พรีเมียร์ ลีก ถึงวันนี้เหลืออีกเพียง 14 วันเท่านั้น ฤดูกาล 2021-2022 จะเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง หลายสโมสรเดินหน้าเสริมทัพกันอย่างต่อเนื่อง ตลาดการซื้อขายรอบเดือนสิงหาคม เป็นช่วงเวลาที่ฝุ่นตลบ และสนุกสนานเสมอสำหรับแฟนบอลทุกคน ไม่ต่างจากช่วงฤดูกาลเปิดแต่อย่างใด โดยตลาดการซื้อขายจะจบลงในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม
ปีนี้แม้จะยังคงอยู่ในช่วงของ โควิด-19 แต่ก็ยังคงมีสโมสรที่ยังลงทุนต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือ แอสตัน วิลล่า
“สิงห์ผงาด” คัมแบ็คมาสู่ลีกสูงสุดในปี 2019 และลงทุนมาต่อเนื่องเป้าหมายปีแรกคือความอยู่รอด ปีสองคือการทำอันดับให้ดี และปีนี้พวกเขามองไกลกว่าเดิม กับการเริ่มมองเห็นพื้นที่ฟุตบอลยุโรป
การเข้ามาของ นาสเซฟ ซาวิริส เศรษฐีชาวอียิปต์ และ เวส อีเดนส์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน ส่งผลให้ แอสตัน วิลล่า กลายเป็น “สิงห์ติดปีก” กับการเสริมทีม พวกเขาลงทุนในการตลาดการซื้อขายไปแล้วร่วม 300 ล้านปอนด์ในระยะเวลา 2 ฤดูกาล และนี่คือฤดูกาลที่สาม
การเข้ามาของ เอมิเลียโน มาร์ติเนซ นายทวารที่ตอนนี้คือมือหนึ่งทีมชาติอาร์เจนติน่า, โอลลี่ วัตกิ้นส์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ หรือ เอมิเลียโน บูเอนเดีย สตาร์คนใหม่ชาวอาร์เจนไตน์ และล่าสุดพวกเขาปิดดีล เลออน ไบลีย์ ปีกฟอร์มดีของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทำให้แฟนบอล แอสตัน วิลล่า พอใจอย่างยิ่ง แม้ว่าในแง่ของการขาย พวกเขาจะปล่อย นักเตะ ออกจากทีมไปหลายสิบคนในช่วงสองปีหลังสุด และไม่ได้อะไรกลับมามากนักก็ตาม
ไบลีย์ ปีกทีมชาติจาเมก้า วัย 23 ปี ต้องบอกว่านี่คือ ดาวรุ่งฟอร์มดีมานานแล้วในระดับดาวรุ่ง ตั้งแต่สมัยเล่นกับ เกงค์ ในเบลเยี่ยม ก่อนจะย้ายมา ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เขาเกือบย้ายไป อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมมาก่อน แต่สุดท้ายการเจรจาตัวเลขไม่ลงตัว เพราะ ไบลี่ย์ ตอนอายุ 20 ปี เขาก็มีค่าตัว 20 ล้านยูโร และก็พัฒนาตนเองมาต่อเนื่อง จนถึงปีล่าสุด เขาคือคนสำคัญอันดับแรกในแนวรุกของทีม และการลงทุนประมาณ 30 ล้านปอนด์ รวมถึงอีก 33 ล้านปอนด์กับ บูเอนเดีย ก่อนหน้านี้ มันก็ชัดเจนแล้วว่า วิลล่า พร้อมแล้วกับรองรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทีม
แจ็ค กรีลิช (25 ปี สัญญาถึงกลางปี 2025) เข้าสู่ปีที่ 20 ของการอยู่กับ แอสตัน วิลล่า เขาคือ “เดอะ วิลเลี่ยน” มาตั้งแต่รู้จักฟุตบอล เขาเป็นแฟนบอลทีมนี้มาตั้งแต่เด็ก และเข้าร่วมทีมเยาวชนตั้งแต่อายุ 6 ขวบ และกลายเป็น ไอคอน ของสโมสรในฐานะของ เด็กปั้นที่ก้าวมาเป็น นักเตะชุดใหญ่ เป็นกัปตันทีม และเป็นนักเตะทีมชาติอังกฤษ กลายเป็นแรงบันดาลใจของเด็กเยาวชน “สิงห์ผงาด” มากมาย
