“มันถึงเวลาต้องตัดสินใจแล้ว อาร์เซนอล ติดต่อเข้ามา…ตกลง ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เราจะไปกันที่ลอนดอน” มาร์ติเนลลี่ ย้อนไปยังตอนปี 2019 กับการตกลงเซ็นสัญญากับ อาร์เซนอล ที่แฟนบอลจำนวนมากต่างยังไม่รู้ว่า เด็กคนนี้คือใคร มีดีอย่างไร ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สัก 4 ปี เรื่องนี้มีคำตอบ
ฟุตบอลในยุคปัจจุบันสิ่งที่แตกต่างจากวงการฟุตบอลยุคสัก 20 ปีที่แล้วอย่างหนึ่งคือเรื่องของ “เครือข่าย” อ้างอิง จากการบอกเล่าของ เอดู กาสปาร์ เคยระบุว่าสมัยที่เขาย้ายมาอาร์เซนอล ยังแทบจะไม่ค่อยมีสโมสรในยุโรปมากนัก เข้ามาฝากฝังตัวบุคลากร หรือแมวมองของทีมเอาไว้ในทวีปอเมริกาใต้ หรือว่าในบราซิล เต็มที่ก็จ้างในลักษณะของฟรีแลนซ์ มองหานักเตะดีๆ โปรไฟล์น่าสนใจเข้ามายังสโมสรต่าง ๆที่มีการดีลไว้ ในยุคก่อนเรื่องของ “เวิร์ค เพอร์มิต” เป็นเรื่องที่ยุ่งยากกับการเข้ามาทำงานในอังกฤษมาก นักเตะหลายคนต้องพลาดการมาเล่นใน พรีเมียร์ ลีก ก็เพราะในเรื่องนี้ แต่ปัจจุบัน โลกฟุตบอลกว้างยิ่งขึ้น เอดู ระบุว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว สโมสรในอังกฤษ หรือสเปน สโมสรใหญ่ทุกทีมแทบจะมีเครือข่ายเป็นของตนเอง มีระบบการจ้างงานกันอย่างถูกต้อง เป็นกิจลักษณะ และแน่นอนพรีเมียร์ ลีก ก็เริ่มเข้าไปยังชีวิตของคนบราซิล พวกเขาได้ดูพรีเมียร์ ลีก แบบถ่ายทอดสดกันแทบทุกบ้าน ได้เห็นนักเตะระดับชั้นนำหลายคนลงเล่น จากฝันเดิมของเด็กบราซิล อาจจะมองถึงการลงเล่นให้กับสโมสรใหญ่ในบราซิล คว้าแชมป์ โคปา ลิเบอตาดอเรส คัพ และก้าวไปสู่การติดทีมชาติบราซิล เล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย แต่ยุคนี้การได้ก้าวไปสู่ ฟุตบอลยุโรป คือความฝันอีกเส้นทางที่เด็กหลายคนอยากเป็น ทั้งรายได้ ชื่อเสียงที่จะเข้ามา อาจรวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
มาร์ติเนลลี่ เป็นหนึ่งในเด็กที่เติบโตมาในยุค 2000 เขารู้จักฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก มาหลายปีแล้ว และความฝันหนึ่งกับการย้ายมาเล่นในยุโรป คือสิ่งที่ครอบครัว และตัวเขาคาดหวัง
“มันเป็นความฝันสำหรับผม และครอบครัวกับการย้ายมาเล่นฟุตบอลในยุโรป และการได้ลงเล่นกับสโมสรใหญ่อย่าง อาร์เซนอล มันคือโอกาสที่ผ่านเข้ามา และผมไม่ปฏิเสธที่จะไขว่คว้ามัน” มาร์ติเนลลี่ กล่าวในวันเปิดตัวกับ อาร์เซนอล
ในช่วงปี 2014 – 2017 มาร์ติเนลลี่ ซึ่งเข้าสู่ทีมเยาวชนของ อิตัวร์โน่ แล้วเคยได้รับการทาบทามจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้ว ด้วยการสนับสนุนของ จูนินโญ่ เปาลิสต้า ที่มองเห็นในโอกาสของเด็กที่จะได้ก้าวไปสู่ฟุตบอลยุโรปแบบที่เขาเคยสัมผัสมาก่อน มาร์ติเนลลี่ ได้ไปทดสอบความสามารถของตนเองที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 4 ครั้งในรอบ 4 ปี แต่สุดท้ายแล้วการย้ายทีมในเวลานั้นกลับไม่เกิดขึ้น
