ในกรณีที่ #DeadlineDay อาร์เซนอล ไม่สามารถปิดดีลใครได้เลย และปล่อย ปิแอร์–เอเมอริค โอบาเมยอง ออกจากทีมไปด้วย ทีมจะเหลือนักเตะชุดใหญ่ทั้งหมด 20 คน ไม่รวมนายทวารมือสาม และนักเตะจากทีมสำรอง กับ 17 เกมสุดท้ายของฤดูกาลนี้
ตลาดการซื้อขายจะปิดลงในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2022 เวลา 06.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
“เสือดำแห่งกาบอง” ไม่ได้ลงเล่นมานับตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม เป็นต้นมา ถึงตรงนี้เกือบสองเดือนเต็มที่เขาไม่ได้ลงเล่นเกมอย่างเป็นทางการเลยทั้งระดับสโมสร และทีมชาติกาบอง ทำได้เพียงซ้อมเดี่ยวกับสโมสร โดนตัดออกจากทีมไปแคมป์ที่ดูไบ ขณะที่กับทีมชาติ โดนส่งตัวกลับมาด้วยเหตุผลที่ยังไม่ชัดเจนว่า แท้จริงแล้ว “ป่วยจริง หรือ เมาจริง” แต่ที่แน่ ๆ สโมสรยืนยันแล้วว่า อาการที่หัวใจของเขา ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นอย่างที่เป็นข่าว
บาร์เซโลน่ายื่นข้อเสนอยืมตัวจนจบฤดูกาลนี้ ในแบบไม่มีออฟชั่นซื้อขาดใด ๆ แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าค่าเหนื่อยระดับ 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ของเขา ทีมไหนจะรับผิดชอบ และรับผิดชอบเท่าไร อาร์เซนอล พร้อมปล่อยตัวเขาแล้ว จากปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะที่ โอบาเมยอง มีข่าวว่าพร้อมลดค่าแรงตัวเองเพื่อย้ายไปเล่นกับ บาร์ซ่า เช่นกัน ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นอันจบ 4 ปี กับ อาร์เซนอลพอดีสำหรับ “อัศวินคนสุดท้าย” ที่ อาร์แซน เวนเกอร์ เซ็นสัญญาให้ทีม อาร์เซนอล โดยนักเตะประกาศมาเป็นนักเตะอาร์เซนอลครั้งแรกในวันที่ 31 มกราคม 2018
อย่างไรก็ตามดีลนี้ ยังต้องรอการ “เคลื่อนที่” ของดีล อุสมาน เดมเบเล่ จากทางบาร์เซโลน่าด้วย หลังจากการเจรจาสัญญาใหม่ของพวกเขา หาข้อสรุปไมได้ บาร์เซโลน่า ต้องการปล่อยนักเตะออกจากทีม แต่ นักเตะ ไม่ต้องการย้ายทีม และก็จะไม่ต่อสัญญาถ้าไม่ได้ค่าแรงตามที่ต้องการ และนั่นนำมาซึ่งคำขู่ที่ว่าทีมจะไม่ส่งเขาลงเล่นจนกระทั่งหมดสัญญา หรือจะเลือกย้ายออกจากทีมไป
การย้ายของ เดมเบเล่ มีผลกับดีลของ โอบาเมยอง โดยตรงเนื่องจาก บาร์เซโลน่า ต้องการเอาค่าเหนื่อยของ เดมเบเล่ มาให้กับ โอบาเมยอง แทนในกรณีที่ย้ายทีม เพราะทุกวันนี้ พวกเขาจะไม่สามารถลงทะเบียนนักเตะเพิ่มได้จากปัญหาเพดานค่าเหนื่อยที่จะทะลุทันที หากเซ็นสัญญาใหม่ใครเข้ามาเพิ่มอีก ขณะที่ ณ เวลานี้ เดมเบเล่ กับ บาร์ซ่า ก็ยกเลิกการคุยสัญญาใหม่กันไปแล้ว ทำให้โค้งสุดท้ายของการซื้อขาย เดมเบเล่ คือกุญแจสำคัญของการย้ายออกจากทีมหรือไม่ของ โอบาเมยอง และอาจหมายรวมถึงการได้ของหน้าคนใหม่ของ อาร์เซนอล อีกด้วยเช่นกัน
อาร์เซนอล มีปัญหาเรื่องของ Squad Depth อย่างหนักในเดือนมกราคม จากทั้งอาการบาดเจ็บ ทั้งโควิด-19 หนักที่สุดคือการไปทีมชาติของหลายคนในทีม ซึ่ง ณ เวลานี้ เอลเนนี่ ยังคงเป็นคนเดียวที่ยังอยู่ในภารกิจทีมชาติ ที่เหลือกลับมากันหมดแล้ว เตรียมลุยต่อ 10 กุมภาพันธ์พบกับ วูลฟ์ส
