ชัยชนะแบบถล่มทลายของ นอริช ซิตี้ เหนือ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ 7-0 ส่งให้พวกเขาต้องการอีกเพียง 4 คะแนนจาก 6 เกมสุดท้าย พวกเขาจะกลับมาสู่พรีเมียร์ ลีก อีกครั้ง หลังจากตกชั้นไปเพียงหนึ่งฤดูกาล
“แตนอาละวาด” วัตฟอร์ต อันดับสองของลีกที่ตกชั้นมาพร้อมกับนอริช ซิตี้ ก็กำลังจะกลับมา หลังจากนำห่าง “เดอะ บีส์” เบรนท์ฟอร์ด อันดับสาม ที่ฟอร์มแรงตอนต้น แต่มาแผ่วช่วงปลายถึง 9 คะแนน โดย วัตฟอร์ต ก็คล้ายกับ นอริช ตรงที่พวกเขาเก็บตัวหลักในพรีเมียร์ ลีก ไว้กับทีมได้หลายคนทั้ง เบน ฟอสเตอร์, วิล ฮิวจ์ส, อิสไมล่า ซาร์ หรือ เอเตียง กาปู ฯลฯ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนโค้ชระหว่างฤดูกาลจาก วลาดิเมียร์ อิวิช มาเป็น ซิสโก้ มูนยอซ แต่โดยรวมแล้ว พวกเขาฟอร์มดุมาก 13 เกมลีกหลังสุด ชนะ 11 เสมอ 1 แพ้ 1 เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พวกเขาเร่งเครื่องมาถึงรองจ่าฝูง ซึ่งเป็นอันดับที่สามารถเลื่อนชั้นได้โดยอัตโนมัติ
โซนลุ้นเพลย์ออฟ [ต้องจบอันดับ 3-6 ถึงได้ลงเล่นในเพลย์ออฟ หาผู้ชนะหนึ่งทีมสู่ พรีเมียร์ ลีก]
อันดับสาม “เดอะ บีส์” เบรนท์ฟอร์ด ทีมที่มีช่วงหนึ่งขึ้นไปถึงจ่าฝูง พร้อมฟอร์มอันร้อนแรงของ อิบัน โทเนย์ กองหน้าอังกฤษ ที่ซื้อมาแทนที่ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ที่ย้ายไปแอสตัน วิลล่า แต่การพลาดพ่ายสามเกมติดต่อกันในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ตามด้วยเสมอสามเกมติดในเดือนมีนาคม ทำให้สถานการณ์ของพวกเขาต้องมาลุ้นว่าจะได้เล่นเพลย์ออฟหรือไม่ทันที พวกเขาเพลย์ออฟมาแล้วหลายครั้ง อกหักทุกครั้ง ปีนี้จะเป็นปีของพวกเขาหรือไม่
อันดับสี่ “หงส์ขาว” สวอนซี ซิตี้ ตกชั้นในปี 2017-2018 ปีที่แล้วก็มาถึงเพลย์ออฟเช่นกัน ก่อนตกรอบไป มาปีนี้ พวกเขาต้องบอกว่าทิ้งรายการฟุตบอลถ้วยไปหมดตั้งแต่รอบต้น ๆ ทำให้พวกเขามีสมาธิกับเกมลีกอย่างเดียว ผ่านไปแล้วสามปี จากการตกสวรรค์ มาเล่นในลีกล่าง นักเตะในทีม เปลี่ยนไปมาก เหลือ อันเดร อายิว แนวรุกกาน่า เป็นตัวหลัก รวมถึงเวย์น เร้าจ์เลดจ์ ปีกวัย 36 ปีที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 2011 เพียงสองคนที่พอจะคุ้นชื่อกันมากหน่อย นอกนั้นดาวรุ่งบ้าง ไม่ก็ตัวที่เล่นในระดับลีกล่างแทบทั้งสิ้น
อันดับห้า “เจ้าตูบ” บาร์นสลีย์ เป็นอีกสโมสรที่เคยมาเล่นในพรีเมียร์ ลีก สัก 20 ปีที่แล้ว ในยุคของ นีล เร้ดเฟิร์น, อายัน เดอ ซูว์, แยน อาเก้ ฟอร์ทอฟ หากผู้อ่านท่านไหน คุ้นชื่อ นักเตะ เหล่านี้ แสดงว่าพวกคุณอายุไม่น้อยแล้วนะ!! นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ บาร์นสลีย์ ก้าวมาถึงตรงนี้ พวกเขาเคยตกชั้นไปถึง ลีก วัน มาแล้ว เรียกว่า เห็นรายชื่อ นักเตะ แล้ว หากไม่ใช่สายติดตามบอลลีกล่าง ไม่คุ้นแน่นอน แต่ชื่อของโค้ชต้องบอกว่า คนดังเลยล่ะ กับ วาเลเรียง อิสมาแอล อดีตกองหลังฝรั่งเศสที่คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา มาแล้วกับ แวร์เดอร์ เบรเมน และ บาเยิร์น มิวนิค โดยเขาเพิ่งย้ายมารับงานคุมทีมในช่วงเดือน ตุลาคม 2020 ที่ผ่านมานี่เอง