“ผมได้ลองไปทดสอบความสามารถที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 ครั้งตลอด 4 ปี ตอนผมอายุ 13-16 ปี ผมไปซ้อมที่ศูนย์ฝึกซ้อมของพวกเขา ที่ซึ่งผมได้ลงเล่นลงซ้อมกับนักเตะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างเช่น เมสัน กรีนวู้ด หรือว่า แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ และก็ได้เจอนักเตะทีมชุดใหญ่หลายคนอย่างเช่น ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, ปอล ป๊อกบา, เวยน์ รูนี่ย์ และ ปาทริค เอฟร่า แต่มันไม่เคยมีโมเมนต์อะไรที่พวกเขาจะมีทีท่าเซ็นสัญญากับผมเลย แต่มันก็ทำให้ผมได้เรียนรู้ และปรับตัวอะไรง่ายขึ้นเยอะ แม้ว่าหลังการทดสอบความสามารถจบลง ผมก็ยังเชื่อว่า ผมมีดีพอใจผมมันคิดแบบนั้น ผมเชื่อเช่นนั้น”
ผ่านไปหนึ่งปีหลังการไปร่วมทดสอบความสามารถครั้งสุดท้ายกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร์ติเนลลี่ ก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของ อิตัวร์โน่ และแมวมองจากหลายสโมสรก็เริ่มมีชื่อของเขาในลิสต์ที่น่าสนใจ และหนึ่งในนั้นคือ อาร์เซนอล ซึ่งมีการตั้งทีมแมวมองในอเมริกาใต้ มาหลายปีแล้ว นำโดย เอเวอร์ตอน กูชิเคน ที่ซึ่งได้เห็นฟอร์มการเล่นของเด็กคนนี้ลงเล่นในลีกล่าง พร้อมกับโปรไฟล์ที่น่าสนใจ
“ในปี 2017 มาร์ติเนลลี่ เป็นที่สนใจของอาร์เซนอล เพราะโปรไฟล์ของเขาด้วยส่วนหนึ่ง และผมก็ได้ดูเขาลงเล่นจากการที่อาร์เซนอล แสดงความสนใจชัดเจนว่าอยากรู้จักเขาให้มากกว่าเดิม เขาน่าสนใจมากตรงที่สกิลการยิงประตู และสามารถเล่นได้ทั้งตัวริมเส้น หรือกว่ากองหน้า แต่ที่เด่นที่สุดคือการไปกับบอลด้วยการเลี้ยงบอลที่เร็วมาก เขาน่าสนใจมากเพราะด้วยวัยเพียงเท่านี้ เขามีความสามารถหลายอย่างในตัวคนเดียว”
ในช่วงเวลาแห่งการ “แมวมอง” ของอาร์เซนอล ไม่ใช่พวกเขาหรือว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนใจตัวเขา แต่ยังมี บาร์เซโลน่า ที่อยากได้เขาไปลองดูความสามารถด้วยการเชิญเขาไปยัง ลา มาเซีย ศูนย์เยาวชนของพกวเขา ก่อนที่จะกลับมาที่ อิตัวร์โน่ อีกครั้ง และคราวนี้เขาลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ โคปา เซา เปาโล ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ดีที่สุดรายการหนึ่งในบราซิล และสร้างชื่อเสียงให้กับเขาเป็นอย่างมาก และเป็นรายการเดียวกับที่ กูชิเคน แจ้งไปยัง ฟรานซิส คาจิเกา หัวหน้าแมวมองของสโมสรในเวลานั้น และทำให้ คาจิเกาตัดสินใจบินตรงมายังบราซิล เพื่อดูฟอร์มของนักเตะคนนี้ด้วยตนเอง และก็ไม่ผิดหวัง เพราะแม้ทีมจะตกรอบ 64 ทีมสุดท้าย แต่ มาร์ติเนลลี่ จบทัวร์นาเมนต์ด้วยการเป็นดาวซัลโวของทีม และเหนือกว่าใครในช่วงรอบแบ่งกลุ่มทั้งหมด
