การจากไปของ มิโน่ ไรโอล่า “ซูเปอร์เอเยนต์” ที่ดังที่สุดคนหนึ่งของวงการเอเยนต์นักเตะ สร้างความตกใจกับการจากไปของเขาบนวัย 54 ปี
เขาต่อสู้กับอาการป่วยซึ่ง เลอกิ๊ป สื่อในฝรั่งเศสระบุว่าเป็นอาการเกี่ยวกับปอดที่ทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษา และผ่าตัดมาตั้งแต่ในช่วงต้นปี 2022 ที่โรงพยาบาล ซาน รัฟฟาเอล ในเมืองมิลาน และนั่นคือสถานที่สุดท้ายบนโลกนี้ของเขา
เอเยนต์ผู้เกิดในอิตาลี ก่อนย้ายไปใช้ชีวิตในเนเธอร์แลนด์ และเริ่มต้นเข้าสู่วงการผู้ดูแลผลประโยชน์ของนักเตะตั้งแต่เป็นวัยรุ่น หลังจากที่เขามองแล้วว่าการเล่นฟุตบอลไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับตัวเอง เขาผู้ซึ่งครอบครัวเปิดร้านอาหาร และเขาคือพนักงานเสิร์ฟในร้าน ที่ไม่อยากให้ตัวเองต้องมาเป็นแบบที่เป็นจนตาย เลือกจะลงเรียนด้านกฎหมาย และภาษาเพิ่มเติมว่ากันว่า ไรโอล่า สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษาจนถึงวาระสุดท้ายของเขา
จากการเป็นส่วนหนึ่งในบริษัทเอเยนต์นักเตะดัตซ์ที่ย้ายไปเล่นในอิตาลีหลายต่อหลายคนในช่วงปลายทศวรรษที่ 80 ต่อยอดมาจนถึงต้นทศวรรษที่ 90 นาโปลี คือทีมโปรดของเขาที่เขาพูดว่านี่คือ “ทีมในดวงใจ” และในดีลแรกๆของเขากับการนำตัวเดนนิสเบิร์กแคมป์กองหน้าอาแจ็กซ์อัมสเตอร์ดัมณเวลานั้นย้ายไปเล่นในเซเรียอาอิตาลีสโมสรแรกที่เขาเสนอชื่อของเบิร์กแคมป์ไปร่วมงานด้วยคือนาโปลี
“ผมโทรหาประธานสโมสรนาโปลี เกี่ยวกับการซื้อขายนักเตะเนเธอร์แลนด์ ผมเสนอชื่อของ เดนนิส เบิร์กแคมป์เข้าไปให้กับเขาด้วยค่าตัว 700 ล้านลีร์ (สกุลเงินเก่าของอิตาลี ก่อนเปลี่ยนมาใช้เงินยูโร) เขาลังเลและปฏิเสธ ก่อนที่ในปี 1993 เขาจะกลับมาหาผมและเสนอเงินมากกว่านั้นสองเท่า แต่ไม่ทันแล้ว ผมปล่อยนักเตะไปเล่นกับ อินเตอร์ มิลานแล้ว”
เขาสร้างชื่อเสียงเอาไว้อย่างมากมายในฐานะของเอเยนต์ฟุตบอลคนดังมีหลายดีลที่เกิดขึ้นจากเขา นักเตะ ระดับชั้นนำของวงการฟุตบอลหลายต่อหลายคนอยากได้เขาเป็นผู้ดูแล แม้กระทั่ง เออร์ลิง เบร้าส์ ฮาแลนด์ เด็กหนุ่มที่กำลังจะก้าวมาเป็นดาวดังในอนาคต ที่น่าเสียดายว่าดีลการย้ายทีมครั้งใหญ่ของเด็กคนนี้ ไรโอล่า ไม่ได้เห็นปลายทางของเรื่องราวเสียแล้ว
หากพูดถึงไรโอล่า หลายคนจะคิดถึงดีลของ ปอล ป๊อกบา ที่สนั่นวงการฟุตบอล ชื่อของเขาดังไปทั่วโลก แต่ไม่ได้รับการต้อนรับที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กล่าวอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมว่า เขามีเอเยนต์1-2 คนที่ไม่ชอบหน้า หนึ่งในนั้นคือ มิโน่ ไรโอล่า เช่นเดียวกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ต้องเรียกว่า “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ” หลังการปะทะคารมผ่านสื่ออย่างรุนแรงหลายครั้งเกี่ยวกับการไม่ใช้งาน อิบราฮิโมวิช สมัยลงเล่นกับบาร์เซโลน่า ยังไม่รวมถึงองค์กรใหญ่อย่าง FIFA ที่ก็เคยมีเรื่องพิพาทกันมาแล้ว เรื่องเกี่ยวกับงานของเอเยนต์ และส่วนแบ่งในการดีลธุรกิจของนักเตะ
