“ฟุตบอล” เป็นหนึ่งในกิจกรรม กีฬา ที่ว่ากันว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก และในหลายประเทศ มีการละเล่น ที่คล้ายคลึงกับ ฟุตบอล อยู่ไม่น้อย กับการใช้เท้า หรืออุปกรณ์ในการส่ง วัตถุทรงกลม เข้าไปยังเป้าหมายตามที่กำหนด แต่สุดท้ายแล้ว ฟุตบอล ได้รับความนิยม แบบเป็นเรื่องเป็นราว ในประเทศอังกฤษ และ มันก็คงไม่ใช่ เรื่องแปลกอะไรนัก ถ้า ฟุตบอลถ้วย ที่มีการจัดการแข่งขัน ยาวนานที่สุดในโลก จะเกิดขึ้นที่ประเทศแห่งนี้ กับ เอฟเอ คัพ
The Football Association Challenge Cup หรือ FA Cup (เอฟเอ คัพ) คือ การแข่งขัน ฟุตบอลถ้วย ของประเทศอังกฤษ ที่เปิดโอกาสให้กับ ทุกสโมสรฟุตบอล ในประเทศ เข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งในรายการนี้ ภายใต้แนวคิด
“ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้แพ้” และ เป็นฟุตบอลถ้วยรายการแรกที่จัดขึ้นโดย สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งในเวลานั้นเพิ่งก่อตั้งสมาคมฟุตบอล มาเพียง 8 ปี เท่านั้น
โดยการจัดการแข่งขัน เอฟเอ คัพ นั้น ถูกจัดขึ้นโดยมีเป้าหมาย ในการที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ ระหว่าง สมาคมฟุตบอล และ สโมสรฟุตบอล ทุกสโมสรของประเทศอังกฤษ และทุกทีมมีสิทธิ์ได้รับโอกาสเข้าร่วมการแข่งขัน โดยสโมสรแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ คือสโมสรที่มีชื่อว่า วันเดอร์เรอร์ส ซึ่งเกมการแข่งขัน เอฟเอ คัพ ครั้งแรก มีการแข่งขันทั้งหมดเพียง 13 เกมเท่านั้น ก่อนที่ต่อมาจะมีการปรับให้เป็นการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ ในเวลาต่อมา
เอฟเอ คัพ ไม่ใช่เพียงแค่ รายการฟุตบอลถ้วย ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก แต่มันยังเป็นการแข่งขัน ฟุตบอล ที่ผ่านหน้าประวัติศาสตร์ มาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
ด้วยระบบการแข่งขันแบบ “น็อคเอ้าท์” ที่วางไว้ตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มจัดการแข่งขัน ทำให้ เอฟเอ คัพ กลายเป็น การแข่งขันที่มีการ “ล้มยักษ์” เกิดขึ้นมากมาย หลายครั้ง ทีมจากลีกสูงสุด จบลงด้วยการตกรอบจากทีมในระดับล่าง หรือกระทั่งการได้เห็นทีมในระดับล่าง เข้ามาถึงในรอบท้ายๆ ของการแข่งขัน
ปัจจุบัน ฟุตบอล เอฟเอ คัพ มีทีมทั้งหมด 762 ทีม และหากคุณคือ สโมสรฟุตบอลระดับล่างสุดของ ฟุตบอล ลีก หากฝันที่จะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ คุณต้องลงเล่นมากถึง 14 รอบแข่งขัน นับตั้งแต่รอบคัดเลือกรอบแรก ไปจนถึง รอบชิงชนะเลิศ แต่ถ้าคุณลงเล่นในสโมสร พรีเมียร์ ลีก จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วม เอฟเอ คัพ ในรอบ 3 หรือต้องผ่านทั้งหมด 6 รอบเพื่อการคว้าแชมป์ รายการนี้
“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล คือสโมสร ที่ครองแชมป์ รายการนี้มากที่สุด ที่จำนวน 13 ครั้ง จากจำนวน 139 ครั้งที่จัดการแข่งขันรายการนี้ขึ้นมา โดย อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตผู้จัดการทีม อาร์เซนอล เป็นโค้ช ที่ได้แชมป์รายการนี้มากที่สุด รวมทั้งสิ้น 7 ครั้ง ขณะที่ นักเตะ ที่ได้แชมป์รายการนี้มากที่สุด คือ แอชลีย์ โคล ซึ่งคว้าแชมป์รายการนี้ 7 ครั้ง กับ อาร์เซนอล และเชลซี รวมกัน
สำหรับ ถ้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ สำหรับทีมที่เป็นผู้ชนะ จะได้รับการครอบครองไว้เป็นเวลาประมาณ 10 เดือน หรือน้อยกว่านั้น หลังจากการคว้าแชมป์ เพื่อเตรียมส่งมอบให้กับ แชมป์ทีมต่อไป
ถ้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ มีการปรับรูปแบบของถ้วยมาแล้วถึง 3 ครั้ง ด้วยกัน โดยรูปแบบแรก มีมูลค่าเพียง 20 ปอนด์เท่านั้น มันถูกขโมยไปในปี 1895 และไม่มีใครเห็นอีกเลยจนถึงทุกวันนี้
ถ้วยเอฟเอ คัพ แบบที่สองถูกนำมาแทนที่ และนำมาใช้งานจนถึงปี 1910 ปัจจุบันหลังจากยกเลิกการใช้งาน ถ้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ ใบนี้ถูกนำออกมาประมูล และ เดวิด โกลด์ ซึ่งปัจจุบันเป็นหุ้นส่วนของสโมสร เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เป็นผู้ชนะการประมูลในครั้งนั้น ก่อนที่จะส่งมอบให้ พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลอังกฤษ เป็นผู้เก็บรักษาเอาไว้ จนถึงปัจจุบันนี้
ถ้วยเอฟเอ คัพ แบบที่สาม หรือในแบบปัจจุบัน ถูกใช้งานมาตั้งแต่ในปี 1911 เป็นต้นมา โดยมีการออกแบบถ้วย “จำลอง” ไว้ถึงสองครั้งในปี 1992 และ 2014 เพื่อรองรับเหตุฉุกเฉิน ในกรณีที่ถ้วย เอฟเอ คัพ ใบจริง เกิดเสียหาย
ทั้งนี้ เอฟเอ คัพ ก็เป็นอีกหนึ่งรายการที่ เปิดโอกาสให้ ผู้สนับสนุนเข้ามามีส่วนกับชื่อรายการแข่งขัน โดยมีทั้งหมด 5 ผู้สนับสนุน ที่เข้ามามีส่วนในชื่อรายการแข่งขัน เอฟเอ คัพ ประกอบไปด้วย
ทั้งนี้ เอมิเรตส์ เป็นเพียงผู้สนับสนุนเดียวที่มีการระบุเป็นส่วนหนึ่งของชื่อแข่งขัน แบบไม่มีการระบุว่า “สนับสนุนโดย” ซึ่งใช้ชื่อ การแข่งขัน ที่มีสายการบินแห่งนี้ เป็นผู้สนับสนุน ว่า เดอะ เอมิเรตส์ เอฟเอ คัพ (The Emirates FA Cup) และหากในช่วงไหนที่ไม่มีผู้สนับสนุน จะใช้ชื่อการแข่งขัน ว่า The FA Cup ตามชื่อแรกเริ่มของการแข่งขันนั่นเอง