที่ผ่านการเล่นมาแล้วทั้ง กองกลางตัวครองบอล หรือว่ากองกลางตัวรุก แต่ตอนนี้ผมเล่นกองกลางตัวรับ เหมือนนักเตะหมายเลข 6 หรือว่า 8 แต่อย่างที่บอกผมผ่านการเล่นกองกลางทุกตำแหน่งมาแล้ว”
“แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ บอกกับผมว่าเขาเห็นในศักยภาพที่อยู่ในตัวผม และบอกว่าผมมีการผ่านบอลที่ดี เช่นเดียวกับการวิ่งที่ผมวิ่งเยอะมากในแต่ละเกม และนั่นคือจุดเด่นที่ทำให้ผมมีโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ในตำแหน่งนี้”
อาซีซ ผ่านการทำงานขึ้นมาตามลำดับอายุ และพัฒนาการของตนเอง เขาเคยทำงานร่วมกับ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, เฟรดริก ลุงเบิร์ก, สตีฟ โบลด์ จนมาถึง มิเคล อาร์เตต้า ซึ่งเป็น เฮดโค้ชของทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลนี้ โดยในเดือนกันยายน 2020 มิเกล อาซีซ ได้รับสัญญา นักเตะ อาชีพ ฉบับแรกจากสโมสร พร้อมกับการขึ้นมาเล่นในระดับอายุต่ำกว่า 23 ปี หรือทีมสำรองของสโมสร เมื่อช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา และเขากลายเป็นตัวหลักของทีม ก่อนที่ฟอร์มจะเข้าตา จนได้รับโอกาสขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่มาหลายต่อหลายครั้งในฤดูกาลนี้
“สมัยทำงานร่วมกับ เฟรดดี้ ลุงเบิร์ก เขาจะย้ำเสมอว่าเล่นอย่างที่ตนเองเป็น เชื่อมั่นเข้าไว้ พอมาทำงานกับ โบลด์ เขาก็บอกในทิศทางเดียวกัน พวกเขาบอกเหมือนกันหมดว่า ผมมีศักยภาพมากพอ และเมื่อโอกาสมาถึงจงคว้าเอาไว้ให้ได้…แน่นอนผมจะคว้ามันด้วยสองมือของผมนี่ล่ะ”
“กับ มิเคล อาร์เตต้า ผมยังไม่เคยได้มีการพูดคุยกับเขาอย่างจริงจัง แต่การได้เข้ามาร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ผมก็ได้รับความเห็นจากเขาหลายเรื่องเกี่ยวกับตัวของผม เขาเป็นหนึ่งในคนที่เข้าใจเกมอย่างมาก และเป็นหนึ่งในผู้จัดการที่ดีที่สุดคนหนึ่ง กับการทำงานหนัก มีมุมมองที่แตกต่าง และมีส่วนร่วมกับทีมเต็มตัว”
แน่นอนเมื่อพูดถึงตำแหน่งกองกลางตัวรับ อาซีซ มีต้นแบบให้ได้ดู และเดินตามรอย หรือไปให้ได้ไกลกว่า ไม่ว่าจะเป็น ปาทริค วิเอร่า อดีตกองกลางแชมป์โลก และกัปตันทีมอาร์เซนอล ก็เป็นหนึ่งในนักเตะที่ อาซีซ ดูการเล่น “เดอะ ปั๊ต” แต่ไอดอลในการเล่นตำแหน่งของกองกลางของเด็กคนนี้ คือยอดกองกลางทีมชาติสเปน
“เซร์คิโอ บุสเกตส์ คือที่สุดสำหรับผม ผมคิดว่า บุสเกตส์ คือกองกลางตัวครองบอล ที่เก่งที่สุดในโลก จากการที่เขาสามารถเล่นได้ดีมาต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน เขาทำให้ตนเองมีพื้นที่รอบตัวเขาได้เสมอ เล่นด้วยการมองไปข้างหน้า ก้าวไปข้างหน้า และผมนั่งดูเกมของเขา เพื่อนำมาปรับใช้กับตนเอง”
