สงคราม “ตัวจริง” เริ่มต้นขึ้นแล้ว

     ตามหลักของฟุตบอลในรอบหลายปีทีผ่านมา สโมสรมักจะใช้วิธีการ “ประนีประนอม” ในการส่งนายทวารลงสนาม หนึ่งคนจะลงเล่นในเกมลีก หนึ่งคนจะลงเล่นในฟุตบอลถ้วย ซึ่ง อาร์เซนอล ก็เคยใช้มาก่อน แต่ในฤดูกาลนี้ พวกเขามีแค่ฟุตบอลในประเทศลงเล่น เกมแข่งก็น้อยลงไปอีกอย่างน้อย ๆ ก็ 6 เกม ยิ่งทำให้แผนงานนี้ไม่เวิร์คเท่าไรนัก และสุดท้าย อาร์เซนอล เลือกใช้วิธีการที่ต่างจากเดิม

     การประกาศเช่นนี้ของ อาร์เตต้า นั่นหมายถึงจะไม่การันตีหมายเลขหนึ่งให้กับ นายทวาร คนใดคนหนึ่งอีกต่อไปแล้ว วัดกันที่ผลงานล้วน ๆ ทั้งจากในสนามซ้อม และเมื่อได้รับโอกาสลงสนามใครทำได้ดีกว่ากัน  เห็นแล้วชวนคิดถึงช่วงที่ โอลิเวอร์ คาห์น และ เยนส์ เลห์มันน์ ในช่วงปี 2005-2006 ที่ เยอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ เปิดโอกาสให้ทั้งคู่พิสูจน์ผลงานของตนเองในการชิงมือหนึ่งทีมชาติ และสุดท้าย เลห์มันน์ ก็ได้เป็นมือหนึ่งในทีมชาติเยอรมัน ชุดฟุตบอลโลก 2006 หรือเอาแบบที่เพิ่งเกิดขึ้น อย่างกรณีของ ดาบิด เด เคอา และ ดีน เฮนเดอร์สัน ที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีจังหวะ และโอกาสได้สลับกันขึ้นมาเป็นตัวจริงในทีม ซึ่งในฤดูกาลนี้ เด เคอา ยึดตัวจริงต่อเนื่องหลังจาก เฮนเดอร์สัน มีอาการบาดเจ็บ

     ในแง่ของความเป็นทีม การทำเช่นนี้จะดีกับทีมมากกว่าผลเสีย นายทวารจะเกิดการแข่งขันในการทำงานแบบจริงจังเสียที หลังจากปีที่แล้ว คู่แข่งของเลโน่ ห่างชั้นเกินไป ถึงขนาดที่ว่า เลโน่ มีจังหวะผิดพลาดเกมต่อมาก็ยังรักษาตำแหน่งตัวจริงได้ต่อไป มาปีนี้ เลโน่ จะเจอกับการท้าทายโดยตรงแบบที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนเลยในชีวิตของเขาก็ว่าได้ ส่วน แรมสเดล ในฐานะผู้ท้าชิง ณ เวลานี้ ฐานะของเขาขยับเข้าใกล้ตัวจริงถาวรเข้าไปอีกนิด เมื่อโอกาสมาถึงแล้วเขาไม่ก่อความผิดพลาดใดออกมา ที่เหลือคือ สงครามระยะยาว เหมือนที่ เยนส์ เลห์มันน์ เคยกล่าวว่า นายทวารไม่มีความเพื่อนสนิทอะไรระหว่างกัน มีแต่ต้องต่อสู้กันเสมอ เพื่อโอกาสของตนเองกับที่ว่างเพียงหนึ่งเดียวในสนาม สู้กันอย่างมืออาชีพ พลาดให้น้อยที่สุด หรืออย่างแย่คือพลาดน้อยกว่าอีกคน

     ในทางกลับกัน สโมสร ก็เหมือนกับเป็นการส่งข้อความด้วยการกระทำไปยัง เลโน่ เช่นกันว่า พวกเขาเตรียมทางเลือกนายทวารคนใหม่เอาไว้แล้ว หากผลงานของนายด่านเยอรมันไม่เข้าตามากพอหรือหากต้องการย้ายออก พวกเขาก็พร้อมเปลี่ยนแปลง เหมือนที่ทำในเกมกับ นอริช เป็นหนึ่งสัญญาณที่แสดงออกมาชัดเจน  ขณะที่ แรมสเดล แม้ในเกมล่าสุดเขาคือตัวจริง แต่ก็ไม่สามารถลดความมุ่งมั่นของตนเองไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะพลาดเมื่อไร “คนที่ดีพอจะเป็นมือหนึ่งของทีม” ก็พร้อมจะมาแทนที่เขาได้ทันที ในฤดูกาลที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายจะมาถึง และทั้งสองคนอยากมีส่วนร่วมกับ ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับชาติ ที่ทั้งสองคนยังไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยทั้งคู่ ซึ่งก้าวแรกของการจะได้ลุ้นคือการลงเล่นในระดับสโมสรเท่านั้น ไม่ได้เล่น โอกาสที่ว่าก็ไม่ต้องหวัง

     ที่เหลือก็ได้แต่รอดูว่า มิเคล อาร์เตต้า จะยุติธรรมแค่ไหนในการเลือกใครคนใดคนหนึ่งเป็นตัวจริงในแต่ละเกมการแข่งขัน และคนที่ได้รับโอกาสจะทำได้ดีแค่ไหน เช่นเดียวกับคนที่รอจะสู้แค่ไหน เพราะถึงตรงนี้ ไม่มีคำว่า “มือหนึ่ง” หรือ “มือสอง” อีกต่อไป มีแต่คำว่าใครคือ “ตัวจริง”.ที่จะได้รับโอกาสเท่านั้น…กับฤดูกาลนี้ที่ยังมีอีกหลายเดือนให้ต้องต่อสู้กันแม้กระทั่งในสนามซ้อมของทีม