อันดับหก “เดอะ รอยัล” เรดดิ้ง อีกหนึ่งสโมสรที่มีแฟนบอลชาวไทย ติดตามผลงาน และเป็นอีกสโมสรที่เคยมาโชว์ฝีเท้าที่เมืองไทยมาแล้ว เรดดิ้ง ตกชั้นจากพรีเมียร์ ลีก ในปี 2012-2013 นับจากนั้นมาพวกเขาหลุดยาวมาจนถึงวันนี้ กับ เวลจ์โก้ เปาโนวิช นายใหญ่เซอร์เบีย ที่เพิ่งย้ายมารับงานปีแรก เป็นอีกทีมที่ต้องบอกว่า ดิ้นรนกันมาตลอดหลายปี นี่คือครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่พวกเขากลับมาสู่พื้นที่เพลย์ออฟอีกครั้ง
อันดับเจ็ด “เดอะ เชอร์รีส์” บอร์นมัธ ด้วยคะแนนที่ตามหลังอันดับ 6 เพียงหนึ่งคะแนน บอร์นมัธ ที่ตกชั้นจาก พรีเมียร์ ลีก มาในปีที่แล้ว ยังมีลุ้นเต็มตัวในช่วงที่เหลือกับการลุ้นเพลย์ออฟ แม้ว่าจะเสีย เอ็ดดี้ ฮาว นายใหญ่ที่อยู่กับทีมมานานไปแล้วก็ตาม เวลานี้ โจนาธาน วู้ดเกต อดีตกองหลังลีดส์ ยูไนเต็ด รับงานเป็นผู้จัดการทีม ยังได้ลุ้นอีกเฮือก โดยไม่ต่างจากทั้ง นอริช และ วัตฟอร์ต ที่ตกชั้นมาด้วยกัน ทีมสามารถเก็บตัวหลักในปีก่อนได้พอสมควร ทั้ง อัสเมียร์ เบโกวิช, สตีฟ คุก, เจฟเฟอร์สัน เลอมาร์, จูเนียร์ สตานิสลาส หรือว่า โดนินิค โซลันกี้ บวกกับ แจ็ค วิลเชียร์ กองกลางตัวเก่ง แต่เจ็บบ่อยที่ได้มาฟรีจาก เวสต์แฮม พวกเขาได้ลุ้นแน่นอน กับ 6-7 เกมสุดท้ายในลีก เพื่อเป้าหมาย เพลย์ออฟในปีนี้
ขณะที่ในส่วนการตกชั้นนั้น สามอันดับสุดท้าย 22-24 ดูจากสถานการณ์แล้ว วีคอมบ์ วันเดอร์เรอร์ส อาการหนักสุดไม่น่าจะรอดแล้ว เช่นเดียวกับ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ทีมใหญ่ที่อยู่ในช่วงขาลงต่อเนื่อง แต่สำหรับ ร๊อทเธอร์แฮม ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 22 ยังได้ลุ้นเต็มตัว เพราะด้วยปัญหาโควิด-19 ที่มีการเลื่อนเกมหลายครั้ง สุดท้ายให้พวกเขาลงเล่นน้อยกว่าทีมอื่น 4 เกมด้วยกัน และหากพวกเขาเกิดชนะทั้งหมด หรือสักสองจากสี่เกมตกค้าง บอกเลยว่าทีมที่แฟนบอลคุ้นชื่นอย่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ดาร์บี้ เคาน์ตี้, ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์, โคเวนทรี ซิตี้ และ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ อยู่ไม่สุขกันอย่างแน่นอน
หากการคืนชั้นสู่พรีเมียร์ ลีก จะได้เงินจำนวนมหาศาลเข้ามาสู่ทีม การตกชั้นไปเล่นใน ลีก วัน ก็จะเป็นการสูญเสียรายได้ไปอีกจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้น เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ก็ไม่ต่างจากกึ่งกลางระหว่าง สวรรค์ และ นรก เลยก็ว่าได้ ส่วนทีมไหนจะไปสวรรค์ ทีมไหนต้องร่วงลงนรก อีกไม่เกิน 60 วัน นับถอยหลัง ติดตามบทสรุปของเรื่องราวกันได้เลย