ก่อน “สงครามลอนดอนเหนือ” ครั้งที่ 190

ขอต้อนรับสู่ลอนดอนเหนือ…สงครามครั้งที่ 190 (นับเฉพาะในเกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ไม่รวมเกมอุ่นเครื่อง) ของทั้งสองสโมสรกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในค่ำคืนนี้จะเป็นอีกหนึ่งค่ำคืนสำหรับ ดาร์บี้แมตซ์ ที่เดิมพันอะไรหลายอย่าง มากกว่าเพียง 3 คะแนน

อาร์เซนอล เริ่มต้นฤดูกาลนี้ย่ำแย่สุดขีดในประวัติศาสตร์สโมสร กับความพ่ายแพ้ 3 เกมรวด พวกเขากลับมาได้ในเรื่องของผลลัพธ์ที่ชนะสามเกมในทุกรายการ แม้จะยิงประตูได้น้อย แต่ก็ไม่เสียประตู “ข้อดีพอมี ข้อเสียยังเพียบ” แต่ก่อนเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ ความมั่นใจมีมากกว่าวันโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่มเสียทรงแน่นอน

สเปอร์ส ของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ เหมือนกลับสู่โลกความจริง จากการออกสตาร์ทชนะ 3 เกมรวด กลายเป็นไม่ชนะสามเกมติดต่อกันในทุกรายการ โดยเฉพาะเกมลีก ยิงไม่ได้เลยมาสองเกม แถมเสียมากถึง 6 ประตู ยิ่งทำให้พวกเขากดดัน แถมใน คาราบาว คัพ พวกเขาก็เกือบเอาตัวไม่รอด กับการต้องลากยาวไปจนถึงการดวลจุดโทษตัดสิน ในฐานะของ โค้ชใหม่ เกมที่จะถึงนี้สำคัญต่ออนาคตของเขาอย่างมาก มันหมายถึง “ความเชื่อมั่น” ของบอร์ดบริหาร และลูกทีมตนเองเลยว่า เขาเก่งพอจะคุมทีมนี้พุ่งชนความสำเร็จได้หรือเปล่า

ในแง่ของความพร้อมทั้งสองทีม

มิเคล อาร์เตต้า อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องได้ผลงานตามเป้าหมายเท่านั้น เข้าสู่ฤดูกาลที่สองแบบเต็มตัวแล้ว ลงทุนก็มากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรก็เกิดขึ้นในยุคนี้ ถ้าปีนี้ยังอ่อนด้อยในเรื่องของแท็คติก และผลงาน พี่ต้า ก็อาจไม่ได้ไปต่อ ส่วน ซานโต้ อย่างที่บอกไป เขามาใหม่ ผลของเกมนี้จะมีผลต่อฐานความนิยมของเขาในทีมสเปอร์สแน่นอน แม้อาจจะพูดกันว่าสุดท้าย “มันก็แค่เกมหนึ่ง” แต่เกมหนึ่งที่พิเศษแบบนี้ เป็นสามคะแนนใหญ่ที่ใครก็อยากได้

ทั้งสองทีมอยู่ในช่วงเวลาที่คล้ายคลึงกัน พวกเขามองหาถึงความสำเร็จที่จับต้องได้ ปืนใหญ่ ชัดเจนว่า พวกเขามองถึงพื้นที่ยุโรปถ้วยใหญ่ที่หายไปนาน 5 ปีแล้ว ปีนี้หนักที่สุด เพราะไม่มีกระทั่งฟุตบอลยุโรปให้เล่น ส่วน สเปอร์ส ไม่ได้แชมป์อะไรเลยมาตั้งแต่ปี 2009 แถมไปยุโรปปีนี้ก็ไปแบบถ้วยเล็กที่สุด จะว่าไป ผลลัพธ์ก็ไม่ได้แตกต่างกันนักกับอริร่วมเมือง

ปืนใหญ่มีปัญหาในเกมรุก ส่วนสเปอร์ส ก็มีปัญหาในเกมรับ อาร์เซนอล ยิงได้น้อยมากแม้จะชนะ 3 เกมในทุกรายการ แถม 3 ใน 5 ประตูในฤดูกาลนี้ คือการยิงประตูวิมเบิลดัน ทีมในระดับ ลีก วัน นับแค่ในลีก พวกเขาเล่นมา 5 เกม ยิงไป 2 เสียไป 9 สถิติยังเน่าอยู่เยอะ ขณะที่สเปอร์ส เหลือบไปดูผลงานพวกเขา 5 เกม ยิงไป 3 เสียไป 6 ก็อีกเช่นกันที่ว่าสภาพไม่ดีเหมือนกัน

ในแง่ของความพร้อมทั้งสองทีม จัดว่าเต็มสูบก็ไม่ผิดนัก อาร์เซนอล ประกาศว่าไม่มีใครพลาดเกมนี้เลย เรียกว่าต้องขยี้ตา อ่านให้ชัดว่าจริงหรือ เพราะแทบจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ระหว่างฤดูกาล อาร์เซนอล ไม่มีใครบาดเจ็บหรือแบน ส่วน สเปอร์ส ขาดเพียง สตีเว่น เบิร์กไวด์ ตัวริมเส้นเลือดดัตซ์ และ ไรอัน แซสเซอญอง แบ็คดาวรุ่ง เพียงสองคนเท่านั้น เรียกว่า อาวุธหลักถือกันมาครบมือก่อนเข้าสนามรบด้วยกันทั้งสองทีม โดยในส่วนของอาร์เซนอล เดาใจผู้เล่นได้ไม่ยากนัก เพราะตัวที่เล่นในพรีเมียร์ ลีก ก็หน้าเดิม ๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่หลายคนเรียกร้องให้มีส่วนกับเกมนี้คือ อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ (30 ปี สัญญาถึงกลางปี 2022) กองหน้าฝรั่งเศส ที่ฟอร์มกำลังดีให้ยืนหน้าเป้าในเกมนี้ ร่วมกับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง และ บูคาโย่ ซาก้า มากกว่าจะใช้งาน นิโกล่าส์ เปเป้

