เรื่องราวของความเป็น “อริ” กันระหว่าง อาร์เซนอล และ สเปอร์ส เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน ฝังรากลึก และยากจะมีอะไรมาเปลี่ยนแปลง ความไม่ชอบหน้ากันระหว่างสองทีมนี้ ที่ทำให้ “ลอนดอนเหนือ” ต้องถูกฟันธงว่าจะเป็น “สีขาว” หรือว่า “สีแดง” กันเสมอในทุกครั้งที่ทั้งสองสโมสรพบกัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “ไก่เดือยทอง” ดูเหมือนจะลืมตาอ้าปากได้บ้าง หลังจากที่พวกเขาจบอันดับเหนือกว่า อาร์เซนอล รวมถึงการได้เข้าชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2019 อย่างไรก็ตาม อาร์เซนอล ยังจบด้วยการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยที่ 14 ในฤดูกาลที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม “ความเกลียดชัง” ที่ผู้คนจำนวนมากก็มีคำถามในใจว่า “ทำไมต้องเกลียด” แต่เกิดมา เลือกเป็นแฟนบอลทีมใดในสองทีมนี้ อีกฝ่ายก็คือ อริราชย์ศัตรู หมายเลขหนึ่ง ทันที ก็ยังคงมีเรื่องราวที่ดีเกิดขึ้นบ้าง และมันเกิดขึ้นในกลุ่มสังคม “LGBT+” (Lesbian, Gay, Bisexual, Transgender) หรือกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ
โลกของเรามีการยอมรับในเรื่องของความหลากหลายทางเพศ มากยิ่งขึ้นกว่าช่วงหลายสิบปีก่อนหน้านี้ หากจะบอกว่าเป็นยุคสมัยที่เปิดกว้างมากที่สุดครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องราวนี้ก็คงไม่ผิดนัก แม้ว่าจะยังคงไม่ได้รับการยอมรับแบบเต็ม 100 % จากกลุ่มคนบางกลุ่ม แต่ผู้คนก็กล้าที่จะออกมาเปิดเผยความเป็นตนเองมากยิ่งขึ้น กับการเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่ซึ่งชื่นชอบในสิ่งที่ตนเองเป็น และหากไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น การเป็น LGBT ก็สมควรได้รับการยอมรับในสังคมโลก สังคมที่ยังมีการ “เหยียดหยาม และดูถูก” กลุ่มคนเหล่านี้ทั้งในโลกความเป็นจริง และในโลกออนไลน์ ที่เต็มไปด้วยการ บูลลี่ ซึ่งนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพียงเพราะเขาเป็นในสิ่งที่เขาเป็น และสิ่งเหล่านั้น ไม่ได้รับการยอมรับ หรือ เป็นที่พอใจสำหรับคนบางกลุ่ม กลุ่มคนที่มองว่า โลกต้องมีเพียง ผู้ชาย และ ผู้หญิง เท่านั้น
พรีเมียร์ ลีก เป็นหนึ่งในองค์กรที่แสดงความชัดเจนในการสนับสนุนเรื่องนี้มาตลอดหลายปี พวกเขาชัดเจนถึงพันธกิจที่ สโมสรฟุตบอล ซึ่งเป็นเหมือนกับ “สังคม” ของคนรักฟุตบอลอยู่ร่วมกัน เพื่อเชียร์ทีมเดียวกัน ไม่จำกัดเพศ หรือว่าอายุ ควรให้การสนับสนุน เพื่อการอยู่ร่วมกัน และได้รับความร่วมมือจากทุกสโมสร รวมถึง สเปอร์ส และ อาร์เซนอล ซึ่งพวกเขาต่างเห็นด้วยในเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก
“แคทเธอรีน” ผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอเลือกเป็นแฟนบอลของ สเปอร์ส เธอเป็นชาวอเมริกัน อยู่ในเมือง ซอล์ท เลค ซิตี้ เธอยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่าเธอเป็น Bisexual และเธอก็ภูมิใจในสิ่งที่เธอเป็น
“ในฐานะของ ผู้หญิงที่ไบเซ็กส์ชวล บางเวลาเราก็ลบตัวตนของเราออกไปบ้าง เพราะบ่อยครั้งที่เรารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ในสถานที่ ที่เราไม่คุ้นเคย ชีวิตของฉันไม่เคยเจอเรื่องที่มันสนุกสนานมากนัก จนกระทั่งได้พบกับ แฟนบอล อาร์เซนอลกลุ่มหนึ่ง”
“สมัยเรียนระดับ ไฮสคูล พี่ชายของฉัน เป็นแฟนบอลของ แอสตัน วิลล่า และติดตามดูพรีเมียร์ ลีก ส่วนฉันก็นั่งดูกับเขาด้วย 2-3 เกม แต่ก็ไม่ได้มีทีมที่เชียร์แบบจริงจัง จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนของพี่ชายฉัน เป็นแฟนบอลตัวยงของสเปอร์ส และเขาก็ชวนให้ฉันมาเชียร์ สเปอร์ส”
