นักกีฬาทุกคน ย่อมมีปัญหาในเรื่องของฟอร์มการเล่นกันทุกคน ไม่ว่าจะเพราะอาการบาดเจ็บ, สภาพจิตใจ หรือว่าความมุ่งมั่นในใจของแต่ละคน ขึ้นกับว่าใครจะรักษามาตรฐานความสม่ำเสมอ (Consistency) ที่ดีในแง่ของผลงานได้ดีกว่ากัน และคำ ๆ นี้ เราพูดถึงกันบ่อยมากในวงการฟุตบอล
ไม่มีใครลงสนามแล้วฟอร์มจะเทพได้ทุกเกม แต่ในภาพรวมแล้วใครที่รักษามาตรฐานได้ยอดเยี่ยมมากกว่ากันนั่นคือ “จุดชี้วัด” ถึงคุณภาพของผู้เล่น บนปัจจัยทั้งในเรื่องของ มาตรฐานลีก คู่แข่งที่เจอ ฯลฯ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไม ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถึงได้ชื่อว่ามียุคสมัยของตนเอง เฉกเช่นเดียวกับ ดิเอโก้ มาราโดน่า หรือว่า เปเล่ ในยุคก่อน หรือทำไม โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ เออร์ลิง เบร้าส์ ฮาแลนด์ ถึงได้ชื่อว่า เครื่องจักรถล่มประตู เพราะผลงานของพวกเขากับกำแพงมาตรฐานผลงานที่ตนเองทำเอาไว้ ณ เวลานี้พวกเขาผลงานไม่ตกลงจากเดิมแบบชัดเจน
นักเตะ “จำนวนมาก” รักษามาตรฐานได้แค่ไม่กี่ปี บางคนมาปีเดียวเหมือนกับ “พลุไฟ” ที่สว่างข้ามคืน ดังในข้ามคืน และดับในข้ามวัน และอีกพักหนึ่งก็กลับมาสว่างอีกครั้ง
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (32 ปี สัญญาถึงกลางปี 2023) และ อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ (30 ปี สัญญาถึงกลางปี 2022) คือสองนักเตะในแบบที่ว่า ก่อนอื่นเราไปดูกันที่สถิติในปีทีผ่านมากันก่อนสำหรับทั้งสองคนนี้
ในฤดูกาลนี้ โอบาเมยอง ลงเล่นไปแล้ว 8 เกม (596 นาที) ทำไป 6 ประตู อาจจะดูสวยงามในเรื่องของสถิติ แต่ครึ่งหนึ่งในประตูที่ทำได้มาจาก แฮตทริก ในเกมถล่ม เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
ส่วน ลากาแซตต์ 5 เกม (185 นาที) 3 ประตู อย่างไรก็ตามหากมองกันที่เรื่องการลงสนาม โอบาลงสนามตัวจริงถึง 7 เกม ส่วน ลากาแซตต์ ลงเล่นตัวจริงในเกมเดียว ในเกม คาราบาว คัพ เท่านั้นที่เหลือสำรองทั้งหมด
เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา…
ดาวยิงกาบอง วัย 32 ปี ต่อสัญญากับ อาร์เซนอล ในช่วงเดือนสิงหาคม 2020 หลังจากผลงานตลอด 2 ฤดูกาลครึ่งของเขาโดดเด่นอย่างยิ่ง แต่แล้วผ่านช่วงสัญญาใหม่มา 1 ปีครึ่ง ผลงานของเขากลับตกลงอย่างน่าตกใจ จำนวนสกอร์ อาจจะดูไม่ตกหล่นลงไปมากนัก แต่ในแง่ของประสิทธิภาพในสนาม โอบาเมยอง ต่างจากสองปีแรกแบบชัดเจน บางเกมเขาแทบไม่มีส่วนกับเกมเลยตลอด 90 นาที เช่นเดียวกับจังหวะจบสกอร์ที่น้อยถึงน้อยมากในแต่ละเกม นับเฉพาะ “ในลีก” ปีนี้เล่นมา 7 เกม เขาเพิ่งหาโอกาสยิงได้ 15 ครั้ง เข้ากรอบ 6 เป็น 3 ประตู แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือการผ่านบอลรวม 7 เกม เขาผ่านบอลไปเพียง 96 ครั้งเท่านั้น เฉลี่ย 13.7 ครั้งต่อเกม ถือว่าน้อยมากสำหรับแนวรุกตัวหลักของทีม นั่นหมายถึงอะไร หมายถึงเขาแทบไม่ได้บอลเลย หรือได้บอลแล้วเขาแทบไม่ได้ผ่านบอลเลยในแต่ละเกม
สำหรับ ลากาแซตต์ ลงเล่นเป็นสำรองสามเกมในลีก รวมแล้วประมาณ 72 นาที มี 1 ประตูในเกมล่าสุด พร้อมโอกาสยิง 3 ครั้ง เข้ากรอบ 2 เป็น 1 ประตู การผ่านบอลมีทั้งหมด 23 ครั้ง ในสามเกมที่ลงสนามมา
โอบาเมยอง : ความรักไม่เปลี่ยนแปลง แต่ความมุ่งมั่นคือคำถาม
ปีที่แล้ว โอบาเมยอง นับจากต่อสัญญามีปัญหาใหญ่ ๆ เกิดขึ้นกับเขาสองเรื่อง 1. ปัญหาเกี่ยวกับครอบครัว ที่คุณแม่ของเขาป่วยในช่วงของ โควิด-19 และทำให้เขาหายจากทีมไปช่วงหนึ่ง 2. อาการป่วยด้วยโรคมาลาเรีย เป็นสองเหตุหลักที่พอจะบอกได้ว่าส่งผลต่อฟอร์มของเขาแบบมีเหตุผลรองรับ นอกนั้นคือเรื่องของ “จิตใจ” และ “ความเชื่อมั่น” ล้วน ๆ การได้ค่าเหนื่อยมหาศาลมีผลหรือไม่ คงไม่สามารถไปกล่าวหาเขาได้ แต่เมื่อผลงานไม่เหมือนเดิม เรื่องนี้ “หนีไม่พ้น” ที่จะโดนหยิบยกขึ้นมา การได้รับข้อเสนอสูงลิบในระดับสโมสรชั้นนำ ก็เปรียบเหมือนความสำเร็จแบบหนึ่งของการทำงาน บางครั้งคุณอาจหลงระเริง หรือพอใจกับมัน จนทำให้เกิดความรู้สึก “ไม่ขวนขวาย” กับอะไรอีก ยกตัวอย่างง่าย ๆ เหมือนพนักงานเงินเดือน 15,000 บาท ต่อมาได้เงินเพิ่มเป็น 20,000 บาท คำถามคือ เราจะยังทำผลงานให้ดีขึ้น เพื่อไปต่อ หรือว่าทำผลงานเท่าเดิม ตรงนี้ขึ้นกับ “ทัศนคติ” ของแต่ละบุคคล ยังไม่รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในใจของ “คนทำงาน”มากมาย ทั้งเรื่องส่วนตัว ความคาดหวัง ฯลฯ ที่ต้องรับมือ นักฟุตบอลก็เป็นคนหนึ่งคนที่ต้องรับมือกับเรื่องพวกนี้
“โอบา” อายุ 32 แล้ว ว่ากันตามอายุงานไม่เกิน 4 ปี เราอาจได้ยินว่าเขาประกาศเลิกเล่น หรือไปเล่นในลีกอย่างตะวันออกกลาง หรือใน เมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ แล้ว ความมุ่งหมายเดียวในวงการฟุตบอลของเขาคืออะไร นำอาร์เซนอลประสบความสำเร็จอีกสักเฮือก ในสัญญาที่เหลืออีก 1 ปีครึ่ง จะอย่างไรต่อไป เพราะมองการทำงานของเขา ณ เวลานี้ สัญญาใหม่คงไม่ต้องพูดถึง หรือต่อให้มีค่าตอบแทนก็ไม่เท่าเดิมแล้ว
นักเตะอาร์เซนอลแต่ละคนมีฟอร์มที่ไม่ดีทุกเกม แต่แฟนบอลไม่เคยคิดเลยว่า “ไม่เต็มที่” นักเตะอย่าง มาติเยอ ฟลามินี่, ซานติ กาซอร์ล่า หรือว่า โธมัส โรซิคกี้ ไปจนถึง ลากาแซตต์ ไม่เคยมีคำถามนี้ในใจ เหมือนที่หลายคนคิดกับ โอบาเมยอง หรืออย่าง นักเตะ 72 ล้านปอนด์อย่าง นิโกล่าส์ เปเป้
ไม่มีใครสงสัยในความรักที่เขามีต่อ อาร์เซนอล และผลงานของเขาที่ทำมาโดยตลอดเพื่อทีม ไม่รวมถึงการปัดโอกาสในการย้ายไปทีมอื่นในช่วงที่ผลงานยอดเยี่ยม แต่ในความมุ่งมั่นของเขาเวลานี้คือคำถาม และมันมีเพียงผลงานเท่านั้นจะบอกได้
ลากาแซตต์ : ปัญหาอยู่ที่ “สัญญา”
ลากาแซตต์ ย้ายมา อาร์เซนอล ก่อน โอบาเมยอง เพียง 5 เดือน แต่เขาจะหมดสัญญาที่เซ็นกันไว้ 5 ปี ในเดือนมิถุนายน 2022 ตามข้อมูลที่ออกมาจากสื่ออังกฤษ “ลากา” ยังไม่มีการคุยเรื่องข้อเสนอใหม่เลยจาก อาร์เซนอล และกำลังจะไม่มีค่าตัวใน มกราคม 2022 นี้ แน่นอนที่ผ่านมาเขาก็มีช่วงฟอร์มตกไปพักใหญ่มาก่อนเช่นกัน แต่ที่ต่างจาก โอบาเมยอง คือเรื่องของอายุสัญญา
ตามแผนงาน อาร์เซนอล ฤดูกาลนี้ ต้องการที่จะลดอายุนักเตะให้น้อยลง ซื้อนักเตะอายุน้อยเข้ามาสู่ทีม ซึ่งปีนี้ 6 คน ที่ซื้อเข้ามาไม่มีใครอายุมากกว่า 24 ปีเลยแม้แต่คนเดียว ตอนนี้ถ้าไม่นับโอบาเมยอง ที่เป็นกัปตันทีม กรานิท ชาก้า (29) และ โธมัส ปาเตย์ (28) คือสองคนที่เป็นตัวหลัก และอายุมากที่สุด ที่เหลือสำรองหมด ลากาแซตต์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น และอยู่ในแผนปล่อยตัวตั้งแต่ตลาดรอบเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเพื่อหากองหน้าคนใหม่เข้ามา แต่สุดท้ายแล้ว “ปล่อยไม่ออก” ก็ใช้งานกันต่อไป รวมถึง เอ็ดดี้ เอนเคเธีย ซึ่งทั้งสองคน มกราคมนี้ ก็รอลุ้นข่าวการได้ข้อเสนอจากสโมสรอื่นได้เลย
และหากมองให้ลึกกว่านั้น ชาก้า ตอนแรกอาร์เซนอลก็พร้อมขาย แต่ในเมื่อ อาแอส โรม่า ให้ราคาต่ำเกินกว่าจะรับได้ การเลือกเสนอสัญญาเพิ่มอีก 2 ปี ก็เป็นทางเลือกที่ดี อย่างน้อยก็ดีกว่า ปล่อยฟรีไม่มีค่าตัว และ ชาก้า ก็อายุยังไม่มากเกินไป รวมถึงเป็นตัวหลักของทีมมาตลอด ขณะที่ ปาเตย์ คือคนที่ อาร์เตต้า เลือกมาโดยตรง ยังไงเมื่อมีเกมสำคัญ ถ้าไม่เจ็บ ไม่แบน ปาเตย์ อยุ่ใน 11 คนแรกของทีมเสมอ
มองจากมุมของแฟนบอลคนหนึ่ง ลากาแซตต์ มีสไตล์การเล่นที่เข้ากับ นักเตะ ดาวรุ่งของทีมได้ดี ไม่ต้องมองไกล เกมล่าสุดที่ลงสนามมา ลากาแซตต์ เกิดผลกระทบเชิงบวกกับทีมมากกว่า โอบาเมยอง และ เปเป้ ไม่ได้มองแค่ในแง่ของการยิงประตู หรือแอตซิสต์ แต่กำลังพูดถึงการทำให้เกิดการไหลลื่นของเกม ที่ทำให้ทีมได้โอกาสมากขึ้น จนสุดท้ายก็เป็นตัว ลากาแซตต์ เองที่ยิงประตูได้
