Site icon UFA6556 เว็บแทงบอลออนไลน์ ครบวงจร

ไทน์-เวียร์ดาร์บี้ ดาร์บี้แมตช์ที่ไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอล

ไทน์-เวียร์ดาร์บี้ ดาร์บี้แมตช์ที่ไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอล

      ขึ้นชื่อว่า “ดาร์บี้แมตช์” ส่วนใหญ่แล้วคือการเจอกันของทีมที่อยู่เมืองเดียวกัน เช่น ในอังกฤษก็มี ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ , เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ , แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้  ในอิตาลี่ก็มีทั้ง มิลาน ดาร์บี้ และ โรม ดาร์บี้ ส่วนในสเปนที่เราคุ้นเคยก็คงจะเป็น มาดริด ดาร์บี้ ที่ทีมเหล่านี้เป็นคู่แข่งกันโดยตรงนั้นก็เพราะ ทีมเหล่านี้อยู่เมืองเดียวกัน แย่งชิงความเป็นหนึ่งของเมือง

     แต่ก็มี “ดาร์บี้แมตช์” อีกหลายคู่เช่นกัน ที่ทั้งสองทีมไม่ได้อยู่เมืองเดียวกัน แต่กลับโกรธแค้นกันยิ่งกว่าอยู่เมืองเดียวกันเสียอีก วันนี้เราจึงอยากพูดถึง “ไทน์-เวียร์ดาร์บี้” หนึ่งในดาร์บี้แมตช์ที่เดือดที่สุดในโลกฟุตบอล

      ไทน์-เวียร์ดาร์บี้แมตช์ คือ ดาร์บี้แมตช์ของทีมดังภาคอีสานแห่งเกาะอังกฤษระหว่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ ซันเดอร์แลนด์ โดยที่เมือง 2 เมืองนี้อยู่ห่างกันถึง 19 กม. การเจอกันของทั้ง 2 ทีมนี้ จึงเป็นเรื่องที่มีอะไรมากกว่าคำว่าฟุตบอลไปมากเลยทีเดียว

เราจึงอยากพาทุกคนย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นความบาดหมางครั้งนี้กันก่อน

กลับไปที่จุดเริ่มต้น

     ต้องบอกก่อนเลยว่าทั้งสองเมืองนี้เป็นคู่แข่งทางด้านการค้ากันอยู่แล้ว โดยในช่วง ค.ศ. 1600 พระเจ้าชาร์ลที่ 1 ได้มอบรางวัลสิทธิการค้าถ่านหินทางตะวันออกของอังกฤษ แก่พ่อค้าของนิวคาสเซิ่ล ซึ่งทำให้ทางฝั่งซันเดอร์แลนด์นั้นต้องตกระกรรมลำบากกับการใช้ชีวิต เพราะการค้าถ่านหิน คือชีวิตของชาวเมืองซันเดอร์แลนด์

     ต่อมาในปี ค.ศ. 1642 เกิดสงครามกลางเมืองประเทศอังกฤษ โดยสงครามครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่าย “รัฐสภา” และ ฝ่าย “กษัตริย์นิยม” เมืองนิวคาสเซิ่ลนั้นอยู่ฝ่าย กษัตริย์นิยมของ กษัตริย์ จอร์จ ที่ 2 ส่วนซันเดอร์แลนด์อยู่ฝ่าย รัฐสภา ซึ่งการเลือกฝ่ายครั้งนี้ ก็เกิดจากผลประโยชน์ทางการค้า อีกเช่นเคย

     ความแตกต่างทางการเมืองระหว่างสองเมืองนี้จบลงด้วยการต่อสู้ที่เรียกว่า “Battle of Boldon Hill” กองทัพนิวคาสเซิ่ล และเดอร์แฮม เคาน์ตี้รวมตัวกัน เพื่อต่อสู้กับผู้ต่อต้านราชาธิปไตยซันเดอร์แลนด์และกองทัพสกอตแลนด์

