เมื่อวานนี้เป็นการฉลองครบรอบวันเกิดครบ 40 ปี ของ ริคาร์โด้ กาก้า อดีตนักเตะทีมชาติบราซิล และเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ในปี 2007 เลยมีการพูดถึงหนึ่งในการซื้อขายนักเตะที่เกี่ยวข้องกับตัวเขามาให้อ่านกัน
“ริคกี้” เป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 2002 แต่มีส่วนร่วมเพียง 25 นาทีเท่านั้นตลอดทัวร์นาเมนต์ เขาไม่ใช่ตัวหลัก แต่เขาคือตัวประกอบที่น่าสนใจ ในวันนั้นเขาเพิ่มอายุ 20 ปี เด็กหนุ่มจากสโมสร เซา เปาโล
หลังการคว้าแชมป์โลกเขายังไม่ได้ย้ายทีมไปไหน เขายังคงลงเล่นกับ เซา เปาโล ต่อไป และนั่นทำให้เขาได้รู้จักกับ กาเอตาโน่ เปาลิลโล่ ซึ่งต่อมาคือเอเยนต์ของเขา
“เขาเพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บ แต่เกมนั้นเขาฟอร์มดีมากยิงประตูได้ และก็ทำแอตซิสต์ได้ด้วย มันน่าจะมากกว่าแอตซิสต์เดียวด้วยซ้ำในเกมนั้น ถ้าเพื่อนร่วมทีมเฉียบคมอีกหน่อย” เปาลิลโล่ กล่าวกับสิ่งที่เห็นครั้งแรกกับ กาก้า ในเดือนพฤษภาคม ปี 2003
“ผมรีบไปแนะนำตัวกับคุณพ่อของเขา และถามเกี่ยวกับว่า ลูกชายของเขามีความฝันอยากเล่นฟุตบอลในยุโรปไหม และทีมไหนที่เขาอยากจะไปลงเล่นด้วย”
“เอซี มิลาน คือคำตอบที่ผมได้รับกลับมา”
เปาลิลโล่ บอกกับครอบครัวของ กาก้า ว่า เขาขอเวลา 30 วัน ในการที่ทำให้ฝันของกาก้าเป็นจริง เขาติดต่อไปยังสโมสร เอซี มิลาน เพื่อจะพูดคุยความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ แต่มันก็ไม่ง่ายนัก เพราะในเวลานั้น มิลาน มีทั้ง มานูเอล รุย คอสต้า และ ริวัลโด้ ซึ่งลงเล่นในตำแหน่งเดียวกับ กาก้า
“ผมเคยได้รับข้อเสนอจาก อินเตอร์ มิลาน เช่นกัน แต่เวลานั้น เฮคตอร์ คูเปร์ ผู้จัดการทีมของพวกเขา ไม่มั่นใจว่าจะใช้งานนักเตะในระบบ 4-4-2 ตรงไหนกันแน่ ว่ากันตามตรงเลยนะ ไม่มีใครสนใจเขาอยากจริงจัง เหมือนที่ผมเห็นว่าเขาเป็นเด็กที่มีความสามารถ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีกับ มิลาน เพราะ เลโอนาร์โด้”
“เลโอ” อดีตดาวเตะทีมชาติบราซิลชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1994 ในช่วงสุดท้ายของการเล่นฟุตบอลอาชีพเขาทำงานกับมิลานในฐานะของแมวมองและเอเยนต์ให้กับสโมสรในบราซิลและเขาเป็นหนึ่งในคนที่แนะนำให้มิลานเซ็นสัญญากับกาก้าเข้าร่วมทีม
“เขายืนยันกับบอร์ดมิลานว่า กาก้า จะเป็นอนาคตที่ยอดเยี่ยมของสโมสร เอซี มิลาน หลังจากนั้นการเซ็นสัญญาก็เกิดขึ้น”
กาก้า เซ็นสัญญาด้วยค่าตัว 8.5 ล้านยูโร กลายเป็นนักเตะหมายเลข 22 ของเอซี มิลาน อย่างเป็นทางการ และตลอด 6 ปีกับ มิลาน เขาช่วยให้ มิลาน ได้แชมป์เซเรีย อา หนึ่งสมัย แชมเปี้ยนส์ ลีก หนึ่งสมัย รวมถึง ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ ฟีฟ่า คลับ เวิล์ด คัพ อีกอย่างละสมัย
แน่นอนรวมถึงรางวัล บัลลงดอร์ ในปี 2007 ยิ่งทำให้เขาเจิดจรัสในวงการฟุตบอลในเวลานั้น
“เรอัล มาดริด ติดต่อมาหาผมทุกปีเกี่ยวกับความเป็นไปได้ว่า กาก้า จะย้ายทีมหรือไม่ ซึ่งคำตอบที่ได้รับจากมิลาน คือพวกเขาไม่ต้องการปล่อยตัวนักเตะออกจากทีม กาก้าเองก็มีความสุขกับชีวิตในมิลานมาก”
“เขากำลังสร้างครอบครัวอย่างมีควมสุขทั้งตัวเขาเอง และครอบครัว”
จนกระทั่งในปี 2008 มิลานก็เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับการเงิน และมีข่าวเกี่ยวกับการปล่อยตัวนักเตะออกจากทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมแรกที่ยื่นข้อเสอเข้ามาด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร ในตลาดมกราคม 2009 มิลานรับข้อเสนอนั้น แต่เป็นนักเตะเองที่ปฏิเสธข้อเสนอนั้นไป จนกระทั่งในช่วงปิดฤดูกาล เรอัล มาดริด ก็กลับมาอีกครั้ง