“ต้องบอกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีภาษีดีกว่าใครในการเซ็นสัญญากับ มาร์ติเนลลี่ แต่พวกเขาตัดสินใจไม่เซ็นสัญญา ส่วนกับ บาร์เซโลน่า ตัดสินใจที่จะไม่เสี่ยงเดิมพันกับเขาหลังจากที่ทดสอบความสามารถเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้น อาร์เซนอล จึงเดินเรื่องได้ง่ายกว่าเดิม พอจบทัวร์นาเมนต์ โคปา เซา เปาโล 2019 อาร์เซนอล ก็ชัดเจนว่าพวกเขาพร้อมเจรจากับอิตัวร์โน่ สำหรับดีลของมาร์ติเนลลี่ ที่ซึ่งขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ของสโมสรได้แล้ว” กูชิเคนกล่าว
คาจิเกา ตัดสินใจตามดูฟอร์มของเขา โดยให้ กูชิเคน และ โจนาธาน วิดัลล์ สองแมวมองซึ่งทำงานร่วมกับเขา ตามดูผลงานของมาร์ติเนลลี่ต่อไป ในขณะที่เขาเดินทางไปยังลอนดอน เพื่อพูดคุยกับ ราอูล ซาเนฮี ซึ่งเวลานั้นเป็น Head of Football ของอาร์เซนอล เพื่อแจ้งถึงผลงานของดาวรุ่งบราซิเลี่ยน และโน้มน้าวใจให้ อาร์เซนอลเซ็นสัญญากับเขา ก่อนที่จะมีการยื่นข้อเสนอกับ อิตัวร์โน่ อย่างเป็นทางการ การเจรจาสองสโมสรดำเนินต่อไป ท่ามกลางดีลสำคัญอีกด้านที่ คาจิเกา เป็นคนปิดดีลด้วยตนเอง นั่นคือการกลับไปยังบราซิล อีกครั้ง ในฐานะของตัวแทนสโมสรอาร์เซนอล พูดคุยกับตัวนักเตะ และครอบครัว เพื่อโน้มน้าวใจให้นักเตะย้ายมาเล่นฟุตบอลในยุโรป โดย คาจิเกา เคยระบุว่า “การพูดคุย” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการเลือกนักเตะเข้าสู่ทีมเพราะมันจะทำให้ได้ทราบถึงแนวคิดทัศนคติไปจนถึงอุปนิสัยของนักเตะต่อเรื่องฟุตบอลหรือกระทั่งต่อเรื่องของตัวเลขทางการเงินและแน่นอนความมุ่งมั่นของผู้เล่นด้วย
“ฟุตบอล” เป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม เก่งอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องรู้จักเล่นเป็นทีม เล่นเป็นทีมเป็นแล้วก็ไม่เพียงพอถ้าคุณไม่รู้จักรักษาวินัยในตนเอง นั่นคือสิ่งที่ คาจิเกา ระบุว่า มาร์ติเนลลี่ สร้างความน่าประทับใจให้กับเขามากในการสนทนาครั้งนั้น ที่ไม่เกี่ยวกับเงินค่าตัว ค่าเหนื่อยของเขาที่จะได้รับ แต่มันคือเรื่องของ “ฟุตบอล” ล้วนๆที่ทำให้สุดท้ายมาร์ติเนลลี่ผ่านการทดสอบจากแมวมองคนนี้
อาร์เซนอล ปิดดีลกับ อิตัวร์โน่ อย่างเป็นทางการด้วยค่าตัว 6.7 ล้านยูโร สำหรับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่กลายมาเป็นเจ้าของเสื้อหมายเลข 35 คนใหม่ของสโมสรอาร์เซนอลในขณะที่อิตัวร์โน่ได้รับเงินก้อนใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในการซื้อขายของพวกเขา
จากวันแรกที่เข้าสู่วงการฟุตบอลในวัยเพียง 11 ปี ผ่านมาเพียง 6 ปี เขาคือ นักเตะ ของสโมสรชั้นนำในพรีเมียร์ ลีก ประเทศอังกฤษ ที่นักเตะบราซิลนับล้านฝันถึงเรียบร้อยแล้ว
โปรดติดตามตอนจบได้ในวันพรุ่งนี้….