“ผมหงุดหงิด และมันเป็นทุกครั้งที่ต้องเป็นตัวสำรอง เราต่างต้องการลงสนาม และนำบางอย่างมาสู่ทีม นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามทำตลอดมา มันเป็นสิ่งที่ผมต้องอดทน เป็นครั้งแรกที่ผมอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ผมทำได้แค่รอคอยเวลาของผม ผมทำงานทุกวันเพื่อเวลาแบบนี้ เวลาที่ลงไปช่วยทีมได้ และวันนี้ผมยิงได้ ผมมีความสุขกับมัน”
แต่ในเมื่อสัญญากำลังจะหมด และเราไม่มีข้อมูลแน่ชัดที่บอกได้ว่า สโมสร “ยื่นข้อเสนอหรือไม่” หรือว่า “ลากาแซตต์ได้สัญญาใหม่ แต่ไม่อยากต่อสัญญาหรือเปล่า” สิ่งที่ทำได้คือ มองข้อเท็จจริงที่ว่า ลากาแซตต์ ไม่ได้เป็นตัวเลือกในตัวจริง เพราะสัญญาที่กำลังจะหมดลง มันก็เป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผล นักเตะสัญญาจะหมด ทีมก็ไม่สามารถมองเป็นทางเลือกในระยะยาวได้ เช่นเดียวกับที่เวลานี้ คาลัม แชมเบอร์ส หายจากทีมไปแล้ว เมื่อการเข้ามาของ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ มาถึง รวมถึง โมฮัมเหม็ด เอลเนนี่ ที่นับถอยหลังรอวันย้ายออกแล้วเช่นกัน ในฐานะของคนสัญญาหมดเวลาเดียวกัน
มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของ โอบา – ลากา แล้ว ทั้งสองคนมีปัญหาที่แตกต่างกัน และ อาร์เซนอล วางเส้นทางของพวกเขาต่อจากนี้ ไม่เหมือนกัน โอบาเมยอง อาร์เซนอล ต่อสัญญาใหม่ เพราะฟอร์มที่สุดยอด และหวังจะเป็นหลักให้กับแนวรุก แต่ผลที่ออกมา ณ เวลานี้ ห่างไกลมากกับสิ่งที่หวัง ในขณะที่ ลากาแซตต์ ทีมพยายามผลักดันออกเพื่อนำนักเตะกองหน้าตามแผนงานเข้ามาเป็น “อนาคต” ต่อไปของทีม แต่ก็ผิดแผนการซื้อขายเช่นกัน ไอ้ครั้นจะใช้งานเป็นหลักต่อไป ก็รู้อยู่แก่ใจว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะต้องจากกันแล้ว แม้จะผลงานดูดีกว่า โอบาเมยอง ก็ตาม
คนหนึ่ง “ความมั่นใจหดหาย แต่สัญญาเหลือ” คนหนึ่ง “ความมั่นใจมี แต่สัญญากำลังหมด”
อาร์เตต้า ควรกลับไปคิดใหม่ให้มากกับเรื่องนี้ หากยังมองไปถึงเป้าหมายใหญ่ของฤดูกาลกับการกลับไปเล่นฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง ว่าแท้จริงแล้ว ปัญหาที่อาร์เซนอลเจอในการสร้างเกมรุกเข้าทำประตู มันไม่ไหลลื่น ไม่ทรงพลัง มันเกิดจากระบบของตัวเอง หรือตัวบุคลากรที่เลือกใช้งานมันมีปัญหา หรือทั้งสองอย่าง
การวางแผนงาน และยึดตามแผนงานเป็นเรื่องที่ดี แต่ “ความยืดหยุ่น” ในการทำงานตามแผนงานก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน…ส่วน อนาคตของ “โอบา-ลากา” แฟนอาร์เซนอล อาจจะได้เห็นพวกเขาอยู่ในทีมเดียวกันอีกไม่นานนัก และมันอาจเป็นเดือน มกราคม ที่จะถึงนี้ก็เป็นได้