เข้าสู่เทศกาลคริสต์มาสกันแล้วนะครับทุกคน ก่อนอื่นเลยก็ขอส่งคำอวยพรไปยังทุกท่านให้มีความสุขในแบบ “New Normal” กันทุกคนนะครับ ปี 2020 กำลังจะผ่านไปเสียที ไม่มีอะไรมากนักให้จดจำ และหวังว่า 2021 มันจะมีอะไรคลี่คลายไปบ้างกับ สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ หวังว่ามนุษย์จะได้เรียนรู้อะไรบ้างจากเหตุการณ์นี้
คริสต์มาสนี้เงียบเหงาที่สุดตั้งแต่ผมจำความได้เลยก็ว่าได้ ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีงานรื่นเริงใด ทุกคนเงียบกันหมด อยู่กับตัวเอง และครอบครัว ดื่มกันเบาๆ เต้นกันเบาๆ และก็ผ่านพ้นอีกวันไปแบบเบาๆ เช่นกัน แต่ก็ขอให้สุขภาพดีกันทุกคนครับ
ช่วงคริสต์มาสนี้ ผมถือโอกาสหยิบหนังสือทั้งหมดที่ซื้อมาตลอดปี มากองรอไว้บนโต๊ะ เพื่อให้เลือกหยิบอ่านได้สะดวก ปีนี้หนังสือมีไม่มากเท่าไร แต่ก็มากพอให้ สัปดาห์ส่งท้ายปี สามารถเป็น หนอนหนังสือ ได้แบบข้ามปี และหนึ่งในนั้นคือ เรื่องราวของ นักเตะ จากสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คนนี้
หากมองย้อนกลับไปสัก 20 ปีที่แล้ว เวลาคิดถึงตำนานสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สักคน หลายคนอาจจะคิดนานหน่อย เพราะช่วงเวลานั้นพวกเขาคือทีมเก่าแก่ที่ผลงานปานกลาง ค่อนไปทางหนีตกชั้นก็หลายปี และบางครั้งพวกเขาเคยร่วงหล่นไปไกลถึง ดิวิชั่นสองก็เคยมาแล้ว ชื่อของ โคลิน เบลล์ กองกลางทีมชาติอังกฤษ, ไมก้าห์ ริชาร์ด กองหลังเด็กปั้นที่พวกเขาภาคภูมิใจ หรือ ฌอน โกเตอร์ หัวหอกทีมชาติเบอร์มิวด้า อาจเป็นชื่อที่จัดว่าขึ้นหิ้ง ของแฟนบอล เรือใบสีฟ้า
อย่างไรก็ตามในยุค “เรือใบทองคำ” สโมสรในยุครุ่งเรือง พวกเขามี นักเตะ ที่กลายเป็นตำนานของสโมสร ที่นอกจากจะโกยความสำเร็จมากมายแล้ว ยังอยู่กับสโมสรมาอย่างยาวนาน แน่นอนหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ “ดาบิด ซิลบา” รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน
กองกลางทีมชาติสเปน เพิ่งย้ายกลับไปเล่นในสเปนอีกครั้ง หลังออกผจญภัยในอังกฤษมายาวนานถึง 10 ปีด้วยกัน และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เขาได้แชมป์ พรีเมียร์ ลีก 4 สมัย / เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ ลีก คัพ อีก 5 สมัย ตลอด 10 ปี เรียกว่าได้แชมป์มากมาย ยังไม่รวมถึงการเป็นทั้งแชมป์โลก และแชมป์ยุโรป กับทีมชาติสเปน อีกต่างหาก
อย่างไรก็ตามเรื่องที่เราจะมาบอกเล่าในวันนี้ ไม่ใช่ความเก่งกาจของเขา แต่เป็นเรื่องของหมายเลขเสื้อของเขา
ดาบิด ซิลบา สวมเสื้อหมายเลข 21 มาตั้งแต่ลงเล่นกับสโมสร บาเลนเซีย, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติสเปน มาจนถึงวันนี้ที่เขาย้ายไปเล่นกับ เรอัล โซเซียดาด เขาก็เลือกหมายเลข 21 บนหลังเสื้อของตนเองเช่นเดิม
