สถานการณ์ “แรมซีย์”

     ชื่อของ เอฟเวอร์ตัน, นิวคาสเซิ่ล และ อาร์เซนอล กลายเป็นข่าวกับเขาในช่วงที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลที่มีเป้าหมายที่ต่างออกไป เอฟเวอร์ตัน มีปัญหาบาดเจ็บของนักเตะเยอะ / นิวคาสเซิ่ล ต้องการนักเตะมาช่วยลุ้นในการอยู่รอด และ อาร์เซนอล จะเสียกองกลางไปถึงสองคนของทีม กับภารกิจ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนอยากเห็นการ “รีเทิร์น” ของเขากลับสู่ อาร์เซนอล อีกครั้ง หนึ่งในนั้นคือ ธีโอ วัลคอตต์ เพื่อนร่วมทีมเก่าของเขา ซึ่งตอนนี้เล่นกับ เซาธ์แธมป์ตัน

     “ผมคงมีการคุยกับเขาแน่ และมันคงยอดเยี่ยมเลย ถ้าเขากลับมาเล่นในพรีเมียร์ ลีก อีกครั้ง และบางครั้งผมคิดเองว่าเขาคงมีความสุขถ้ากลับมาเล่นกับ อาร์เซนอล อีกครั้ง มันเป็นทางเลือกที่ดี ผมไม่ได้เห็นเขาลงเล่นกับ ยูเวนตุส มากเท่าไร ดังนั้นผมแสดงความเห็นเกี่ยวกับตรงนั้นไม่ได้ แต่กับ เวลส์ ในเกมล่าสุด ผมได้เห็นขา และเขาเล่นดีมาก ยังคงมีความเป็นผู้นำ ทำงานอย่างหนัก และช่วยให้ เวลส์ ไปเล่นในรอบเพลย์ออฟฟุตบอลโลก”

     ในแง่ของ อาร์เซนอล การจะเสียทั้ง โธมัส ปาเตย์ และ โมฮัมเหม็ด เอลเนนี่ ในช่วงเดือนมกราคม นับเป็นความเสียหายหนัก โดยเฉพาะ ปาเตย์ ซึ่งเป็นแกนหลักของทีม แน่นอนว่าข่าวกับการเสริมกองกลางของ อาร์เซนอล ก็ออกมาอยู่ตลอดเช่นกัน แต่ อาร์เตต้า รวมถึง จอช โครเอนเก้ ผู้บริหารของทีม ก็ยังคงไม่ชี้ชัดใด ๆ ลงไปในเรื่องนี้ โดย โครเอนเก้ ระบุเพียงว่า หากมีโอกาสที่ดีกับการลงทุน เขาจะลงทุนแน่นอนในตลาดรอบมกราคมนี้

     อย่างไรก็ตามหากมองถึงตลาดการซื้อขายมกราคมของ อาร์เซนอล นับจาก อาร์แซน เวนเกอร์ ออกจากทีมไป ทีมมีการใช้ระบบการยืมตัวทั้งหมดในตลาดรอบมกราคม

มกราคม 2019: ยืมตัว เดนิส ซัวเรซ

มกราคม 2020: ยืมตัว เซดริก ซัวเรซ และ ปาโบล มารี

มกราคม 2021: ยืมตัว มาร์ติน เออเดการ์ด และ แมตต์ ไรอัน

     ดังนั้นการยืมตัวจะเป็นหนึ่งในแผนงานในตลาดมกราคม 2022 แน่นอน ขึ้นกับว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร และใครจะอยู่ในข่ายที่พวกเขาสนใจ และสามารถ “ยืมได้-ซื้อไหว” ก็ว่ากันเมื่อถึงเวลานั้น

     หากสุดท้าย อาร์เซนอล ตัดสินใจยืมแรมซีย์มาร่วมงานด้วย ในแง่ของข้อดีคือ ทีมสามารถคาดหวังได้ในระดับหนึ่งว่า ทีมจะได้อะไรจาเขา รวมถึงในเรื่องของกำลังใจจากแฟนบอล ที่ยังคงรักเขาอยู่ไม่น้อยก็น่าจะเป็นพลังในแง่บวกที่ดีกับทีม กอปรกับ อายุ ที่ยังไม่ใช่ช่วงปลายอาชีพ การยืมตัว 6 เดือน น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ในทางกลับกัน แรมซีย์ ไม่ใช่ทางเลือกที่จะเป็น “อนาคต” ของสโมสรอีกต่อไปแล้ว แต่หากมองการยืมเขามาร่วมงานกันเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ทีมไปถึงเป้าหมายกับการไปเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้อีกครั้ง นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ขึ้นกับว่า มิเคล อาร์เตต้า และ เอดู กาสปาร์ จะยังคงมอง แรมซีย์ มีประโยชน์มากพอที่จะดึงกลับมาร่วมงานกัน หรือมองทางเลือกอื่นเอาไว้แล้ว ยังเป็นคำถามที่รอคำตอบ

     ท้ายที่สุดแล้วด้วยสถานการณ์ที่ แรมซีย์ กำลังเผชิญเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับตัวเขาเอง ที่อยู่ในช่วงเวลาที่ควรจะลงเล่นอย่างต่อเนื่องบนวัย 30 ปี ต่อให้ไม่นับเรื่องของทีมชาติ ด้วยประสบการณ์ และโปรไฟล์ของเขา มีหลายสโมสรที่ยังคงสนใจใช้บริการของเขาอย่างแน่นอน แต่ถึงตรงนี้มันชัดเจนแล้วว่า ถึงเวลา “มูฟออน” กันต่อแล้ว ส่วนจะเป็น “ชั่วคราว” หรือ “ตลอดไป” ก็ต้องติดตามกันครับ