มีผลกระทบต่อหลายเรื่องนับจากนี้ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน

ที่ผ่านมา อาร์เซนอล เป็นทีมที่มีแนวรุกค่อนข้างทางเลือกเยอะ และมีการปรับวนใช้งานกันมาตลอด อย่างไรก็ตาม “ลากา” ในฤดูกาลนี้ มีเวลาในสนามไม่ถึง 60 นาที จาก 5 เกมแรกด้วยปัญหาโควิด-19 และ อาการบาดเจ็บ แต่เมื่อกลับมาพร้อมแล้ว ก็ยังไม่ได้รับโอกาส ซึ่ง อาร์เตต้า ก็แถลงออกมาว่ามีการพูดคุยกับ นักเตะ ถึงเหตุผลในเรื่องนี้แล้ว แต่ก็ไม่มีการบอกรายละเอียดใดออกมา ซึ่งสื่อก็คาดเดาไปในทิศทางเดียวกันก็คือเรื่องของ “สัญญา”

ลากาแซตต์ กำลังจะหมดสัญญาในมิถุนายน 2022 นี้ และสโมสรยังไม่มีการยื่นสัญญาใหม่ให้กับเขา ซึ่งก็ทำให้เขามีข่าวกับหลายสโมสร ตั้งแต่ โอลิมปิก ลียง, เซบีย่า รวมถึงกระทั่ง บาร์เซโลน่า ก็ยังมีข่าวกับเขา แต่ทั้งหมดจะเห็นชัดเจนในเดือนมกราคม 2022 ที่เขาพร้อมจะเป็นนักเตะแบบไม่มีค่าตัว และเซ็นสัญญาล่วงหน้าได้ทันที โดยก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยออกมาว่าการที่ ลากาแซตต์ ไม่ได้ย้ายออกจากทีม ทำให้ อาร์เซนอล ไม่สามารถเซ็นสัญญากับ แทมมี่ อับราฮัม กองหน้าชาวอังกฤษเข้ามาสู่ทีมได้ตามแผนงานที่วางไว้

อาร์เซนอล เซ็นสัญญา 46.5 ล้านปอนด์ นำเขามาร่วมงานด้วยในปี 2017 และเป็นหนึ่งในนักเตะขวัญใจของแฟนบอลคนหนึ่ง แม้ผลงานอาจจะไม่ได้ยิงสลุตถล่มทลาย แต่ก็พอจะบอกได้ว่า “อาถรรพ์หมายเลข 9” ของอาร์เซนอล ที่ใครหมายเลขนี่ใส่มักล้มเหลว ใช้ไม่ได้กับเขา อย่างไรก็ตามก็เชื่อว่าด้วยนโยบายการสร้างทีมด้วย นักเตะอายุน้อยของสโมสร และการปล่อย ลากาแซตต์ ออกไปก็จะสามารถลดอายุภายในทีม รวมถึงลดค่าเหนื่อยซึ่งลากาแซตต์ รับอยู่ที่ประมาณ 150,000 – 180,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ได้อีกด้วย รวมถึงอีกหลายคนที่ยังเงียบกับเรื่องของสัญญาใหม่ทั้ง คาลัม แชมเบอร์ส, โมฮัมเหม็ด เอลเนนี่ และ เอ็ดดี้ เอนเคเธีย โดยในรายสุดท้ายมีการปฏิเสธสัญญาใหม่กับทีม หลังจากไม่ค่อยได้โอกาสลงเล่นมากนัก ซึ่งประเมินแล้วมีโอกาสสูงมากที่ในตลาดเดือนมกราคม ไปจนถึงสิงหาคม 2022 อาร์เซนอล จะมุ่งเน้นในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงกองหน้าอย่างแน่นอน ขึ่นกับว่าในตลาดซื้อขายใดเท่านั้น

สำหรับสเปอร์ส พวกเขาแม้จะสามารถรั้ง แฮร์รี่ เคน (28 ปี สัญญาถึงกลางปี 2024) เอาไว้ได้อย่างน้อยอีกหนึ่งปี แต่ถ้าพวกเขายังมีผลงานเพียงเท่านี้ สุดท้ายแล้วการเลือกรับเงินก้อนใหญ่ที่จะเข้ามาเพื่อการสร้างทีมใหม่ก็เป็นทางเลือกที่ดี และ เคน เองก็คงไม่ลังเลแบบในหน้าร้อนที่ผ่านมาอีกแล้วกับการมองหาความสำเร็จในแง่ของถ้วยแชมป์ หากปีนี้เล้าไก่ที่เขาอยู่มาตั้งแต่ทีมเยาวชน ยังไม่สามารถไปถึงปลายทางในการเป็นแชมป์ได้

ดังนั้น หากมองจากสิ่งที่เกิดขึ้นจากทั้งสองทีมในช่วงเวลานี้ มันจึงไม่ได้แตกต่างกันมากนักในหลายแง่มุม และเกมนี้จึงมากกว่าเพียง 3 คะแนน เพราะมันจะมีผลกระทบต่อหลายเรื่องนับจากนี้ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน