อีนอส สแตนลีย์ โครเอนเก้ หรือ สแตน โครเอนเก้ เกิดในเมือง โคลอมเบีย รัฐ มิสซูรี่ ชื่อ อีนอส มาจาก อีนอส สลอเตอร์ นักเบสบอลชื่อดังของทีม เซนต์หลุยส์ คาร์ดินัล ทีมเบสบอลที่พ่อของเขาเป็นแฟนคลับอย่างเหนียวแน่นจนนำมาตั้งชื่อลูกชายของตนเอง ขณะที่ สแตนลีย์ ก็มาจาก สแตน มูเซียล นักเบสบอลอีกคน
เขาโตขึ้นมาไม่ถึง 10 ปี ก็เริ่มทำงานในไร่ และก็เริ่มทำงานกวาดสวน แต่ทำไม่นานด้วยความสนใจเรื่องของธุรกิจตั้งแต่เด็ก เขาได้ดูแลบัญชีของพ่อ ตั้งแต่อายุ 10 ปี ก่อนที่เมื่อเติบโตขึ้น จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย มิสซูรี่ ด้านธุรกิจมาโดยตรง โดยเรียนจบในระดับ Master of Business Administration (MBA) เขาก่อตั้ง โครเอนเก้ กรุ๊ป ในปี 1983 ซึ่งเป็นเวลา 9 ปี หลังจากเขาแต่งงานกับ แอน วอลตัน (ต่อมาเปลี่ยนมาเป็น แอน วอลตัน โครเอนเก้) ทายาทตระกูลวอลตัน เจ้าของห้าง วอลมาร์ท
1995 พ่อของแอน วอลตัน เสียชีวิตลง ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง โครเอนเก้ พาชีวิตของเขา เข้าไปผูกพันกับ ธุรกิจกีฬาเป็นครั้งแรก กับ “อเมริกันเกมส์” อย่าง อเมริกัน ฟุตบอล เมื่อเขาได้มีโอกาสในการซื้อหุ้นจำนวน 30 % จากทีม เซนหลุยส์ แรมส์ ผ่านทางการที่เขาเข้าไปมีส่วนร่วมกับ จอร์เจีย ฟรอนเทียร์ (นักธุรกิจหญิงชาวอเมริกัน ซึ่งเสียชีวิตแล้วในปี 2008) ในการซื้อทีม แรมส์ ซึ่งเวลานั้นคือ แอลเอ แรมส์ ย้ายไปอยู่ในพื้นที่ เซนหลุยส์ มิสซูรี่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ ฟรอนเทียร์ ก่อนที่สุดท้ายหลังการเสียชีวิตของ ฟรอนเทียร์ โครเอนเก้ จะได้เป็นเจ้าของทีมแรมส์ในที่สุดในปี 2010 โดยมีการโยกย้ายสิทธิ์การถือครอง เดนเวอร์ นัคเกตส์ และ โคโลราโด้ อวาแลนซ์ ไปให้กับคนในครอบครัว โดยปัจจุบันหุ้นใหญ่ของสองทีมทั้ง บาสเกตบอล และ ฮ๊อคกี้น้ำแข็ง อยู่ในการดูแลภายใต้ชื่อของ แอน วอลตัน ผู้เป็นภรรยา
ในปี 2015 เขามีแผนในการสร้างสนามใหม่ที่ แคร์ลิฟอร์เนีย ที่สามารถรับผู้ชมได้มากถึง 70,000 คน และนำมาซึ่งการพา เซนหลุยส์ แรมส์ กลับมาอยู่ในแอลเอ อีกครั้ง ท่ามกลางการฟ้องร้องกันวุ่นวายระหว่างรัฐ และ KSE แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้น สนาม SoFi Stadium เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในปี 2020 ที่ผ่านมาเรียบร้อย
หลังจาก โครเอนเก้ ครอบครอง อาณาจักรกีฬาในเดนเวอร์แทบทั้งหมดตั้งแต่ช่วงปี 2000 เป็นต้นมา การมองหาธุรกิจในต่างแดนจึงเริ่มต้นขึ้น และ อาร์เซนอล คือทีมที่เขามีคอนเนคชั่นอยู่บ้าง
อาร์เซนอล กับ โครเอนเก้ รู้จักกันแบบ “ผ่าน ๆ ” มาตั้งแต่ช่วงปี 2006 จากในเรื่องของธุรกิจ ก่อนที่ในปี 2007 พวกเขาจะได้พบกันอย่างเป็นทางการ เมื่อ เดวิด ดีน รองประธานสโมสร อาร์เซนอล ได้พูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องของการเข้ามามีบทบาทลงทุนในทีม อาร์เซนอล ซึ่งเวลานั้นพวกเขามีปัญหาเกี่ยวกับ หนี้สินในการสร้างสนามแข่งขัน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ที่เปิดใช้งานในปี 2006 ซึ่งพวกเขามองว่านี่คือ “อนาคต” ของสโมสร
อาร์เซนอล เริ่มต้นการเข้าสู่ขั้นตอนการชำระหนี้สินที่กู้มาสร้างสนามแข่งขัน และ อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีม อาร์เซนอล ยืนยันว่า ณ เวลานั้น ทีมมีเสถียรภาพทางการเงินที่ดีเยี่ยม พร้อมกับให้แฟนบอลสนับสนุนการผลักดัน นักเตะ เยาวชนของสโมสรที่จะเข้ามาเป็น อนาคตของทีม
“สโมสรมีสถานภาพทางการเงินที่ดีมากในช่วง 5 ปี นับจากนี้ โดยไม่จำเป็นต้องร้องขอให้ใครสักคนเข้ามาพร้อมกับเงินของเขา”
อาร์เซนอล มีการก่อสร้างสนามซ้อม ลอนดอน โคลนีย์ หรือในชื่ออย่างเป็นทางการว่า อาร์เซนอล เทรนนิ่ง เซนเตอร์ ในปี 1999 ซึ่ง อาร์แซน เวนเกอร์ เป็นคนเรียกร้องในเรื่องนี้ในการพัฒนาระบบเยาวชนขึ้นมาอย่างจริงจัง และในอีก 7 ปีต่อมา ระบบเยาวชนของสโมสร คือหนึ่งทางเลือกที่ทีมเลือกใช้งานในช่วงที่มีปัญหาภาระหนี้สิน มันควรเป็นทางเลือกที่ดี แต่เมื่อระบบ ทุนนิยม เริ่มเข้ามาสู่วงการฟุตบอลอย่างจริงจัง การใช้เงินทุ่มสร้าง “โอกาส” ในความสำเร็จก็มีมากยิ่งขึ้น จำนวนทีมที่ใช้วิธีนี้ก็มากขึ้น นั่นทำให้ อาร์เซนอล ไม่สามารถใช้วิธีในแบบของเวนเกอร์ ได้เพียงอย่างเดียว เพื่ออยู่ในภาวะของการแข่งขัน
ก่อนการเข้ามาของ สแตน โครเอนเก้ หุ้นของสโมสรอาร์เซนอล จะมีอยู่ด้วยกันหลักๆ ทั้งหมด 7 ส่วน อันประกอบไปด้วย
โครเอนเก้ เริ่มต้นการเข้ามายัง อาร์เซนอล ผ่านทาง เดวิด ดีน อย่างที่ทราบกันแล้ว แต่การซื้อหุ้นครั้งแรกของสโมสร อาร์เซนอล เริ่มต้นจากการที่เขาซื้อหุ้นจาก กรานาด้า โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด ที่มีอยู่ 9.9 % โดยผ่านทางการซื้อหุ้นจาก บริษัท โครเอนเก้ สปอร์ต แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนต์ (KSE) ของตนเอง โดยมีการระบุว่าราคาอยู่ที่ประมาณ 80 ล้านเหรียญสหรัฐ [ประมาณ 56 ล้านปอนด์] ในเดือนเมษายนปี 2007
หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ “ระเบิดลูกใหญ่” ก็ตกลงมาในสโมสรอาร์เซนอล เมื่อ เดวิด ดีน รองประธานสโมสรอาร์เซนอล ถูกให้ออกจากตำแหน่ง ด้วยเหตุผลที่สโมสระบุว่า “เกิดจากความเห็นแตกต่างที่ไม่เข้ากับ บอร์ดบริหารคนอื่น” ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่ ดีน เป็นคนนำพา โครเอนเก้ เข้ามาเป็นแหล่งเงินทุนใหม่ และต้องการเทคโอเวอร์สโมสรเสียเอง โดยในทางกลับกัน อาร์เซนอล เองก็มีภาระหนี้สินจำนวนมากจากการสร้างสนามแข่งใหม่ และมันก็ไม่แปลกที่ทีมต้องการแหล่งเงินทุนมากว่าเดิม ดังนั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงปรับความเข้าใจกันได้ การแยกทางก็ต้องเกิดขึ้น…พร้อมกับความวุ่นวาย และการเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่างที่จะมาถึง
เมื่อ โครเอนเก้ พร้อมเข้าสู่สนามรบแห่งการลงทุนเพื่อการครอบครอง อาร์เซนอล เป็นของตนเองให้จงได้ ขณะที่ เดวิด ดีน ออกจากสนามรบไปอย่างเจ็บปวด ก่อนจะกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับ สหายศึกหน้าใหม่ที่ชื่อว่า “อลิเชร์ อุสมานอฟ”
โปรดติดตามตอนต่อไป