“ตอนนั้นสเปอร์ส เป็นทีมที่ดิ้นรนหนีตกชั้น พวกเขาเป็น Underdogs ของจริงเลยล่ะ ฉันเชียร์พวกเขา เพราะเหตุผลแบบนั้น นั่นละจุดเริ่มต้นของการเป็นแฟนบอลทีมนี้”
“ต่อมาฉันย้ายไปที่ ชิคาโก้ เพื่อเรียนต่อ และฉันก็ต้องหาแฟนบอล สเปอร์ส กลุ่มใหม่ ฉันกลายเป็นคนที่ไม่อยากดูฟุตบอลคนเดียวอีกต่อไป ฉันอยากเข้าสังคมแบบที่ฉันเคยอยู่ ที่นั่นมีบาร์ที่ชื่อว่า โกลบ คลับ มันเป็นบาร์ที่เปิดฟุตบอลให้ดู สำหรับฉันที่นี่คือ บาร์ที่ดีที่สุดในโลก และที่นั่นทำให้ฉันรู้จักกับแฟนบอล อาร์เซนอล ที่ชื่อว่า ชิคาโก้ กูนเนอร์ส”
“ทุกครั้งเวลาไปที่นั่น ฉันจะชอบนั่งดื่มเบียร์คนเดียวดู แต่วันนั้นเป็นเกมระหว่าง สเปอร์ส – อาร์เซนอล และวันนั้น ฉัน และกลุ่มแฟนบอล อาร์เซนอล อยู่ในร้านเดียวกัน และ แฮร์รี่ เคน ก็ยิงประตูใส่ทีมของพวกเขา แน่นอนฉันดีใจ ส่วนแฟนบอล อาร์เซนอล แม้ว่าจะผิดหวัง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ไม่พอใจฉัน ที่ใส่เสื้อสเปอร์ส เพียงคนเดียวในร้าน”
“หัวหน้ากลุ่ม ชิคาโก้ กูนเนอร์ส กลับเข้ามาพูดคุยอย่างเป็นมิตร และเข้ามาชวนเข้ามาเป็นเพื่อนดูบอลด้วยกันอีกในอนาคต สำหรับฉันแล้ว มันเป็นอะไรที่ดีใจมาก เรากลายเป็นเพื่อนกัน และพวกเขาไม่คิดว่าการที่ฉันคือ ไบเซ็กส์ชวล มันจะเป็นปัญหาอะไรกับความเป็นเพื่อนกันสักนิด”
“ที่นี่ ฉันมีสังคมของคนรักฟุตบอล เป็นสถานที่ ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกว่า มันดีจังเลยที่มีพื้นที่ของฉันเอง ฉันสามารถบอกใครต่อใครในหมู่แฟนบอลได้ว่า ฉันชื่อ แคทเทอรีน และฉันเป็นแฟนบอลสเปอร์ส เป็น ไบเซ็กส์ชวล ได้แบบเต็มปาก โดยที่ไม่มีใครมอง หรือทำท่าทางรังเกียจฉัน”
“ตอนนี้ฉันรอคอยเหลือเกินให้การระบาดของ ไวรัส โควิด-19 จบสิ้นลงเสียที ฉันคิดถึงบรรยากาศแบบนั้นมากเหลือเกิน”
สเปอร์ส มีกลุ่มแฟนบอล LGBT ที่ชื่อว่า Proud Lilywhites ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2014 ขณะที่ อาร์เซนอล มีการรองรับกลุ่มแฟนบอลที่ชื่อว่า Gay Gooners อย่างเป็นทางการในฐานะแฟนบอลของสโมสร โดนมีการก่อตั้งกลุ่มในปี 2013 และได้รับการระบุว่าเป็น กลุ่มแฟนบอล LGBT ที่มีจำนวนมากที่สุดอีกด้วย อย่างไรก็ตามทั้งสองสโมสร มีภารกิจร่วมกัน ในเรื่องของการสนับสนุนการมีตัวตน และเป็นส่วนหนึ่งของแฟนบอลของแต่ละสโมสรอย่างเต็มที่ บนเป้าหมายนั่นคือการให้สังคม LGBT+ ได้รับการยอมรับมากกว่าเดิมในสังคมโลก
“เราต้องวางรากฐานความคิดให้กับ เยาวชน ให้ความรู้ที่ดีกับพวกเขา ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคม แต่ในเวลาเดียวกัน เราก็ไม่สามารถรอคอยการเติบโตของพวกเขาได้เพียงอย่างเดียว เราต้องเผชิญหน้ากับความเห็นของผู้คนที่สูงวัย และผู้คนที่มีความคิดเห็นที่ต่างกันในเรื่องนี้ด้วย เช่นเดียวกันกับที่ ครอบครัว หรือโรงเรียน ควรเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ชิด ในสิ่งที่พวกเขาเป็น” เอริค ไดเออร์ แนวรับทีมชาติอังกฤษ ของสเปอร์ส กล่าว
“ผมคิดว่ามันเยี่ยมมากเลยล่ะ กับสิ่งที่พวกเขากำลังทำ ผมไม่กลัวเลยที่จะเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาในแนวทางที่ผมสามารถทำได้ และผมภูมิใจมากที่สโมสรที่ผมลงเล่น ได้เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องนี้ มันไม่สำคัญหรอกว่า คุณคือเพศใด แต่พวกเขาจะได้รับการต้อนรับที่ดีในการเป็นส่วนหนึ่งของแฟนบอลสโมสร อาร์เซนอล และเราจะทำให้พวกเขามีความสุข และสามารถเชียร์ฟุตบอลได้อย่างมีความสุข และเป็นตัวของตนเอง” เฮคตอร์ เบลเลริน กองหลังอาร์เซนอล กล่าว
พรีเมียร์ ลีก ยังคงเดินหน้าต่อไปในการสร้างแคมเปญในการสนับสนุนเรื่องนี้ต่อไป เช่นเดียวกับสโมสร และ นักเตะ ในพรีเมียร์ ลีก ต่างช่วยเหลือเพื่อให้ LGBT+ เป็นสังคมที่ได้รับการยอมรับแบบเต็มที่ในสังคมโลกของเรา เพราะเราทุกคนคือ “มนุษย์” ไม่ต่างกันนั่นเอง