การมีข้อเสนอจำนวน 100 ล้านปอนด์ จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นข้อเสนอที่ “ยากต่อการปฏิเสธ” สำหรับทีมที่อยู่ในระดับกลางตาราง แม้ว่าจะมีแนวโน้มโอกาสที่จะดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ แอสตัน วิลล่า ก็ยังคงมีโอกาสประสบความสำเร็จในแง่ของถ้วยรางวัลน้อยกว่า “เรือใบสีฟ้า” ที่การสร้างทีมทำมาอย่างต่อเนื่องนับจากปี 2008 การันตี ด้วยผลงาน 10 ปีหลังสุดในอังกฤษ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเหนือใคร หากไปร่วมทีมโอกาสถือครองแชมป์ พรีเมียร์ ลีก มันก็ชัดเจนเป็นไปได้มากกว่า
กรีลิช กลายเป็นนักเตะในทีมขุดใหญ่ของ แอสตัน วิลล่า อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ฤดูกาล 2014-2015 ในฤดูกาลที่พวกเขาตกชั้น ก่อนที่จะไม่ยอมย้ายทีม เลือกจะเล่นกับ วิลล่า ต่อไป และกลายเป็นตัวหลักแบบเต็มตัวในปี 2016 เป็นต้นมา โดยในฤดูกาลล่าสุด เขามีส่วนร่วมถึง 16 ประตู (6 ประตู 10 แอตซิสต์) จาก 26 ในลีกที่ลงเล่น ไม่รวมถึงจุดเด่นทั้งในเรื่องการเลี้ยง, การผ่านบอล และการครองบอล ที่แต่ละเกมเขาสร้างประโยชน์ได้อีกเพียบ ในฐานะตัวรุกทางซ้าย หรือบางครั้งก็เล่นตรงกลางก็ได้เช่นกัน หากย้ายไปจริงสตาร์ตัวริมเส้นทั้ง แบร์นาโด้ ซิลวา, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ริยาร์ด มาห์เรซ หรือ กาเบรียล เฆซุส คงต้องมีร้อน ๆ หนาว ๆ ในสถานะของตนเองกันบ้างไม่มากก็น้อย
ในทางด้านของ แอสตัน วิลล่า หากสุดท้ายแล้วเลือกขาย กรีลิช ในราคา 100 ล้านปอนด์ไปพวกเขาก็จะได้เงินก้อนใหญ่ ที่ว่ากันตามตรง พวกเขาเตรียม บูเอนเดีย กับ ไบลี่ย์ ไว้รอแล้ว แต่เงินก็ยังคงเหลืออยู่อีกก้อนหนึ่งที่ตอนนี้พวกเขามีข่าวว่ายื่นข้อเสนอตามจีบ เจมส์ วอร์ด-เพราซ์ กองกลางทีมชาติอังกฤษของ เซาธ์แธมป์ตัน อีกคน ถ้าหากปิดดีลได้ จะกลายเป็นดีล เสีย 1 เพื่อได้กลับมา 3 คน ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย เมื่อยิ่งประกอบกับการที่ทีมมีกองกลางทั้ง ดั๊กลาส ลุยซ์ และ จอห์ แมคกินน์ อยู่แล้วในทีม มีปีกซ้าย-ขวา เป็น บูเอนเดีย – ไบลี่ย์ และมีหน้าเป้าเป็น โอลลีย์ วัตกิ้นส์ แนวรุกของ แอสตัน วิลล่า ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ฤดูกาลที่สามของ แอสตัน วิลล่า ภายใต้การคุมทีมของ ดีน สมิธ น่าติดตามอย่างมาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่เรายังคงต้องติดตามกันต่อ การจัดการผู้เล่นที่พวกเขามีนักเตะค่อนข้างเยอะในทีม แม้จะเป็นนักเตะอังกฤษค่อนข้างมาก ทำให้ไม่มีผลกับเรื่องของ Home Grown มากนัก แต่การที่ขาย นักเตะ ไม่ค่อยได้รายได้กลับคืนมา ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลว่า หากทีมไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง เจ้าของทีมจะยังคงผลักดันทีมต่อไปอีกนานแค่ไหน
เรื่องนี้ก็น่าติดตามไม่แพ้กันเลย!