สำหรับสโมสรฟุตบอลในยุคปัจจุบัน เรื่องของการซื้อขายสโมสร กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ใช่เรื่องนานทีปีหน เราจะได้เห็นสักครั้งแบบในช่วงกลางทศวรรษที่ 90 สโมสรฟุตบอลในประเทศอังกฤษ แถวหน้าของวงการฟุตบอล แทบทั้งหมด ผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่ใช่ชาวอังกฤษอีกต่อไป
เมื่อ “ฟุตบอล” คือ “ธุรกิจ” เมื่อเป็นเช่นนั้น ขอเพียงคุณมีเงิน มีโอกาส คุณก็สามารถเข้ามาเป็นส่วนใหญ่ หรือส่วนน้อยในการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลได้ และนี่คือเรื่องราวของ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ “เดอะ คลาเรตส์” เบิร์นลีย์
เบิร์นลีย์ ขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ ลีกเป็นครั้งที่สอง หลังจากเคยตกชั้นมาแล้วครั้งหนึ่งในฤดูกาล 2013-2014 ก่อนใช้เวลาเพียงหนึ่งปี กลับมาสู่ลีกสูงสูด โดย ปัจจุบันพวกเขานับว่าอยู่ในสถานภาพที่ค่อนข้างมั่นคงในเรื่องของทีมกับฤดูกาลที่ 7 ติดต่อกันบนเวที พรีเมียร์ ลีก ภายใต้การคุมทีมของ ฌอน ไดซ์ ซึ่งเข้ามารับงานตั้งแต่ปี 2012 และเป็นผู้จัดการทีมที่พาทีมเลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงสุดทั้งสองครั้งอีกด้วย
สโมสรที่กำลังเข้าสู่ที่ปี 139 ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ปี 2020 เบิร์นลีย์ ได้มีการเปลี่ยนเจ้าของสโมสรอีกครั้ง หลังจากที่ ไมค์ การ์ลิค เจ้าของสโมสรที่ถือครองมานาน ได้ทำการขายหุ้นของเขาให้กับ อลัน เพส นักธุรกิจชาวอเมริกัน ที่มาพร้อมกับบริษัท ที่ชื่อว่า เอแอลเค แคปิตอล (ALK Capital) ซึ่งเป็นบริษัทที่ซึ่งลงทุนในวงการกีฬา และสื่อมวลชน พร้อมกับซื้อหุ้นของสโมสร เบิร์นลีย์ จำนวน 84 % กลายเป็นผู้ถือครองสโมสรแบบเบ็ดเสร็จ
ในวันที่ 31 ธันวาคม 2020 เบิร์นลีย์ เอฟซี อำลาปีเก่า ด้วยการมีเจ้าของสโมสรใหม่ โดยเพส จะเข้ามารับหน้าที่เป็นประธานสโมสร ส่วน การ์ลิค แม้จะขายหุ้นไปแล้ว แต่เขาจะอยู่ในสโมสรต่อไป ในฐานะของ ผู้อำนวยการสโมสร เคียงข้างกับ จอห์น บานาสคีวิช
เพส เริ่มต้นการเป็นเจ้าของใหม่ของเขาด้วยการทำแบบสอบถามไปยังแฟนบอล ถึงความคาดหวัง และมุมมองที่แฟนบอล มีต่อสโมสร โดยมีการทำทั้งหมด 3 รอบด้วยกัน ก่อนที่ยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมด จะถูกนำมากลั่นกรอง เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานที่สโมสรจะเดินหน้าต่อไปในอนาคต และสุดท้ายมันก็ออกมาเป็นแผนงานในที่สุด และแผนงานบางอย่างเริ่มต้นขึ้นแล้ว
อลัน เพส มีความชื่นชอบในวงการฟุตบอลมาตั้งแต่ปี 1992 สมัยที่เขายังคงนักศึกษาระดับปริญญาโท และเดินทางไปศึกษาต่อในกรุงบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน และเขาได้ชมเกม “เอล กลาซิโก้” ซึ่ง บาร์เซโลน่า ชนะ เรอัล มาดริด ในสนาม คัมป์ นู จากประตูของ ฮริสโต้ สตอยคอฟ กองหน้าของบาร์ซ่า และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงรักฟุตบอล และเก็บความรู้สึกในการอยากเป็นส่วนหนึ่งของวงการนี้มาโดยตลอด
หลังจากเรียนจบ และทำงานในบริษัทเกี่ยวกับการเงินตามสายงานที่เขาร่ำเรียนมา ความฝันในการทำงานด้านฟุตบอลอยู่ในหัวใจ จนกระทั่งในปี 2006 เขาได้รู้จักกับ เดฟ เชคเกตต์ ซึ่งเคยเป็นประธานสโมสรชั่วคราวของสโมสร รีล ซอลต์ เลก สโมสรฟุตบอลใน เมเจอร์ ลีก สหรัฐอเมริกา และเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของ บอร์ดบริหารสโมสร เบิร์นลีย์ นั่นทำให้ ความฝันของเขา เป็นจริง เมื่อได้ร่วมงานกับ เชคเกตต์ ในเวลาต่อมา โดยที่ เพส มีการเปิดบริษัทที่ชื่อว่า ALK Capital ในปี 2008 เอาไว้ด้วย โดยชื่อนี้มี การคาดเดาว่ามาจากตัวอักษรแรกในชื่อลูกสาวทั้งสามคนของเขา
ในช่วงเวลานั้นเอง เพส ทำงานร่วมกับ เชคเกตต์ ในบริษัทที่ชื่อว่า เอสซีพี เวิล์ดไวด์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอล หรือว่าลีก โดยเขามีหน้าที่ในเรื่องของการดูแลเกี่ยวกับทรัพย์สินของแต่ละสโมสร รวมถึงให้คำแนะนำในเรื่องของ การลงทุน ซึ่งรวมถึงกีฬาประเภทอื่น ๆ และธุรกิจบันเทิง มองถึงโอกาส และความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง เพส ก็ได้เจอกับ เควิน แมคคาบี้ ซึ่งเป็นอดีตประธานสโมสร เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่มาปรึกษาเขาเกี่ยวกับเรื่องของ เมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ เพื่อการลงทุน ในอนาคตของเขา
การสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสองคน คนหนึ่งนำเสนอเรื่องเกี่ยวกับ แนวโน้ม และความเป็นไปได้เกี่ยวกับการเติบโต และรูปแบบธุรกิจใน เมเจอร์ ลีก อีกฝ่ายนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ สโมสรฟุตบอลอังกฤษ ในฐานะของ “ยักษ์หลับ” ของวงการฟุตบอลที่เวลานั้นลงเล่นในระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ทั้งสองต่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และความรู้กันอีกฝ่าย โดยเพสก็ได้ความรู้ ความเข้าใจ และปัญหาที่เกิดขึ้นของฟุตบอลอังกฤษ และเขาสนใจจะเข้ามามีส่วนร่วมกับมัน
พวกเขามีข้อตกลงร่วมกันในเรื่องของการที่ ALK Capital จะเข้ามาซื้อหุ้นของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ต่อจาก แมคคาบี้ โดย แมคคาบี้ นั้นมีหุ้น 50 % ของสโมสร อย่างไรก็ตาม ดีลนี้ไม่เกิดขึ้น เมื่อ แมคคาบี้ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่งของสโมสรมีปัญหากับ เจ้าชาย อับดุลลาห์ แห่งราชวงศ์ ซาอุดิอาระเบีย ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกัน เกี่ยวกับเรื่องของการซื้อขายหุ้นสโมสร ที่สุดท้ายแล้วต้องจบด้วยการขึ้นศาล ก่อนที่จะจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าชายจากดินแดนอาหรับ และทำให้ดีลของ แมคคาบี้ และ เพส ล่มลงโดยปริยาย ในขณะที่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด สมหวังในสิ่งที่พวกเขารอคอย กับการก้าวขึ้นมาเล่นในระดับ พรีเมียร์ ลีก ได้อีกครั้ง ในฤดูกาล 2019 – 2020 ที่ผ่านมา
ทุกอย่างล่มลงแล้ว แต่สำหรับความฝันของ เพส ในการเป็นเจ้าของสโมสร ฟุตบอลยังคงมีอยู่ต่อไป เขามีการนัดพูดคุยกับ เจ้าของสโมสรฟุตบอลในอังกฤษ ทั้งในระดับบ พรีเมียร์ ลีก รวมถึง เดอะ แชมเปี้ยนชิพ หลายราย เพื่อมองถึงความเป็นไปได้ในสิ่งที่เขาต้องการ และนั่นทำให้เขาได้พบกับสโมสรฟุตบอล เบิร์นลีย์ ในเวลาต่อมา สโมสรที่ตั้งอยู่ในดินแดนที่ครั้งหนึ่ง พ่อของเขาเอง เคยมาใช้ชีวิตวัยหนุ่มนานถึง 2 ปีด้วยกัน
โปรดติดตามตอนต่อไป