     ผลปรากฎว่านิวคาสเซิ่ลเป็นฝ่ายแพ้ และตกเป็นอาณานิคมของสกอตแลนด์ นั้นจึงเป็นที่มาของทฤษฎีการเรียกคนนิวคาสเซิ่ลว่า “ชาวจอร์ดี้” เพราะพวกเขาภักดีกับกษัตริย์ ที่ 2 ส่วนชาวซันเดอร์แลนด์นั้นจะถูกเรียกว่า “แม็คแคม” ที่มาจากคำว่า “บลูแม็ค” ซึ่งเป็นกองทหารของสกอตแลนด์ในช่วงสงครามกลางเมือง

     ความบาดหมางของ 2 สโมสรแห่งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอล แต่เป็นเรื่องปากท้อง และการมีชีวิตอยู่ของเมือง 2 เมืองเลยทีเดียว ทั้งสองเมืองนี้เกลียดกันถึงขั้นที่ว่า คนนิวคาสเซิ่ลจะไม่กินเบค่อน เพราะเบค่อนมีสี ขาว-แดง และคนซันเดอร์แลนด์จะไม่กินซีเรียลเป็นอาหารเช้า เพราะ ถูกผลิตที่เมืองนิวคาสเซิ่ล

     ชนวนเหล่านี้จึงส่งต่อมาเรื่อยๆ จนถึงเรื่องฟุตบอล ที่เมื่อทั้งสองทีมมีทีมฟุตบอลแล้ว ก็ต้องชิงดีชิงเด่นกันอีกตามเคย โดยทั้งคู่เจอกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกครั้งแรกในปี ค.ศ. 1883 และต่อมาในเกม เอฟเอคัพ ปี 1887 ซึ่งซันเดอร์แลนด์เป็นฝ่ายชนะไป 2-0

ดาร์บี้แมตซ์ ในความทรงจำ

     ในช่วงศตวรรษที่ 20 ในฤดูกาล 1900/01 ที่สนาม เซนต์ เจมส์ ปาร์ค เกมการแข่งขันต้องถูกยกเลิกเนื่องจากจากมีแฟนบอลมากถึง 120,000 คนเข้ามาในสนามซึ่งมีความจุ 30,000 คน ซึ่งก็ได้เกิดเหตุจลาจลที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากมาย

      ในปี 1908 ซันเดอร์แลนด์สามารถบุกชนะ นิวคาสเซิ่ลได้ถึง เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ด้วยสกอร์ 9-1 ซึ่งเป็นชัยชนะที่ขาดลอยที่สุดระหว่างทั้ง 2 ทีมนี้ และยังเป็นสถิติการชนะนอกบ้าน ด้วยสกอร์สูงที่สุดของซันเดอร์แลนด์อีกด้วย ส่วนในฝั่งนิวคาสเซิ่ล นี่ก็เป็นการพ่ายแพ้ในบ้านที่ขาดลอยที่สุดเช่นกัน  

     เกมดาร์บี้ที่ถือว่าเป็นเกมนัดประวัติศาสตร์อีกเกมคือ เกมเพลย์ออฟชิงตั๋วเลื่อนชั้นในฤดูกาล 1990/1991 ซึ่งในนัดแรกนั้นจบด้วยผลเสมอ 0-0 แต่ ซันเดอร์แลนด์สามารถบุกชนะ นิวคาสเซิ่ลได้ถึงถิ่น 2-0

แต่เหตุการณ์สำคัญมาเกิดขึ้นตอนใกล้จบเกมนัดที่ 2 เมื่อแฟนบอลนิวคาสเซิ่ล  บุกลงสนามเพื่อต้องการให้มีการยุติการแข่งขัน เพื่อให้พวกเขาได้แข่งกันใหม่ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเหตุการณ์สงบลง ทั้งสองทีมก็กลับมาเตะกันต่อได้ และก็เป็นซันเดอร์แลนด์ที่เป็นฝ่ายชนะไป

