อุบัติเหตุที่ชื่อว่า “ฟอร์มตก”

เรื่องปัญหาเกี่ยวกับ “ฟอร์มตก” เป็นหนึ่งในปัญหาที่คลาสสิกสำหรับทุกวงการกีฬา ไม่มีใครจะเล่นดีได้ทุกเกม เช่นเดียวกับคงไม่มีใครผลงานแย่ตลอดไปเช่นเดียวกัน ฟุตบอล ก็เป็นแบบนี้ตราบใดที่ “มนุษย์” ยังคงเล่นฟุตบอลต่อไป ทุกอย่างสามารถพัฒนาไปข้างหน้า-ถดถอยไปได้ตามวันเวลา รวมถึงอารมณ์ในแต่ละช่วงเวลา และช่วงเวลาที่ฟอร์มไม่เข้าที่ เกิดขึ้นแล้วในช่วงต้นฤดูกาลกับชายคนนี้

เจมส์ แมดดิสัน (24 ปี สัญญาถึงกลางปี 2024)

แมดดิสัน ระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมนับจากย้ายมาสู่ทีมในปี 2018 และเป็นคนสำคัญของทีมมาตั้งแต่ยุคของ โคล้ด ปูแอล จนมาถึง แบรนเดน ร็อดเจอร์ส นับเฉพาะแค่ฤดูกาลที่แล้ว เขาลงเล่นไป 42 เกม ทำไป 11 ประตู 10 แอตซิสต์ในทุกรายการ น่าเสียดายที่มีปัญหาบาดเจ็บในช่วงท้ายฤดูกาล ทำให้หลุดทีมไปช่วงหนึ่ง และเร่งฟอร์มไม่ทันติดทีมชาติอังกฤษไปเล่นในยูโร 2020 รอบสุดท้าย

ว่ากันตามสภาพ

ว่ากันตามสภาพความจริง แมดดิสัน ไม่มีส่วนร่วมกับประตูของเลสเตอร์มาตั้งแต่เกมกับ แอสตัน วิลล่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 แล้ว ผ่านมาแล้ว 7 เดือนเต็ม ในฐานะกองกลางตัวรุกถือว่า “น่าผิดหวัง” และมาถึงตรงนี้ในทุกรายการของฤดูกาลนี้ ทั้งหมด 9 เกม เขามีส่วนทุกเกม แต่ไม่มีเกมไหนยืนครบ 90 นาทีแม้แต่เกมเดียว และเกมล่าสุดในการพบกับ เบิร์นลีย์ เขาหลุดจากทีมตัวจริง

ตลอดตลาดหน้าร้อนที่ผ่านมา แมดดิสัน มีข่าวการย้ายทีมอย่างหนักกับ อาร์เซนอล แต่ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ยืนยันว่าพวกเขาพร้อมเจรจาด้วย ถ้าหากมีข้อเสนอที่มากพอ ซึ่งมีการระบุว่ามากถึง 60 ล้านปอนด์ และนั่นไม่ใช่ทางเลือกของ อาร์เซนอล ในการลงทุน ก่อนจะไปจบดีลกับ มาร์ติน เออเดการ์ด ด้วยค่าตัวน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง และมีการเปิดเผยภายหลังว่า เออเดการ์ด คือ “ทางเลือกแรก”ของทีมในการเสริมกองกลางตัวรุกมากกว่า แมดดิสัน เสียด้วย และแม้ว่าการย้ายทีมจะไม่เกิดขึ้น แต่มันก็ส่งผลไม่มากก็น้อย กับสมาธิและฟอร์มของ แมดดิสัน เพราะข่าวตลอดหนึ่งเดือนนั้นมีจำนวนมากเหลือเกิน