“ตอนบาเลนเซีย ส่งผมไปเล่นกับ เออิบาร์ แบบยืมตัว ผมเลือกเสื้อหมายเลข 21 ไม่สิต้องบอกว่า พวกเขาเลือกให้ผม เพราะ เวลานั้น เออิบาร์ เหลือหมายเลขนี้ว่างเพียงเบอร์เดียว ปีต่อมาผมย้ายแบบยืมตัวอีกครั้งกับ เซลต้า บีโก้ ผมอยากได้หมายเลข 21 อีกแต่มันไม่ว่างแล้ว ปีนั้นผมจึงเลือกหมายเลข 16 แทน และพอกลับมาอยู่กับ บาเลนเซีย อีกครั้งในปี 2006 และคราวนี้มันเหลือหมายเลข 19 และ 21 อยู่ในทีมบาเลนเซีย”
“แน่นอน ผมอยากได้เสื้อหมายเลข 21 มากกว่า 19 เพราะหมายเลข 21 เป็นของ ปาโบล ไอมาร์ มาก่อน เขาเป็นกองกลางเหมือนผม ผมคิดว่าสไตล์การเล่นผมคล้ายกับเขามาก ผมจึงอยากได้เสื้อหมายเลขนี้ แต่งานนี้มันมีการทริคกันนิดหน่อย ผ่านความช่วยเหลือของ คูร์โร่ ตอร์เรส เพื่อนร่วมทีมอีกคน”
“เวลานั้นมีผม กับ ไฆเม่ กาบิลัน เป็นสองนักเตะใหม่ และเราต้องเลือกหมายเลขเสื้อ ผ่านการจับสลาก ซึ่ง ตอร์เรส เป็นคนทำสลากกำหมายเลขเสื้อไว้ในมือคนละข้าง แน่นอนผมได้หมายเลข 21 และผมก็ได้มันมาครอง โดยที่ กาบิลัน ก็ไม่รู้เรื่องจนกระทั่งวันนี้ หากเขาได้อ่านก็หวังว่าเขาจะเข้าใจ”
นอกจากนี้หมายเลข 21 ยังมีความหมายอย่างยิ่งกับเขา เพราะเป็นหมายเลขเสื้อเดียวกับ หนึ่งในสอง ไอดอล ในวัยเด็กของเขาเลือกสวมใส่ลงสนาม
ดาบิด ซิลบา เกิดในเมืองแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า อาร์กินเนกิน (Arguineguin) เป็นหมู่บ้านของชาวประมง และชีวิตในวัยเด็กของเขา เต็มไปด้วยการ วิ่งเล่นบนชายหาด, จับปลา, ว่ายน้ำ และเล่นฟุตบอล
พ่อของเขา “เฟร์นานโด” มีอาชีพเป็นตำรวจ และในเวลาเดียวกันก็เป็น นักเตะสมัครเล่นด้วย และพ่อของเขา รู้จักกับ นักเตะ คนหนึ่งที่เกิด และเติบโตในเมืองนี้ ก่อนที่ต่อมากลายเป็นสุดยอด นักเตะ ทีมชาติสเปน เขาคนนั้นคือ “ฆวน คาร์ลอส บาเลรอน” ซึ่งต่อมาลงเล่นกับ ลาส ปัลมาส และกลายเป็นตำนานของ “ซูเปอร์เดปอร์” เดร์ปอติโบ ลา คอรุนญ่า ในเวลาต่อมา
“พ่อของผมเคยลงเล่นฟุตบอลกับพี่น้อง บาเลรอน (ฆวน คาร์ลอส และ มิเกล อังเคล) และเขากลายเป็น แรงบันดาลใจ ให้กับผมอย่างมาก ตอนนั้นผมลงเล่นเป็นผู้รักษาประตูมาก่อน แต่แล้ว ผมก็รู้ว่า ผมไม่ได้มีความสามารถในด้านการป้องกันประตู ผมเลยเปลี่ยนใจมาเล่นตำแหน่งอื่น และการได้เห็น บาเลรอน ลงเล่น มันทำให้ผมประทับใจมาก แน่นอนหมายเลข 21 ก็เป็นหมายเลขเสื้อเดียวกับที่ บาเลรอน ใส่ลงเล่นกับ ลา คอรุนญ่า เช่นกัน มันทำให้ผมปลื้มมาก”
“นักเตะอีกคนที่ผมชอบมากคือ ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป ผมเติบโตมากกับการดู ลา ลีกา ทางโทรทัศน์ ได้เห็นเขาลงเล่นกับ บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด ผมเติบโตมาพร้อมกับช่วงเวลานั้นของเขา และเขาทำให้ผมสนใจอยากเล่นกองกลาง ดังนั้นผมจึงบอกเสมอว่า ทั้ง บาเลรอน และ เลาดรู๊ป คือ ฮีโร่ของผมในวัยเด็กทั้งสองคน ผมพอจะพูดได้ว่า ผมศึกษาการเล่นของพวกเขาทั้งสองคน และนำมาปรับใช้กับการเล่นของตัวเอง พวกเขาคือ แรงบันดาลใจของผม”