ทาริค แลมเตย์ (20 ปี สัญญาถึงกลางปี 2025) แบ็คดาวรุ่งสัญชาติอังกฤษ ของ ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่ง เพราะนี่คือการเผชิญหน้าอาการบาดเจ็บหนักครั้งใหญ่ในชีวิต ที่ผ่านมาแล้วถึง 7 เดือน เข้าสู่เดือนที่ 8 และยังคงต้องรอคอยกันต่อไป
แลมเตย์ เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลกับสโมสรในย่านเกิดแถบ ฮิลลิงดอน กับสโมสรที่ชื่อว่า ลาร์กสเปอร์ส โรเวอร์ส ก่อนที่จะย้ายมาเข้าสู่ทีมเยาวชนของเชลซี ตอนอายุ 8 ขวบ ในปี 2008
“สมัยเด็กเขาวิ่งไปทั่วโรงเรียน และใส่เสื้อของเชลซีเอาไว้ด้วย เสื้อมันยังตัวใหญ่กว่าเขาเลย แต่เขาเป็นเด็กที่วิ่งเร็วมาตั้งแต่เด็กแล้ว”
ปี 2019 เขาได้รับโอกาสลงสนามเกมแรกในเกมที่พบกับ อาร์เซนอล เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2019 ที่ผ่านมา โดยหลังเกมนั้นเขากล่าวกับสื่อว่า มันคือวันที่ไม่ใช่เพียงเขาเฝ้ารอ แต่มันคือคนทั้งครอบครัวที่รอวันนี้
“หัวใจของผมเต้นรัว นี่คือช่วงเวลาที่ตัวผม และครอบครัวรอคอยมาตลอด”
อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งเดือนต่อมา เขาก็ตัดสินใจย้ายไปเล่นกับ ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน และกลายเป็นแบ็คขวาทางเลือกแรกของ เกรแฮม พอตเตอร์ ทันที
“มันยากมากในการเลือกย้ายออกจากเชลซ แต่ผมต้องการลงเล่นให้มากที่สุด และเติบโตในฐานะของผู้เล่น ซึ่งไบร์ทตันสามารถให้กับผมได้ และช่วยให้ผมพัฒนาได้ตามที่หวัง”
นับจาก แลมเตย์ ย้ายมา ทำให้ มาร์ติน มอนโตย่า และ เอเซเกล สเคลอตโต้ สอง นักเตะ ประสบการณ์สูงที่เล่นในตำแหน่งเดียวกัน ต้องออกจากทีมไป เพราะอยู่ที่นี่ต่อไป พวกเขาคือทางเลือกที่สองต่อจาก แลมเตย์
ผมไม่ชอบเลยที่ต้องมาเล่นตรงข้ามกับ แลมเตย์ เพราะเขาวิ่งเร็วมาก และผมไล่ตามความเร็วนั้นไม่ทัน เขาเป็นคนตัวเล็ก (1.64 เซนติเมตร) ศูนย์ถ่วงต่ำ และหลักดีมาก มันไม่ง่ายเลยจะแย่งบอลจากเขาได้ มันไม่ค่อยมีหรอกนะ ยกเว้นเขาจะส่งพลาดเอง ผมไม่ได้จะมากดดันอะไรเขานะ แต่ผมคิดว่า เขาจะมีอนาคตที่ดีมากรออยู่” แดน เบิร์น เพื่อนร่วมทีมไบร์ทตัน
ชีวิตที่ ไบร์ทตัน แม้ว่าจะไม่ได้หรูหราแบบชีวิตในลอนดอน เช่นเดียวกับตัวสโมสรที่ไม่ใช่สโมสรแห่งการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ ลีก แบบเดียวกับที่ เชลซี ซึ่งเขาจากมา แต่ที่นี่เขาก็ได้เจอรุ่นพี่ที่ดี และคอยแนะนำเขาอย่างดีในการเล่นแบ็คขวานั่นก็คือ บรูโน่ ซัลตอร์ อดีตกองหลังบาเลนเซีย และ ไบร์ทตัน ที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นทีมงานโค้ชของทีมแล้ว
