หากเราจะกล่าวถึง เรื่องราวของ “เทพนิยาย” แล้ว หลายคนคงคิดถึงเรื่องราวของ นิทานก่อนนอน ที่หลายคนเคยได้ฟัง ได้อ่านกัน มาตั้งแต่วัยเยาว์ กันแน่นอน หลายเรื่องมาจาก ฮันส์-คริสเตียน แอนเดอร์สัน นักเขียน นักแต่ง และนักเล่านิทาน ที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลก ชาวเดนมาร์ก และนั่นทำให้ ประเทศ เดนมาร์ก นอกจากเป็นดินแดน แห่งโคนม ชื่อดังแล้ว เรื่องราวของ “เทพนิยาย” จึงเป็นหนึ่งใน เรื่องราว ที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก และเมื่อ “ฟุตบอล” ของพวกเขา สร้างประวัติศาสตร์ไปทั่วโลก คงไม่มีชื่ออะไร จะเหมาะสมไปกว่าคำนี้
“เทพนิยายเดนส์” (Denmark’s Fairytale) เทพนิยาย ที่มันเกิดขึ้นในปี 1992
เดนมาร์ก ในช่วงทศวรรษที่ 90 หลังจากความสำเร็จในสไตล์การเล่นที่เร้าใจ พวกเขาอยู่ใน ช่วงขาลงอยู่ระยะหนึ่ง หลังการออกจากทีมของ เซปป์ ปิออนเท็ค ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ในปี 1990
ริชาร์ด โมลเลอร์ นีลเซ่น อดีต นักเตะ และผู้จัดการทีมของหลายสโมสรในเดนมาร์ก เข้ามารับงานในสมาคมฟุตบอล เดนมาร์ก ตั้งแต่ปี 1978 โดยเริ่มงาน ในฐานะโค้ชเยาวชนทีมชาติ ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็น ผู้ช่วยของ ปิออนเท็ค ในปี 1987 เป็นต้นมา
การลาออกของ ปิออนเท็ค ทำให้เขาเป็น เต็งหนึ่ง ในการขึ้นมาแทนที่ในฐานะ ผู้จัดการทีมคนใหม่ อย่างไรก็ตาม เขาต้องผิดหวัง เมื่อ สมาคมฟุตบอล มองว่า โค้ชต่างชาติ เหมาะสม และน่าจะทำงานได้ดีกว่าเขา แต่แล้ว ดวงคน มันจะได้รับงานนี้ ฮอร์ส โวลเลอร์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ซึ่งสมาคมฯ วางตัวไว้มารับงาน กลับไม่สามารถรับงานนี้ได้ เนื่องจาก ไม่สามารถ ยกเลิกสัญญา กับ ไบเออร์ อัวร์ดิงเก้น ต้นสังกัดได้ และนั่นทำให้ สมาคมฟุตบอล ต้องหาทางเลือกอื่น ซึ่งจนแล้วจนรอด ก็ไม่มีใครรับงานนี้ และ ชื่อของ ริชาร์ด โมลเลอร์ นีลเซ่น ก็กลายเป็น ผู้จัดการทีมคนใหม่ของทีมชาติ เดนมาร์ก อย่างเป็นทางการ เป้าหมายคือการพาทีมลงเล่นใน ยูโร 1992 รอบสุดท้าย ที่ประเทศสวีเดน
เรื่องราวของการเป็น “เทพนิยาย” มันเริ่มต้นจากตรงนี้
ในช่วงแรกของการทำทีม ริชาร์ด โมลเลอร์ นีลเซ่น มีปัญหาในเรื่องของการ “ซื้อใจ” นักเตะ หลายคน หนึ่งในนั้น คือ ไมเคิ่ล และ ไบรอัน เลาดรู๊ป สองดาวเตะสำคัญของทีม พวกเขามองว่า ฟุตบอล ของ ริชาร์ด โมลเลอร์ นีลเซ่น เป็นฟุตบอลที่น่าเบื่อ และท้ายที่สุดจบลงด้วยการ อำลาทีมชาติ หาก นีลเซ่น ยังคงทำทีมชาติ
และสุดท้าย เดนมาร์ก ผลงานไม่ดีเลยในรอบคัดเลือกจนท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาตกรอบคัดเลือก ยูโร 1992
การตกรอบที่ ทีมผลงานก็ไม่ดี แถมมีปัญหากับ สตาร์ดังของทีม อนาคตของ ริชาร์ด โมลเลอร์ นีลเซ่น ไม่แคล้ว นับถอยหลังการโดนปลดออก แต่ ก่อนที่ ยูโร 1992 จะเริ่มต้นขึ้น ยูโกสลาเวีย มีปัญหาสงครามภายในประเทศ และทำให้พวกเขาโดนตัดสิทธิ์ในการแข่งขันรอบสุดท้าย เดนมาร์ก ที่เป็นรองแชมป์กลุ่ม จึง ได้รับสิทธิ์ลงเล่นแทน โดยพวกเขาทราบว่า จะได้แข่งรอบสุดท้าย เพียง 11 วัน ก่อนเปิดทัวร์นาเมนต์ เท่านั้น
นีลเซ่น คัดเลือก และ เรียกตัว นักเตะ กลับมาจากการพักร้อน หลายคน ปิดสวิตซ์การเล่นฟุตบอลไปกับ ชายหาด และทะเลไปแล้ว แต่พวกเขาก็ต้องกลับมาลงเล่นอีกครั้ง รวมถึง ไบรอัน เลาดรู๊ป ที่ นีลเซ่น กล่อมให้กลับมาร่วมทีมได้อีกครั้ง
เดนมาร์ก ร่วมกลุ่มกับ อังกฤษ, ฝรั่งเศส และ สวีเดน เจ้าภาพ ว่ากันตามจริง ดูทรงแล้ว เดนมาร์ก ไม่ได้เหนือกว่าเลยสักทีม และถูกระบุว่า จะกลับบ้านเพียงแค่รอบแรกเท่านั้น เตรียมทีมน้อยกว่าทีมอื่น ผลงานก็ไม่ดี โค้ชก็ไม่ดี เรียกว่า เดนมาร์ก คือ เต็งบ๊วย ตั้งแต่บอลยังไม่แข่ง
พวกเขาเริ่มต้นเกมแรก ด้วยการเสมอ อังกฤษ 0-0 ก่อนที่จะแพ้ เจ้าภาพ สวีเดน 1-0 และเกมสุดท้าย พวกเขาต้องชนะ ฝรั่งเศส เพื่อลุ้นเข้ารอบ และพวกเขาทำสำเร็จ กับชัยชนะ 2-1
รอบรองชนะเลิศ พวกเขา พบกับ “แชมป์ยุโรป” ในครั้งที่แล้ว อย่าง เนเธอร์แลนด์ และ บอลไม่สวย แต่ได้ผลงาน ของเดนมาร์ก แผลงฤทธิ์ เมื่อพวกเขายื้อจนเกมจบ 2-2 ก่อนเอาชนะในการดวลจุดโทษ ก่อนที่ ปีเตอร์ ขไมเคิ่ล จะเป็นพระเอก เมื่อ เซฟลูกยิงของ มาร์โก ฟาน บาสเท่น ได้สำเร็จ พวกเขาเข้ารอบชิงชนะเลิศเข้าไปพบกับ “แชมป์โลก” อย่าง เยอรมัน
เกมรอบชิงชนะเลิศ ผู้คนต่างก็ยังไม่เชื่อว่า เดนมาร์ก จะมีโอกาส แต่แล้ว มันก็เกิดขึ้นจาก นักเตะ ที่ไม่เคย ยิงประตูมาก่อนเลยกับทีมชาติ อย่าง จอห์น เจนเซ่น ยิงไกลสุดสวย เป็นประตูขึ้นนำในเกมนั้น ก่อนที่พวกเขา จะแพคเกมรับแน่น พร้อมเกมสวนกลับ จนมาได้อีกหนึ่งประตูจาก คิม วิลฟอร์ด นักเตะ ที่ออกจากทัวร์นาเมนต์ ไปช่วงหนึ่ง เนื่องจาก ลูกสาว มีอาการป่วยด้วยโรค ลูคิเมีย และเขายิงประตูชัย เพื่อลูกสาวของเขา ซึ่งเสียชีวิต หลังการคว้าแชมป์ครั้งนี้ ในอีกไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น กลายเป็นเหมือน “เทพนิยาย” ที่กลายเป็นจริง ให้กับ ลูกสาว ของเขาภูมิใจในตัวพ่อของเขา
และนี่คือ เทพนิยายเดนส์ ที่กลายเป็นตำนานตลอดไป