เรื่องราวของ ฟุตบอล โอลิมปิก
หาก ฟุตบอลโลก คือ การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอล ชื่อของ โอลิมปิก ก็คือ มหกรรมกีฬา ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ มวลมนุษยชาติ ของคนกีฬา ที่ซึ่ง ฟุตบอล คือ หนึ่งใน กีฬา ที่ได้รับการบรรจุ ให้เป็น หนึ่งใน ชนิดกีฬา เพื่อการชิงชัย เหรียญทอง
ฟุตบอล กับ โอลิมปิก มีการจัดการแข่งขันครั้งแรก ในปี 1900 หรือครั้งที่สอง ซึ่งมีการแข่งขัน โอลิมปิก โดยเริ่มต้น ให้มีการจัดการแข่งขัน โดย นักเตะ ที่ลงเล่น จะต้องเป็น นักเตะ ระดับสมัครเล่น เท่านั้น ในการเข้าร่วมทีมชาติ ของตนเอง
วันเวลาผ่านไป ฟุตบอล มีพัฒนาการในเรื่อง ของการแข่งขัน รวมถึงรูปแบบการแข่งขัน ที่กลายเป็นระบบ อาชีพ เต็มตัว นักเตะ ทุกคน เติบโตขึ้น และพัฒนาการตนเอง เพื่อเป้าหมายในการเป็น นักเตะ อาชีพ ด้วยกันทั้งสิ้น นั่นทำให้ นักเตะ สมัครเล่น จึงมีน้อยมาก และทำให้ โอลิมปิก ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เข้ากับ ยุตสมัย
กฏการแข่งขัน ฟุตบอล โอลิมปิก ต่างๆ
ในปี 1984 คณะกรรมการ โอลิมปิก ได้ทำการแก้ไข กฎการแข่งขัน ให้มีการเลือกตัวแทนของแต่ละชาติ เป็น นักเตะอาชีพ เข้าร่วมทีมได้ และปรับเปลี่ยน เกณฑ์ การคัดเลือกดังต่อไปนี้
นักเตะ ที่เข้าร่วมการแข่งขัน โอลิมปิก จะต้องมีอายุต่ำกว่า 23 ปี แต่จะอนุญาต ให้ นักเตะ อายุ มากกว่า 23 ปี สามารถร่วมทีมได้สูงสุด 3 คน เท่านั้น
การแข่งขันฟุตบอล โอลิมปิก จะมีการแข่งรอบคัดเลือก ในแต่ละชาติ มาก่อนที่จะเข้ามาถึง รอบสุดท้าย โดยการแข่งขันในรอบคัดเลือกนั้น จะมีการแบ่งโควตา ออกเป็น ทวีปยุโรป 4 ชาติ, เอเชีย และแอฟริกา อย่างละ 3 , อเมริกาเหนือ และ อเมริกาใต้ อย่างละ 2 ครั้ง ขณะที่ โอเชเนีย เป็นทวีปเดียวที่ได้โควตาเพียง 1 ทีมเท่านั้น
โดยในรอบสุดท้าย จะมีการแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 ชาติ ลงเล่นแบบพบกันหมด และ สองทีมที่ผลงานดีที่สุด ในแต่ละกลุ่ม ก็จะเข้าสู่รอบต่อไป ก่อนเข้าไปชิงเหรียญทอง โดย นักเตะ หลายคน เลือกที่จะลงเล่นในรายการนี้ เพื่อเป็นเกียรติประวัติ ของตนเอง สักครั้ง เนื่องจากอย่างที่เราทราบกัน ในวงการ ฟุตบอลอาชีพ มีคุณค่า และการสร้างรายได้มหาศาล ในอนาคตของตนเอง
สถิติต่างๆ ใน ฟุตบอล โอลิมปิก
แม้จะเป็น กีฬา ของ มวลมนุษยชาติ แต่ โอลิมปิก กลับไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของ นักเตะ เทียบเท่ากับ แชมป์ลีกของประเทศ หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือกระทั่งในระดับชาติ ซึ่งมี ฟุตบอลโลก เป็นเหมือนปลายทาง ความสำเร็จ เป็นต้น
นักเตะ หลายคน ที่กลายเป็น ดาวดังของวงการฟุตบอล เคยผ่าน รายการนี้มาหมดแล้ว อย่างเช่น ลิโอเนล เมสซี่ สตาร์อันดับหนึ่งของ บาร์เซโลน่า ซึ่งลงเล่น ใน โอลิมปิก ทั้งสิ้น 2 ครั้ง และคว้าเหรียญทอง กับ อาร์เจนติน่า ในปี 2008 หรือการคว้าแชมป์ ของ ไนจีเรีย ในปี 1996 ที่ทำให้ นักเตะ หลายคน ในทีม ชีวิตเปลี่ยนทันที เมื่อได้รับโอกาสในการลงเล่น กับการย้ายไปเล่นกับ หลายสโมสร ในยุโรป เป็นต้น
ฟุตบอล โอลิมปิก สำหรับทีมชาย มีการแข่งขันมาแล้วทั้งสิ้น 26 ครั้ง และชาติเพียง 19 ชาติ ที่ได้รับ เหรียญทอง มากที่สุดคือ ฮังการี (1952, 1964 และ 1968) เท่ากับ สหราชอาณาจักร (1900, 1908 และ 1912)
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจ คือ ตลอด 7 เกม ในรอบสุดท้ายของ โอลิมปิก นั้น มี นักเตะ ที่ยิงประตูได้มากที่สุดใน ทัวร์นาเมนต์ เดียว นั่นต้องย้อนไปถึง ปี 1964 โดย เฟเรนซ์ เบเน่ กองหน้าชาว ฮังการี ถล่มคนเดียวถึง 12 ประตู ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม เบเน่ ไม่ใช่ ดาวยิงสูงสุดตลอดกาล ของ ฟุตบอลชาย โอลิมปิก เกมส์ แต่เป็น โซพัส นีลเซ่น ดาวเตะ เดนมาร์ก และ อันตาล ดูไน กองหน้าฮังการี ครองสถิติร่วมกันคือ 13 ประตู จากการลงเล่น 2 สมัย นั่นเอง
มี ทีมฟุตบอลหญิง ด้วยเช่นกัน
สำหรับ ฟุตบอล หญิง ได้รับการบรรจุเข้า เป็น กีฬาชนิดหนึ่งที่มีเหรียญทอง ให้ได้ลุ้นเช่นกัน โดย ได้รับการบรรจุ ให้มีการแข่งขันขึ้นในปี 1996 ซึ่งจัดกันที่ แอตแลนต้า ประเทศสหรัฐ อเมริกา และทุกวันนี้ สหรัฐอเมริกา ก็ยังเป็นเจ้าเหรียญทอง ของทีมหญิง โดยคว้าแชมป์มาแล้ว 4 สมัย จากการลงเล่น 5 ครั้งที่ ได้เข้าชิงชนะเลิศ ขณะที่อีกสองทีมที่เคยได้ เหรียญทอง โอลิมปิก รายการนี้คือ เยอรมัน และ นอร์เวย์