“แลมเตย์เป็นคนที่มีความเร็วมาก เป็นจุดเด่นของเขา และการมีความเร็วมันช่วยในเรื่องของการพัฒนารูปแบบการเล่นได้หลากหลายมาก ทั้งการยืนตำแหน่ง การขึ้นเกม มันจะช่วยเขาได้มาก ผมสูงกว่าเขา แต่ก็ไม่ได้เร็วเท่าเขา ตลอดชีวิตผมเจอปีกความเร็วมากกว่าผม แกร่งกว่าผม มาตลอดชีวิต แต่คุณต้องเล่นด้วยสมอง อ่านทางคู่แข่ง และทำอย่างไรให้ได้เปรียบ แน่นอน และมันคงยอดเยี่ยม ถ้าเราสามารถพัฒนาแลมเตย์ ให้แข็งแกร่งขึ้น เล่นได้ดีกว่าเดิม เขาจะกลายเป็นสุดยอดกองหลังอย่างแน่นอน”
แลมเตย์ เผชิญกับอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขาด้านหลัง ในเกมกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2020 โดยช่วงแรกที่มีอาการบาดเจ็บ เขาได้รับการประเมินจากทีมแพทย์ของ ไบร์ทตัน ว่าจะต้องพักประมาณ 3 เดือนด้วยกัน
อาการบาดเจ็บของเขากลับไม่ดีขึ้น หนำซ้ำอาการบาดเจ็บกลับแย่ลง จนทำให้เขาต้องเข้ารับการผ่าตัด และส่งผลให้ต้องพักยาวจนกระทั่งจบฤดูกาลที่ผ่านมา แลมเตย์ ทำได้เพียงเป็นผู้ชม และลุ้นให้ “นกนางนวล” รอดตกชั้น ซึ่งพวกเขาต้องลุ้นจนถึงช่วงสุดท้ายกว่าจะการันตีการอยู่รอด และพวกเขาจบด้วยเพียงอันดับ 16 ในพรีเมียร์ ลีก
“มันเป็นอาการบาดเจ็บครั้งใหญ่ครั้งแรกของผม การฟื้นอาการบาดเจ็บมันเป็นไปได้ด้วยดี ผมอยากขอบคุณพระเจ้าที่การผ่าตัดสำเร็จไปได้ด้วยดี และผมหวังเหลือเกินว่าผมจะกลับมาสมบูรณ์ และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม”
“ปัญหามันคือเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อน และมันค่อนข้างวนเวียนอยู่ในหัวของผม ทั้งเรื่องที่แง่ดี และไม่ดี สิ่งที่ทำได้คือพยายามคิดในแง่บวก ดูแลตัวเองให้ดี พัฒนาตนเอง และเดินหน้าต่อไป เพื่อกลับมาลงเล่นให้ได้”
อย่างไรก็ตามอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า พรีเมียร์ ลีก กำลังจะกลับมาลงเล่นอีกครั้ง แต่อาจจะยังไม่ใช่สำหรับ แลมเตย์ หลังสัมภาษณ์ล่าสุดของ เกรแฮม พอตเตอร์ กล่าวว่า นักเตะ ยังไม่พร้อมอย่างที่คาดเอาไว้ในตอนแรก
“มันมีบางเรื่องที่ช้ากว่าที่เราคาดเอาไว้ และเราจำเป็นต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของร่างกาย มันมีการฟื้นฟูที่ดี แต่มันก็ไม่เร็วมากพออย่างที่เรา และเขาอยากให้มันเป็นไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอคอย และเราต้องแน่ใจว่า อาการบาดเจ็บของเขาจะหายโดยสมบูรณ์ มากกว่าเรื่องของการลงสนาม เราต้องการเขาไม่ใช่แค่กลับมา แต่เราอยากได้เขาลงเล่นต่อเนื่องในฤดูกาลนี้”
แลมเตย์ มีอนาคตที่สดใสมากรอคอยเขาอยู่ อาการบาดเจ็บนี้ ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก แต่นี่คือบทเรียน ในสังเวียนใหม่ที่เขาหวังว่า ออกจากสังเวียนนี้ เขาจะไม่ได้กลับมาอีก เพราะมันช่างทรมานเหลือเกิน