“มิลานต้องการปล่อยตัวเขา และเรอัล มาดริด ก็เข้ามาพร้อมกับข้อเสนอที่ยอดเยี่ยม ตอนนั้น อาเดรียโน่ กัลเลี่ยนี่ ผู้บริหารระดับสูงของมิลาน ไม่ต้องการขายเขาออกจากทีม แต่น่าเสียดายที่ทุกไม่ได้ขึ้นกับตัวเขา”
“เรอัล มาดริด ก็คือ เรอัล มาดริด เราจะไม่กล่าวถึงสโมสรอื่น แต่สิ่งที่เขาประสบความสำเร็จในสเปน มันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เขาได้รับกับ เอซี มิลาน หลายครั้งที่พวกเขาต้องการให้กาก้า ออกจาก ฟุตบอลอิตาลี มาเล่น ฟุตบอลในสเปน กับพวกเขา มีหลายครั้งที่พวกเขามองหาโอกาสเซ็นสัญญาด้วย จากยุคของ ฟรังโก้ บัลดินี่ มาจนถึง เปแดร็ก มิยาโตวิช ที่เข้ามาเจอกับผม และคุณพ่อของกาก้า”
“กาก้าชัดเจนกับสิ่งที่เขาปรารถนานั่นคือการได้แชมป์กับ เอซี มิลาน อยู่กับทีมต่อ เขาย้ำมันทุกครั้งในเรื่องนี้”
“ตอนปี 2009 หลังจากลงเล่นเกมสุดท้ายของฤดูกาลนั้น ผมจำได้ว่าเขาเก็บของเตรียมไปลงเล่นกับทีมชาติบราซิลต่อ ผมไปส่งเขาที่สนามบิน ผมยังจำได้กับสิ่งที่เขาพูดกับผมว่า “แล้วพบกันที่มิลาน” แล้วก็ออกเดินทาง…แต่สุดท้ายกลายเป็น เอซี มิลาน เองที่ตัดสินใจปล่อยตัวเขาให้กับ เรอัล มาดริด”
สองวันหลังการบินไปบราซิลของกาก้า มิลาน ตัดสินใจปล่อยตัวเขาสู่วงการฟุตบอล สเปน
“เขาไม่เคยต้องการย้ายทีมเลยสักครั้ง การได้เงินมหาศาลของเขากับ เรอัล มาดริด มันไม่ใช่ประเด็นหลัก เขาเป็นที่รักของแฟนบอล และมีความสุขมากที่มิลาน แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เกิดขึ้น” เปาลิลโล่ กล่าว
“เราไม่สามารถทำให้มิลานต้องเสียเงินประมาณ 70 ล้านยูโรไปได้ การย้ายทีมของกาก้า เป็นเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินทั้งสิ้น” อาเดรียโน่ กัลเลียนี่ กล่าวถึงการปล่อยตัวในครั้งนั้น
กาก้า กลายเป็นนักเตะเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 67 ล้านยูโรพร้อมสัญญาหกปีกับสโมสร
กลายเป็นนักเตะที่แพงที่สุดเพียงไม่กี่วันหลังการเปิดตัวกับเรอัลมาดริดเพราะอีกไม่กี่วันคริสเตียโน่โรนัลโด้และก็เป็นสตาร์โปรตุกีสที่ได้คว้าตำแหน่งนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกในปีนั้นไปครองเช่นเดียวกับผลงานในสนามที่กาก้าต้องเจอกับสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ
เขามีปัญหาทั้งในเรื่องของการปรับตัว และอาการบาดเจ็บที่ต้องผ่าตัดหัวเข่าพักยาวถึง 8 เดือนเต็ม หลังการย้ายมาเพียงไม่ถึงหนึ่งฤดูกาล เขากลายเป็นนักเตะที่ไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้แบบที่ต้องการกับสี่ปีที่นั่น
แม้การกลับมาสู่ มิลาน อีกครั้งในปี 2013-2014 จะเหมือนไปได้สวยเมื่อเขาได้ฉลองการยิงครบ 100 ประตูให้กับสโมสร แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่ใช่ กาก้าคนเดิม แบบในวันนั้นอีกเลย ก่อนสุดท้ายจะตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ กับสโมสร ออร์แลนโด้ ซิตี้ สโมสรในเมเจอร์ ลีก สหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปี 2017
ทุกวันนี้ กาก้า ไม่ได้รับงานในสโมสรใดทั้งสิ้น แต่เขายังคงอยู่ในวงการฟุตบอล จากการที่เราได้เห็นเขาอยู่ในสื่อมวลชนบ่อยครั้ง ล่าสุดเขาปรากฎตัวเพื่อร่วมงานจับสลากแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ซึ่งเขาระบุว่าเขาสนใจที่จะเข้ามาชมเกมของทีมชาติบราซิลที่กาตาร์ด้วยในช่วงปลายปีนี้