สิ่งที่น่าผิดหวังมากกว่าการไม่ได้เจ้าของใหม่ของ "สาลิกาดง"
หลายคนคงรู้กันแล้วว่าดีลการเทคโอเวอร์สโมสรนิวคาสเซิ่ลนั้นจบลงไปแล้วด้วยการถอนตัวจากกลุ่มทุน PIF เอง
ผมอยากจะมาระบายความรู้สึกหลังจากที่ดีลนี้จบลงไปด้วยความผิดหวัง
ก่อนจะเข้าเรื่องผมอยากเล่าถึงที่มาที่ไปของดีลนี้ก่อน
ผู้ซื้อที่นำมาโดยนายหน้าอย่าง อแมนด้า สเตฟลี่ย์ โดยมีกลุ่มทุนของ ซาอุดีอาระเบีย (PIF) มาซื้อทีม ซึ่งเป็นเงินทุนจากเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งประเทศ ซาอุดิอาระเบีย โดยถ้าเทคโอเวอร์ นิวคาสเซิ่ล สำเร็จ PIF จะถือหุ้น 80 เปอร์เซ็นต์ และ “รอยเบน บราเธอร์ส” ที่จะถือหุ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์
การซื้อขายครั้งมีการ “เคาะราคา” กันอยู่ที่จำนวนเงิน 300 ล้านปอนด์ ทุกอย่างน่าจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่หลังจาก ที่มีการส่งเอกสารเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมถึงจ่ายมัดจำ เป็นจำนวนเงิน 17 ล้านปอนด์เรียบร้อย
อุปสรรคอันใหญ่หลวงก็เกิดขึ้นทันที
เริ่มจาก ฮาทิช เชนกิซ คู่หมั้นของจามาล คาซอกกี คือ นักข่าวชาวซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมี “ข่าวลือ” ถูกเจ้าชาย บิน ซัลมาน ส่งทีมไปอุ้มฆ่า เนื่องจาก คาซอคกี มีการเขียนบทความในการเรียกร้องเสรีภาพในโลกอาหรับ โดย เชนกิช ได้ทำการส่งหนังสือถึง พรีเมียร์ลีก ว่าอย่าอนุมัติการซื้อขายในครั้งนี้ เพราะเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน คือผู้อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรม คนรักของเธอ อย่างโหดเหี้ยม
จากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วย ผู้บริหาร บีอิน สปอร์ต(beIN) ได้ส่งจดหมายถึงทีมพรีเมียร์ลีก ว่า ให้ร่วมคัดค้านการเทคโอเวอร์ เพราะเงินที่นำมาเทคโอเวอร์นั้นไม่มีที่มาที่แน่ชัด และไม่โปร่งใส โดยมีการระบุว่า ภายในประเทศ ซาอุดิอาระเบีย มีการลักลอบ สตรีมมิ่งเถื่อนในการ ถ่ายทอดสด พรีเมียร์ลีก ภายใต้ชื่อว่า beoutQ ซึ่งนี่คือ Pirate ที่เลวร้ายที่สุด และ พรีเมียร์ ลีก ก็พยายามต่อต้านในเรื่องนี้มาโดยตลอด อีกทั้ง beIN นั้นเป็นของ ประเทศการ์ตาร์ และ beoutQ เป็นของ ประเทศซาอุดิ อาระเบีย ทั้ง 2 ประเทศนี้มีข้อพิพาททางการการเมืองกันอยู่แล้ว
และสุดท้ายคือ องค์การการค้าโลก หรือ ดับเบิลยูทีโอ (WTO) ตัดสินว่า เป็นเรื่องจริงที่กลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “บีเอาท์คิว” (beoutQ) และนั่นทำให้ ริชาร์ด มาสเตอร์ ซีอีโอ ของทาง พรีเมียร์ ลีก อยู่ในสถานการณ์ กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เพราะถ้าอนุมัติให้สำเร็จ
พันธมิตรอย่างการ์ตาร์ก็คงมีเคืองแน่นอน แต่ถ้าปฏิเสธ มิตรภาพทางการทูตที่ดี กับทางซาอุดิอาระเบีย อาจเกิดรอยร้าวที่ยากจะประสานเช่นกัน
ทางพรีเมียร์ลีกจึงเลือกที่จะ “ดึงเกม” ไม่ให้คำตอบ ซึ่งกินเวลาอยู่ถึง 3 เดือน จนล่าสุดทาง PIF ต้องขอถอนตัวออกไปเอง เพราะคาดว่าดีลนี้จะไม่มีทางจบแน่นอน และนั่นทำให้ดีลนี้กลายเป็น “ฝันค้าง” ของสาวก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
แน่นอนว่าแฟนนิวคาสเซิ่ล ทุกคนผิดหวังที่ดีลนี้นั้นล่มไป อย่างน่าเสียดาย แต่ผมเชื่อว่าทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าชายองค์นี้ ต้องการที่จะใช้สโมสรเราเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตนเอง เพราะตัวเขานั้น มีส่วนพัวพันธ์กับคดีต่างๆ มากมาย ถ้าถามเรื่องความถูกต้อง ใครๆก็ไม่อยากให้ดีลนี้สำเร็จ