“การเล่นตำแหน่งกองกลาง ทำให้ผมได้เรียนรู้อีกหนึ่งเรื่องคือ ศาสตร์ในเรื่องของการตัดฟาลว์ เพื่อหยุดเกมของคู่แข่ง ผมคิดว่าตัวเองต้องปรับปรุงให้ดีกว่านี้ ที่ผ่านมาผมเสียใบเหลืองมากเกินไป น่าจะ 6-7 ใบจาก 15 เกมที่ลงเล่น และทั้งหมดเกิดจากการตัดฟาลว์ แต่ผมก็เข้าใจได้ว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ในการทำงานตรงนี้ หยุดคู่แข่งในจังหวะสำคัญ และมันจำเป็นมาก”
ในส่วนของทีมชาติ มีการระบุว่า อาซีซ สามารถลงเล่นทีมชาติได้มากถึงสามประเทศ หากเขาได้รับข้อเสนอจากประเทศเหล่านั้น โดยเขามีพ่อเป็นชาวไนจีเรีย แม่เป็นชาวสเปน แต่เขาเกิดในประเทศอังกฤษ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่เขาจะมีชื่อว่า มิเคล ซึ่งเป็นชื่อที่นิยมในชาวสแปนิช อย่างไรก็ตาม ณ.เวลานี้เขาลงเล่นกับทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งแน่นอนตามกฎของฟีฟ่า อาซีซ ยังคงสามารถเลือกเล่นให้กับ ไนจีเรีย, สเปน และ อังกฤษ ชุดใหญ่ได้ตามต้องการ
“มันเป็นเรื่องที่ดี และเป็นเกียรติกับตัวเองกับการลงเล่นในเกมทีมชาติอังกฤษ และตอนนี้ผมยังคงมีทางเลือกสำหรับทีมชาติชุดใหญ่ แต่ไม่ว่าจะประเทศใดในสามประเทศที่ผมมีโอกาสเลือก มันก็ล้วนยอดเยี่ยมทั้งสิ้น แต่ในเวลานี้ ผมมีความสุขกับเส้นทางการเล่นของตนเอง”
ที่ผ่านมา อาร์เซนอล กลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถพัฒนา นักเตะ เยาวชนให้กลายมาเป็น นักเตะ ทีมชุดใหญ่ได้อย่างมากมาย นับตั้งแต่ในยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์, อูไน อเมรี่ มาจนถึงในยุคของ มิเคล อาร์เตต้า โดยในฤดูกาลที่แล้ว แฟนบอลได้รู้จักกับ บูคาโย่ ซาก้า ปีกวัยเพียง 18 ปี ต่อตอนนี้ติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ เรียบร้อยแล้ว และ อาซีซ กำลังอยู่ในเส้นทางนั้นเช่นกัน
“ผมดีใจที่ได้ขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ แต่ผมไม่พอใจหรอกนะ ถ้ามันยังได้มากกว่านี้อีกกับสิ่งที่ผมทำได้ ผมก็พร้อมลงมือทำต่อไป ผมพยายามเสมอกับการฝึกซ้อม มาให้เร็วที่สุด และกลับบ้านคนสุดท้าย และซ้อมพิเศษเพิ่มเติม ผมอยากเก่งกว่านี้ ผมอยากทำให้ตัวเองเป็น นักเตะ ที่ดีที่สุดในตำแหน่งที่ตนเองลงเล่น ผมตั้งเป้าหมายในใจของผมแบบนั้น ผมอยากดีที่สุดของที่สุดให้จงได้”
ที่เหลือก็คงต้องรอ “เวลา” เท่านั้นว่า ท้ายที่สุดแล้ว เด็กหนุ่มสามสัญชาติคนนี้ จะกลายมาเป็น นักเตะ ชุดใหญ่ ของสโมสร อาร์เซนอล ได้หรือไม่ แต่ ณ.วันนี้ อนาคตของเขาน่าติดตามเสียเหลือเกิน