การจะมาได้หรือไม่ได้มาของ Alexander Isak ที่เป็นข่าวว่าอยู่ในลอนดอน ณ เวลานี้ หรือที่ว่า “อาจ”จะเซ็น Jack Wilshere มาใช้งานชั่วคราว จากการมีหมายเลขเสื้อในการซ้อมที่แคมป์ในดูไบ ไม่ได้เพิ่มในส่วนของ Squad Depth มากนัก แต่หากได้ Isak เข้ามาก็ได้ในแง่ของกำลังใจว่า กองหน้าใหม่ ก็มาพร้อมกับความหวังใหม่ เพราะสองกองหน้าที่มีอยู่ สัญญาจะหมดลงในเดือนมิถุนายน 2022 แล้วทั้งคู่อย่างไรก็ตามสิงหาคมเราได้เห็นกองหน้าคนใหม่แน่นอนแต่สิ่งที่ทำให้ร้อนรนและต้องมามองหากองหน้าในตลาดมกราคมเพราะผลงานไม่ดีเลยในเกมรุกและปัญหาของโอบาเมยองในเรื่องของวินัยรวมถึงผลงานส่วนตัวของเขาเป็นสิ่งที่ทีมเลือกแล้วจะตัดออกก็ต้องรับผลของการกระทำทั้งสโมสรและตัวโอบาเมยอง
การพลาดตัวดูซานวลาโฮวิชคือเครื่องย้ำเตือนว่าอาร์เซนอลอยู่ในระดับไหนในสายตานักเตะที่มีทางเลือกระดับท็อปให้เลือกเสริมทีมและนั่นคือความสำคัญของแชมเปี้ยนส์ลีกที่มากกว่าแค่เรื่องของเงินรายได้และถ้าอยากไปให้ถึงตรงนั้นมีคู่แข่งหลายสโมสรก็ต้องการแบบเดียวกัน
20 คนที่เหลือ กับ 17 เกม ถ้ามองแบบโลกสวย ๆ ไม่เจ็บไม่แบนเลย ก็พอจะแถไถกันให้จบฤดูกาลไปได้ แต่มองลึกลงไป 20 คน ต้องตัดออก 2 ในฐานะของนายทวาร จะเลือกเอ้าท์ฟิลด์ แค่ 18 คน [ตัวจริง 10 สำรอง 8] ในเกมที่ต้องเตะกันแบบ 3-4 วันต่อเกม รับรองว่ายังไงก็หนีไม่พ้นอาการบาดเจ็บถามหาแน่นอน ถึงตรงนั้น อาร์เตต้า ก็ต้องกล้าเลือกใช้ตัวสำรองจากทีมเยาวชนบ้าง เพื่อให้ชุดใหญ่ได้พัก และเชื่อว่าเขามองไว้แล้วเช่นกัน ไม่อย่างนั้น เด็กหลายคน คงไม่ได้มีชื่อติดทีมไปเข้าแคมป์ในดูไบด้วย
ในตลาดรอบนี้ที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงจะปิดตลาด อาร์เซนอล หมดเวลาไปกับการตามดีลของ วลาโฮวิช ซึ่งต้องบอกว่าล้มเหลว เพราะสุดท้ายดีลล่มจากนักเตะ ซึ่งมองว่า อาร์เซนอล ต้องการนักเตะคนนี้มากแค่ไหน แต่เมื่อไม่ได้ พวกเขาก็มีสองทางเลือกคือ 1. หาคนใหม่ 2. ว่ากันใหม่หน้าร้อน
ถึงเวลานี้ด้วยสถานการณ์ปัญหาเกมรุก และการจะปล่อย โอบาเมยอง ออกจากทีมไปด้วยอีกคน ทำให้วันสุดท้ายของการซื้อขาย ยังคงมีความหวัง และความหมายสำหรับแฟนบอลทุกคน ถึงกองหน้าคนใหม่ และก็ได้แต่หวังว่ามันจะเกิดขึ้นจริง เพื่อเพิ่มโอกาสทำได้ตามเป้าหมายในวันจบฤดูกาล
ส่วนที่ปล่อยตัวไปในรอบนี้ ปาโบล มารี [ยืมตัว], ไอน์สลีย์ เมดแลนด์–ไนลส์ [ยืมตัว], โฟลาริน บาโลกุน [ยืมตัว], คาลัม แชมเบอร์ส และ เซอัด โคลาซินัค ถ้ามองกันตามสภาพแล้ว นักเตะเหล่านี้ มีเพียง บาโลกุน ที่พอจะหวังเป็นอนาคตต่อไปได้ ส่วนที่เหลือคือ สำรองของทีม ซึ่งส่งผลต่อ Squad Depth ของทีมโดยตรง ผลงานลงไปแล้ว แฟนบอลอาจไม่ชอบ เล่นไม่ดีเท่าตัวจริง แต่ก็ต้องมีเพื่อให้ตัวหลักได้พักบ้าง นี่คือความสำคัญของพวกเขาที่ขาดหายไป ในทางกลับกันสุดท้ายทีมก็เลือกปล่อย เพราะสัญญาจะหมดในจบฤดูกาลนี้หลายคน แลกมาซึ่งจะได้งบประมาณค่าเหนื่อยกลับมาหลายแสนปอนด์
20 ชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขาย เวลายังคงเดินหน้าต่อไป แฟนบอลก็ต้องลุ้นกันไปว่า ความหวังจะกลายเป็นจริงหรือไม่