แต่ในมุมมองของแฟนนิวคาสเซิ่ล นี่คือ อัศวินม้าขาว ที่จะช่วยให้พวกเขาตื่นจากฝันร้ายที่ต้องเผชิญมากว่า 13 ปี จากชายที่ชื่อ ไมค์ แอชลี่ย์ แต่ในเมื่อดีลมันล่มไปแล้วก็ไม่เป็นไร แฟนบอลพร้อมที่จะเชียร์ทีมรักของตนเองต่ออยู่แล้ว
สถานการณ์ของ นิวคาสเซิ่ล
“เราจะสู้ไปด้วยกันต่อไม่ว่ายังไงก็ตาม”
สถานการณ์ของ นิวคาสเซิ่ล ในฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาอยู่รอดปลอดภัย แบบเล่นให้จบๆ ไป ทั้งในส่วน นักเตะ และ ผู้จัดการทีม ปัญหาใหญ่ของ “สาลิกาดง” คือเรื่องของการที่ ทีมไม่มีในเรื่องของการ จัดการสโมสรที่ดี ทั้งการเงินที่แม้จะมีไม่น้อย แต่ก็มักจะมีปัญหา ประหลาดคือ โค้ชเก่ง แต่ทีมมีงบให้น้อย แต่พอได้ โค้ช ไม่เก่ง ทีมกลับมีงบให้ใช้มากมาย
ในยุคของราฟาเอล เบนิเตซ กับ สตีฟ บรู๊ซ การใช้เงินของรายหลังแทบจะเรียกว่า มือเติบเหมือนกัน เพราะได้นักเตะราคาระดับ 40 ล้าน อย่าง โจลินตัน มาร่วมงานด้วย แต่ผลงานกลับสวนทางแบบสุดกู่ เมื่อยิงไปเพียง 2 ประตู ในลีก ฤดูกาลนี้
นิวคาสเซิ่ล ในมุมมองของแฟนบอลที่ รักทีม พวกเขารักในความสนุกสนาน หลายคนคิดถึงบอลสไตล์ ถอยหลังเป็นล้ม หรือ เสียเท่าไรไม่ว่ายิงให้ได้มากกว่าก็พอ แบบที่ เควิน คีแกน เคยทำเอาไว้ ทุกวันนี้ ทีมกลายเป็นสโมสร ที่เล่นเกมรับ รอโต้กลับ ที่บางครั้ง ก็ไม่ได้ว่าจะได้โต้เสียด้วย หลายเกมพวกเขามีแต้มอย่างโชคช่วย ทุลักทุเล แต่บางเกมก็หายไปความทรงจำของแฟนบอลเช่นกัน จน แฟนบอล นิวคาสเซิ่ลขนานนาม นายใหญ่ ทีมตัวเองจาก สตีฟ บรู๊ซว่า “สตีฟ บุญ” กันเลย
สถานการณ์ของ นิวคาสเซิ่ล ในฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาอยู่รอดปลอดภัย แบบเล่นให้จบๆ ไป ทั้งในส่วน นักเตะ และ ผู้จัดการทีม ปัญหาใหญ่ของ “สาลิกาดง” คือเรื่องของการที่ ทีมไม่มีในเรื่องของการ จัดการสโมสรที่ดี ทั้งการเงินที่แม้จะมีไม่น้อย แต่ก็มักจะมีปัญหา ประหลาดคือ โค้ชเก่ง แต่ทีมมีงบให้น้อย แต่พอได้ โค้ช ไม่เก่ง ทีมกลับมีงบให้ใช้มากมาย
ในยุคของราฟาเอล เบนิเตซ กับ สตีฟ บรู๊ซ การใช้เงินของรายหลังแทบจะเรียกว่า มือเติบเหมือนกัน เพราะได้นักเตะราคาระดับ 40 ล้าน อย่าง โจลินตัน มาร่วมงานด้วย แต่ผลงานกลับสวนทางแบบสุดกู่ เมื่อยิงไปเพียง 2 ประตู ในลีก ฤดูกาลนี้
มุมของแฟนบอล
นิวคาสเซิ่ล ในมุมมองของแฟนบอลที่ รักทีม พวกเขารักในความสนุกสนาน หลายคนคิดถึงบอลสไตล์ ถอยหลังเป็นล้ม หรือ เสียเท่าไรไม่ว่ายิงให้ได้มากกว่าก็พอ แบบที่ เควิน คีแกน เคยทำเอาไว้ ทุกวันนี้ ทีมกลายเป็นสโมสร ที่เล่นเกมรับ รอโต้กลับ ที่บางครั้ง ก็ไม่ได้ว่าจะได้โต้เสียด้วย หลายเกมพวกเขามีแต้มอย่างโชคช่วย ทุลักทุเล แต่บางเกมก็หายไปความทรงจำของแฟนบอลเช่นกัน จน แฟนบอล นิวคาสเซิ่ลขนานนาม นายใหญ่ ทีมตัวเองจาก สตีฟ บรู๊ซว่า “สตีฟ บุญ” กันเลย
เกมรับที่ถ้าไม่มี มาร์ติน ดูบราฟก้า ก็น่าจะต้องตกชั้นกันไปแล้ว เพราะนี่คือ ผู้รักษาประตู ที่มีจำนวนเซฟมากที่สุดในฤดูกาลนี้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือการทำประตูจากการสวนกลับ ที่แทบไม่เห็นเลยในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่หนักไปทางการได้ประตูจาก ลูกตั้งเตะ หรือจังหวะฉาบฉวย เป็นสำคัญ
สุดท้ายนี้สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุด มากกว่า ดีลล่ม ก็คือการที่ แฟนบอล นิวคาสเซิ่ล ไม่อาจมองเห็นอนาคตของทีมว่าจะดีขึ้นได้อย่างไร จะต้องหนีตกชั้นอีกหรือไม่ นั่นละ คือสิ่งที่น่ากลัว และน่าผิดหวังที่สุดแล้ว ในฐานะของแฟนบอลคนหนึ่ง