กลายเป็น ข่าวดังข้ามคืน ไปทั่ววงการฟุตบอล เมื่อมีการระบุว่า ลิโอเนล เมสซี่ (33 ปี สัญญาหมดกลางปี 2021) ตัดสินใจประกาศ ความต้องการของตนเองในการย้ายออกจากสโมสร บาร์เซโลน่า
รายงานจาก เดลีเมล์ สื่อในอังกฤษ ระบุว่า นักเตะ ได้ทำการส่ง แฟกซ์ เอกสาร ไปยังสโมสร บาร์เซโลน่า เกี่ยวกับการตัดสินใจ ขอใช้สิทธิ์การย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัว ตามที่ระบุไว้ในสัญญาของตนเอง แม้ว่าในสัญญาจะมีการระบุว่า จะมีอายุถึงสิ้นเดือน มิถุนายน 2020 ก็ตาม แต่ด้วยในฤดูกาลนี้ ปัญหาการระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก และตารางการแข่งขันใน ลา ลีกา และฟุตบอลลีกทั่วโลก ต้องเลื่อนออกไปอีกหลายเดือน จนเพิ่งจะจบกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
การพูดคุยกับ โจเซฟ มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสร บาร์เซโลน่า รวมถึงการเดินทางไปเจรจา ด้วยตนเอง ของ โรนัลด์ คูมัน นายใหญ่คนใหม่ของ บาร์ซ่า ไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้ เพราะ เขามองไม่เห็นถึง อนาคตที่ดี กับบาร์ซ่า ภายใต้การนำทีมบริหารงานของ บาร์โตเมว
บาร์เซโลน่า กับ เมสซี่ เป็นอะไรที่เป็น “หนึ่งเดียวกัน” ตั้งแต่ เมสซี่ อายุ 13 ปี จนถึงวันนี้ 20 ปีแล้ว ที่ เมสซี่ ทำทุกอย่างเพื่อ บาร์เซโลน่า และ บาร์เซโลน่า มี เมสซี่ เป็นเหมือน สัญลักษณ์ ของสโมสรแห่งนี้ สัญลักษณ์ แห่งความรุ่งเรือง และยิ่งใหญ่ ตลอดสองทศวรรษ
บางช่วงอาจไม่ใช่ช่วงที่ดีเสมอไป แต่ไม่นานเกินรอ บาร์ซ่า กลับมาสู่จุดที่ควรอยู่ได้เสมอ และ เมสซี่ คือ แกนนำ ทีมทุกชุด โค้ชทุกคน เลือก เมสซี่ คือแกนหลักของทีม มาโดยตลอด สถานภาพของเขา คือ “แตะต้องไม่ได้” มานานมากแล้ว เพราะเขา ชนะใจแฟนบอล พิสูจน์ด้วยผลงานในสนามมาโดยตลอด
731 เกม 634 ประตู 285 แอตซิสต์ มองหาใครในโลก ฟุตบอลเวลานี้ ทำได้ถึงจุดที่ เมสซี่ ทำได้ อาจมีเพียง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คนเดียวที่ทำได้ใกล้เคียง เพราะตลอดที่ผ่านมา ฟุตบอลก็คือ ยุคสมัยของพวกเขาสองคน ต่างกันตรงที่ เมสซี่ มีจุดเริ่มต้นในวงการฟุตบอลอาชีพ เพียง บาร์เซโลน่า เท่านั้น เขาออกจากบ้านที่ อาร์เจนติน่า ก็มาที่ บาร์เซโลน่า และกลายเป็นบ้านของเขาไปแล้ว ส่วน โรนัลโด้ ชีวิตของเขา ย้ายทีมหลายต่อหลายครั้ง บริบทแตกต่างกัน แต่คุณภาพคับแก้วไม่ต่างกัน และไม่ต้องหาให้เสียเวลาว่าใครดีที่สุด
ได้รับการยอมรับว่าเป็น นักเตะ ที่มียุคสมัย ของตนเอง หรือ ได้รับการยอมรับว่าเป็น นักเตะ ที่เก่งที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน ไม่ต้องบอกถึงแชมป์ร่วมกับสโมสร หรือว่า ความสำเร็จส่วนตัวที่ทำได้ ก็บอกถึง “คุณค่า และคุณภาพ” ในตัวของเขาให้มากมาย
ไม่มีใครคิด และเวลานี้ก็ยังมีหลายคน ไม่เชื่อว่า เมสซี่ จะตัดสินใจอำลา บาร์เซโลน่า แม้จะมีข่าวลือ ออกมาโดยตลอดก็ตาม โดยหลังเกิดข่าวนิ้ออกมา มีแฟนบอลจำนวนมาก ออกมาแสดงการสนับสนุน และขอร้องให้ เมสซี่ อยู่กับทีมต่อไป ทั้งการออกมาชูเสื้อ หรือข้อความสนับสนุนเขาหน้าสนาม คัมป์ นู หรือในโลกออกไลน์
ความพ่ายแพ้ 8-2 ที่มีต่อ บาเยิร์น มิวนิค ในแชมเปี้ยนส์ ลีก อาจเป็นผลแข่งขันที่น่าอับอาย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นใหญี่สุด ต่อการตัดสินใจ แต่เป็นเหมือน “จุดตัดสินใจ” จากสิ่งที่เกิดขึ้น มาตลอด 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา ที่พวกเขาล้มเหลวมาโดยตลอด แม้จะมีแชมป์ ลา ลีกา ในฤดูกาล 2018-2019 ก็ตาม
ปัญหาการบริหารงานของ บาร์เซโลน่า ซึ่งนำโดย โจเซฟ มาเรีย บาร์โตเมว ซึ่ง เป็นปัจจัยหลักสำคัญที่สุด เพราะตลอดช่วงการครองบัลลังก์ ประธานสโมสร บาร์เซโลน่า บาร์โตเมว มีเรื่องหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงสองฤดูกาลหลังสุด ที่มีทั้งข่าวการ จ้างกลุ่มคนมาปลุกปั่นกระแส โจมตีสโมสร และ นักเตะ ทีมตัวเอง ไปจนถึงการทะเลาะกันภายในบอร์ดบริหาร
หลายครั้ง เมสซี่ ก็เคยออกมากล่าวในเรื่องนี้ ถึงความไม่พอใจที่มีต่อ การทำงานชุดนี้ รวมถึงการปลด เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ในช่วงกลางฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนจะมีการแต่งตั้ง กีเก้ เซเตียน เข้ามารับงานแทน และทำงานได้เพียงไม่กี่เดือน ก็ออกจากตำแหน่ง และอีกยิบย่อย สารพันปัญหา ที่เป็นไปได้ทั้งหมดว่า คือเหตุผลองค์รวมในการอำลา ซึ่ง มั่นใจได้เลยว่า ไม่ใช่ อารมณ์ชั่ววูบ ในการตัดสินใจ อำลาทีม อำลาเมืองที่อยู่มาร่วม 20 ปี อย่างแน่นอน
อย่างที่บอก การตัดสินใจครั้งนี้ สะเทือนวงการ ชนิดที่ว่า โควิด-19 ที่ว่าแน่ แต่ถ้า เมสซี่ จะ “Move on” ทีมไหนไม่ไหวก็บอกไหว เพราะ นี่คือโอกาสเดียว ที่สโมสรเหล่านั้นจะมี ลิโอเนล เมสซี่ อยู่ในทีมของพวกเขา
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นเฮดโค้ช คือหนึ่งสโมสรตัวเต็งที่จะได้ตัวเขาไปร่วมงานด้วย สายสัมพันธ์ของทั้งสองคน แนบแน่น และทำงานร่วมกันด้วยดีตลอดหลายปีที่บาร์ซ่า เช่นเดียวกับ อินเตอร์ มิลาน ที่มีข่าวเกี่ยวกับ ความจริงจัง ในการอยากได้ตัว เมสซี่ ไปเสริมเกมรุก โดยมี เลาตาโร่ มาร์ติเนซ รุ่นน้องชาวอาร์เจนไตน์ ที่เขาเคยบอกว่าอยากเล่นด้วยกันในระดับสโมสร อยู่ที่นั่นด้วย ยังไม่รวมถึง เปแอสเช ที่หากส่งสัญญาณสักนิดว่า “มีใจให้” เปแอสเช ไม่อยู่เฉยแน่นอน
ยังไม่รวมถึงความเป็นไปได้ในการย้ายไปเล่น นอกทวีปยุโรป ทั้งกับ เมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ ปลายทางของเหล่าดาวดังมากมาย หรือ การกลับไปเล่น ในอาร์เจนติน่า กับ นีเวลส์ โอลด์ บอยส์ ทีมเก่าของเขาเองสมัยยังเป็นเด็ก ทั้งหมดเป็นไปได้ หาก เมสซี่ มีการย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัว
อย่างไรก็ตาม ตามการย้ายทีมครั้งนี้ คงจะไม่ใช่ การย้ายทีมที่เกิดขึ้นโดยง่าย แม้จะมีการระบุว่า เมสซี่ จะขอใช้สิทธิ์การย้ายทีมในแบบไม่มีค่าตัว ตามที่ระบุในสัญญาที่เซ็น ครั้งล่าสุดในปี 2017แต่ระยะเวลาในการใช้สัญญานั้นก็เลยกำหนดไปแล้ว ตามที่กล่าวไว้ด้านบน แต่ด้วยความผิดปกติของโลก กับ โควิด-19 ทำให้เรื่องนี้ มีโอกาสเกมพลิกเช่นกัน ซึ่งถ้าจบลงด้วยการไม่สามารถย้ายทีมแบบไร้ค่าตัว เมสซี่ จะมีค่าฉีกสัญญาที่ 700 ล้านยูโร ซึ่งแน่นอนไม่มี สโมสรไหน กล้าฉีกสัญญาสำหรับ นักเตะ อายุ 33 ปี ด้วยราคาเท่านั้น ยิ่งในสถานการณ์การเกิดการระบาดของโควิด-19 ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ไม่รวมค่าเหนื่อยของเมสซี่ ที่ อาส สื่อในสเปนระบุว่ารับเงินอยู่ที่ 99.6 ล้านยูโร ต่อปี ซึ่งก็สูงมากสำหรับวัยของเขา และทุกสโมสรจะรอเวลาที่เขาหมดสัญญาอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2021
แน่นอนว่า บาร์เซโลน่า จะทำทุกอย่างเพื่อโน้มน้าวใจให้ เมสซี่ อยู่กับทีมต่อไป ยิ่งต่อสัญญาใหม่ได้ยิ่งดี ซึ่งเวลานี้ก็ชัดเจนแล้วว่า แทบเป็นไปไม่ได้แล้ว หรือถ้าสุดท้ายต้องไปพวกเขาก็ไม่อยากเสียไป แบบไม่มีค่าตัว อย่างไรก็ตามคงต้องบอกว่า “ไม่มีใจ รั้งไปก็เท่านั้น” เพราะสถานการณ์เช่นนี้ ปัจจัยไม่ได้ขึ้นกับความสำเร็จ หรือเงินทองอีกต่อไป แต่มันคือความผิดหวัง กับทีมของตนเอง สิ่งที่เกิดขึ้นกับบาร์ซ่า และหากเป็นเช่นนั้นจริง วันที่ “มนุษย์ต่างดาว” ย้ายบ้าน วันนั้นคือวันที่ “มนุษย์” ที่ชื่อ โจเซฟ มาเรีย บาร์โตเมว จะเป็นชื่อที่แฟนบอลบาร์ซ่า เกลียดที่สุด อันดับหนึ่งอย่างแน่นอน