ลองเป็นเรามีคนเขียนถึง-พูดถึงตนเองตลอดเวลาเกี่ยวกับการย้ายทีม หรือเรื่องอื่น ๆ ที่อาจจะจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง และสุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากข่าว มันก็คงเป็นเรื่องที่สร้างความไม่สบายใจอยู่ไม่มากก็น้อย และส่งผลออกมากับผลงานในสนาม ซึ่ง ร็อดเจอร์ส ก็ยอมรับว่า “หมายเลข 10” ของพวกเขา ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด แต่คาดว่าในสุดสัปดาห์นี้ที่พวกเขาจะมีคิวออกไปเยือน คริสตัล พาเลซ ชื่อของ แมดดิสัน จะกลับมาอยู่ในทีมอีกครั้ง

“หมายเลข 10” ของพวกเขา ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด

“เรามีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขายอมรับ และเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และรู้ว่าตนเองรู้สึกอย่างไร มันเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพ คุณกำลังพูดถึงนักเตะอายุน้อยที่เกิดปัญหาเดียวกันแบบนี้หลายต่อหลายคน มันเหมือนขับรถแล้วเกิดไปชนอะไรเข้าเป็นครั้งแรก ทุกคนก็ตกใจหมดเพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นกับตนเองมาก่อน”

“ถ้าคุณลองคิดว่า เจมส์ ลงเล่นในระดับอาชีพมาตั้งแต่อายุ 16-17 ปี เขาเป็นตัวหลักของสโมสรมาตลอด ก่อนที่จะย้ายมาเล่นกับเรา เขาก็ยังคงได้ลงเล่นต่อเนื่อง แต่ฟุตบอลมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอ มันไม่ได้สวยหรูตามที่คิดหรอก แต่ก็พยายามเพื่อจะกลับมาอยู่ในจุดเดิม ทำงานหนักมาก และไม่สงสัยในความสามารถของเขา เขาจะกลับมายอดเยี่ยมอีกครั้งแน่นอน”

ฤดูกาลนี้พวกเขาเสริมทัพใหญ่

เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ ตั้งเป้าหมายไว้ไม่ต่างจากวันแรกที่ ร็อดเจอร์ส เข้ามาคุมทีม พวกเขาต้องการกลับไปเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้อีกครั้ง หลังเคยทำได้มาแล้วในปี 2016 อย่างไรก็ตามสองฤดูกาลล่าสุด พวกเขาต้องอกหักในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลอยู่ร่ำไป แต่ก็ได้มาซึ่งแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นรางวัลตอบแทน

ฤดูกาลนี้พวกเขาเสริมทัพใหญ่ พร้อมกับการไม่เสียตัวหลักออกไปเลยแม้แต่คนเดียว แต่การที่พวกเขาต้องเสีย เวสลีย์ โฟฟาน่า กองหลังตัวหลักไปจากอาการบาดเจ็บทำให้ต้องพักยาว เช่นเดียวกับอาการฟอร์มตกของนักเตะหลายคน ทำให้ฤดูกาลนี้พวกเขาเริ่มต้นได้แย่กว่าที่เคย และนั่นทำให้งานของพวกเขาในปีนี้ ลำบากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

เจมี่ วาร์ดี้ (34 ปี สัญญาถึงกลางปี 2023) ยังคงเป็นตัวหลักของทีมแม้อายุจะมากถึง 34 ปีแล้ว แต่จิ้งจอกเฒ่ามากประสบการณ์คนนี้ก็ยังเขี้ยวคม และทำให้ เลสเตอร์ สถานการณ์ไม่แย่ลงไปมากกว่านี้ ซึ่งเขาก็หวังว่า แมดดิสัน จะคืนฟอร์มโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นได้ “แบกกันหลังหัก” แน่นอน สำหรับฤดูกาลนี้ ที่ยังคงเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ยากยิ่งสำหรับทุกทีม เพื่อไปสู่พื้นที่ยุโรปที่จะนำมาซึ่ง เกียรติยศ และเงินตรามากมายเข้าสู่สโมสร