     แต่ “ดาร์บี้แมตช์” ที่อยู่ในความทรงจำที่สุดคงหนีไม่พ้นเกมพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 1999/2000 ที่รุด กุลลิท กุนซือนิวคาสเซิ่ลเจ้าของฉายา “เซ็กซี่ฟุตบอล” ในตอนนั้นตัดสินใจดรอปผู้เล่นคนสำคัญของนิวคาสเซิ่ล อย่าง อลัน เชียเรอร์ และ ดันแคน เฟอร์กูสัน ซึ่งในส่วนของตัว เชียเรอร์ นั้นเป็นดาวซัลโวของทีมในขณะนั้นด้วย ผลปรากฏว่า ซันเดอร์แลนด์ สามารถบุกมาชนะได้ถึง เซนต์ เจมส์ พาร์ค ด้วยสกอร์ 2-1 จากการทำประตูของ เควิน ฟิลลิปส์ และ ไนออล ควินน์  จบเกมนั้น รุด กุลลิท กระเด็นออกจากตำแหน่งทันที โทษฐานพ่ายแพ้เกมสำคัญ ด้วยการทะลึ่ง พักนักเตะที่สำคัญที่สุดในทีมอย่าง เชียเรอร์ ไว้ข้างสนาม

     ในช่วงยุค 2000 เป็นต้นมา ทั้ง 2 ทีมเจอกันแทบทุกฤดูกาลผลัดกันแพ้ชนะกันไป นัดที่มีเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นในปี 2008 หลังจากซันเดอร์แลนด์ชนะ นิวคาสเซิล ในบ้านเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี มีแฟนบอลรายคนหนึ่งปาของใส่ โจอี้ บาร์ตัน มิดฟิลด์ ของนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แต่ยังดีที่ได้ รอย คีน ซึ่งเป็นเฮดโค้ชของซันเดอร์แลนด์ในตอนนั้น หยุดยั้งสถานการณ์ดังกล่าวไว้ได้

     ต่อมาในปี 2011 ก็เกิดการปะทะกันที่รุนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อแฟนบอลซันเดอร์แลนด์วัย 17 ปี วิ่งลงมาต่อย สตีฟ ฮาร์เปอร์ นายประตูของ นิวคาสเซิ่ล จนเกิดเหตุการณ์บานปลายและมีผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ถึง 24 คน

และในปี 2013 ก่อเหตุจลาจลขึ้นที่เมืองนิวคาสเซิ่ล หลังเกมที่ “สาลิกาดง” เปิดบ้านพ่ายต่อ ซันเดอร์แลนด์ไป 3-0 เมื่อมีแฟนบอลนิวคาสเซิ่ล ไปต่อยม้าของตำรวจ และมีตำรวจบาดเจ็บไปอีก 4 นาย ซึ่งมีแฟนบอลของทั้ง 2 ทีมนั้นปะทะกันที่สถานีรถไฟอีกด้วย รวมแล้วมีแฟนบอลถูกจับกุมไปทั้งหมด 29 คน

สถิติอันยาวนาน ของทั้งสองทีม

     ส่วนสถิติที่สำคัญระหว่าง 2 ทีมนี้เกิดขึ้นในช่วง ฤดูกาล 2013-2015 ที่ซันเดอร์แลนด์สามารถเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดไปได้ถึง 6 นัดรวด ซึ่งเป็นสถิติการชนะต่อเนื่องมากที่สุดสำหรับ “ไทน์-เวียร์ดาร์บี้”

     รวมแล้วทั้ง 2 ทีม เจอกันทั้งหมด 156 นัด นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ชนะ 53 นัด ซันเดอร์แลนด์ ชนะ 54 นัด และเสมอกันไป 49 นัด

     อย่างไรก็ตาม “ไทน์-เวียร์ ดาร์บี้” น่าจะไม่ได้เห็นกันในเกมลีก อีกอย่างน้อยสองฤดูกาล เมื่อทุกวันนี้ ทั้งสองทีมอยู่ห่างกันถึงสองดิวิชั่น โดย นิวคาสเซิ่ล ลงเล่นในพรีเมียร์ ลีก ขณะที่ ซันเดอร์แลนด์ อยู่ในลีก วัน และสถานการณ์ย่ำแย่ในเวลานี้

     แต่มั่นใจได้ว่าหากได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะที่ไหน รายการใด รับรองว่าสนุกไม่แพ้เกม “ดาร์บี้แมตช์” ใดในโลกแน่นอน