The Port ตัวแทนความรักคำขอบคุณจาก “วิตเซล โกเบ”

นาน ๆ จะได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับวงการฟุตบอลญี่ปุ่นบ้าง วันนี้เห็นเรื่องราวนี้ก็เลยนำมาแชร์เรื่องราวกันครับ กับเรื่องราวของ วิตเซล โกเบ หนึ่งในสโมรที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น

โกเบ เป็นเมืองขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น โดยเป็นเมืองที่ได้รับการระบุว่ามีความสำคัญในเรื่องของการค้าขายทางเรือ และทำให้มีท่าเรือขนาดใหญ่ในการขนส่ง รวมถึงยังมีชื่อเสียงในเรื่องของ “เนื้อย่างโกเบ” ที่คนไทยหลายคนหลงรัก และแวะไปถึงที่เมืองนี้ ต้องขอไปลิ้มลองสักครั้ง

ส่วนสโมสรฟุตบอล วิตเซล โกเบ ตอนนี้ก็อายุ 55 ปีแล้ว (เท่ากับที่ อังกฤษ ได้แชมป์โลกในปี 1966 พอดี) ภายใต้ทีมสมัครเล่นที่ชื่อว่า คาวาซากิ สตีล ซอคเกอร์ ก่อนที่จะย้ายมาตั้งทีมกันในเมือง โกเบ ในปี 1995 และเปลี่ยนชื่อทีมเป็น วิตเซล โกเบ ขณะที่ วงการฟุตบอลญี่ปุ่น มีการก่อตั้งฟุตบอลลีกอาชีพ “เจลีก” ในปี 1992 โดยที่ วิตเซล โกเบ จะเข้าร่วมลีกในปี 1997 เป็นต้นมา

หากไม่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19

ว่ากันตามศักยภาพ และผลงานทีมก็ไม่มีอะไรโดดเด่นนับจากเข้ามาสู่ เจลีก พวกเขาเวียนว่ายอยู่ในท้ายตาราง J1 หรือไม่ก็บางปีก็ตกชั้น วนไปมาจนกระทั่งในช่วง 5 ปีหลังสุดพวกเขามีการเสริมทีมด้วย นักเตะ ต่างชาติหลายคนไม่ว่าจะเป็น ลูคัส โพดอลสกี้, ดาวิด บีย่า, โธมัส แวร์มาเลน และที่โด่งดังที่สุดซึ่งยังคงเป็นกัปตันทีมของสโมสรคือ อันเดรส อิเนียสต้า (37 ปี สัญญาถึงกลางปี 2024) กองกลางที่เต็มไปด้วยความสำเร็จมากมายตลอดอาชีพ และนำพาทีมประสบความสำเร็จแรกนับจากปี 1997 กับการคว้าแชมป์ เอมเพอเรอร์ส คัพ ในปี 2019 ตามด้วยแชมป์ ซูเปอร์ คัพ (แชมป์บอลลีก พบกับ แชมป์บอลถ้วย ในฤดูกาลก่อนมาพบกัน) อีกหนึ่งรายการ

หากไม่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 เข้ามาเสียก่อน วิตเซล โกเบ น่าจะอยู่ในช่วงที่ไต่ระดับความสำเร็จต่อไป โดยเฉพาะผลงานในลีกไม่น่าเชื่อว่าเล่นมา 24 ปีใน เจลีก พวกเขาไม่เคยจบอันดับสูงกว่าอันดับ 7 เลย

อย่างไรก็ตาม ความนิยมของพวกเขา ก็มากขึ้นในระดับนานาชาติ การเข้ามาของ สตาร์ระดับโลก ที่เลือกย้ายมาเล่นกับพวกเขา แม้จะเป็นช่วงปลายอาชีพแต่ก็ยังคงสร้างความน่าสนใจได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ อิเนียสต้า ที่แม้จะ 37 ปีแล้ว แต่ศักยภาพของเขาก็ยังเล่นได้สบายในเวทีฟุตบอลญี่ปุ่น

และวันนี้พวกเขามาอีกขั้นกับการพัฒนาแบรนด์ของตนเองภายใต้ชื่อว่า “The Port” หรือท่าเรือ หนึ่งในจุดเด่นของเมืองแห่งนี้ เข้ามาเป็นชื่ออีกหนึ่งกลุ่มสินค้าของสโมสร โดยมีเป้าหมายในการที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเมืองแห่งนี้

โลโก้ของ “The Port”

โลโก้เลือกใช้ภาพที่บ่งบอกถึงความเป็นท่าเรือ โทนสีเขียวอมฟ้า ซึ่งเป็นโทนสีเดิมของพวกเขาก่อนที่จะมีการขายทีมให้กับกลุ่ม คริมสัน กรุ๊ป ในปี 2004 และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงตราสโมสรรวมถึงสีสโมสรที่เราเห็นกันถึงปัจจุบัน โดยโลโก้ของ “The Port” สีทั้งหมดที่ปรากฎคือสีสันของตราสโมสรแบบเก่า และแบบปัจจุบัน รวมกัน

ถ้าสโมสร วิตเซล โกเบ เปรียบเหมือนกับ เรือลำใหญ่ สนามเหย้าของทีมที่ นูเวียร์ สเตเดี้ยม โกเบ ก็คือท่าเรือประจำสำหรับสโมสร สนามที่มีความจุ 30,000 คน ที่ผ่านงานใหญ่อย่างฟุตบอลโลก 2002 มาแล้ว คือหนึ่งในความภาคภูมิใจของชาวเมืองนี้ทุกคน

ในฤดูกาลใหม่นี้ วิตเซล โกเบ จะเปิดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มของ “The Port” ออกมาผ่านทางช่องทางของสโมสร รวมถึงของทางเจลีกโดยตรง ซึ่งมีตั้งแต่เสื้อผ้า, ผ้าพันคอ ไปจนถึงสินค้าอื่น อีกมากมาย

“The Port จะเป็นการเติมเต็มสิ่งที่สโมสรต้องการจะบอกถึง ความเคารพ ขอบคุณ และความรักที่เรามีให้กับเมืองแห่งนี้” เว็บไซต์ของสโมสรกล่าว

หมายเหตุคำว่า วิตเซล (VISSEL) มาจากการรวมตัวของคำว่า Victory (ชัยชนะ) และ Vessel (เรือ) กลายเป็น Vissel Kobe เรือแห่งชัยชนะ แห่งเมืองโกเบ นั่นเอง