แต่สำหรับบางคน ไรโอล่า คือพี่ชาย คือเพื่อนแท้ และคือคนในครอบครัว คน ๆ นั้นคือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่พบกันในปี 2003 และเป็นความสัมพันธ์ที่ยาวนานตลอด 19 ปีของพวกเขา และมีรายงานจากสื่ออิตาลีระบุว่า “อิบรา” ออกจากสนามซ้อมที่มิลานเพื่อมาหาไรโอล่าถึงโรงพยาบาล ซาน รัฟฟาเอล ในเมืองมิลาน หลังจากที่เขาทราบถึงอาการป่วย และได้เข้าเยี่ยมเขาด้วย ก่อนที่ไรโอล่าจะเสียชีวิตในที่สุด โดยคาดว่า อิบราฮิโมวิช จะขอเวลาส่วนตัวในการทำใจกับเรื่องนี้ และจะยังมีชื่ออยู่ในทีมที่พบกับ ฟิออเรนติน่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล
“ผมไม่แน่ใจนักว่าผมเจอกับ ซลาตัน วันแรกที่ไหน แต่ผมจำได้ว่าผมชอบทัศนคติของเขา และผมคิดว่ามันมีบางอย่างที่ลงตัวระหว่างเรา ผมได้รู้ว่าเขาเป็นคนที่หยิ่งผยองมากคนหนึ่ง แต่ที่เหลือที่เขาแทบจะเหมือนกับผมเลย”
“ตอนนั้นผมเป็นเอเยนต์ให้กับ แม็กซ์เวลล์ อยู่ก่อนแล้ว และเขาก็เป็นคนบอกผมว่าให้โทรหาซลาตัน แต่ผมบอกกลับไปว่า ถ้าซลาตันต้องการอะไรให้โทรมาหาผมแทน ช่วงแรกที่ผมได้เจอกับเขา เขาเหมือนกับงานศิลปะชิ้นเอกที่สร้างเสร็จแล้วเพียงครึ่งเดียว แต่ผมมั่นใจว่าเขาจะมีอะไรพิเศษอีกแน่ เหมือนคุณเห็นงานครึ่งเดียวของโมนา–ลิซ่า คุณก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือโมนา–ลิซ่า คุณค่าของซลาตันก็ไม่ต่างกัน ผมรู้ว่าเขาเล่นฟุตบอลแบบไหน ผมรู้ว่าเขามาจากครอบครัวอพยพ รู้ว่าเขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลตามข้างถนน เขาเหมือนกับผม สิ่งที่แสดงออกมามันคือหนึ่งในการปิดบังตัวตนของตนเอง” ไรโอล่า กล่าวในหนังสือ Zlatan Ibrahimovic : I AM FOOTBALL
ขณะที่ อิบราฮิโมวิช ก็กล่าวถึงไรโอล่าเช่นเดียวกันในวันแรกที่ได้พบกัน หลังจากที่เขาโทรหาไรโอล่าในเวลาต่อมา หลังการสนทนาจบลงไม่นาน เขาก็ย้ายมาให้ ไรโอล่า ดูแลเขาในฐานะของเอเยนต์ส่วนตัว
“ผมจำได้ว่าผมถามนักข่าวในเนเธอร์แลนด์ว่ามีเอเยนต์แนะนำไหม เพราะตอนนั้นสถานการณ์ของผมมันไม่ได้อยู่ในการควบคุมแบบที่ผมต้องการ ไม่นานนักเขาก็ส่งชื่อของ เอเยนต์ที่ดูแล เดวิด เบ็คแฮม กับเอเยนต์ชาวอิตาลีที่คิดว่าผมจะเข้ากันได้ดี และนั่นคือมิโน่ ไรโอล่า”
“การเจอกันครั้งแรก เขาเอาเอกสารออกมาให้ดูมันเป็นเอกสารที่เขาบอกว่านี่คือนักเตะชั้นยอด และสถิติชั้นยอด เขาเอาให้ดูว่า อันเดร เชฟเชนโก้ 25 เกม 23 ประตู, ฟิลิปโป้ อินซากี้ 27 เกม 25 ประตู, คริสเตียน วิเอรี่ 24 เกม 23 ประตู และ อิบราฮิโมวิช 21 เกม 4 ประตู…ผมจะขายคุณยังไงวะถ้าคุณมีสถิติแบบนี้ ผมเลยบอกว่าผมเชื่อในตัวผม เชื่อมั่นมาก ถ้าผมมีสถิติแบบนี้ ผมก็คงไม่ต้องการเอเยนต์ที่ไหนหรอก แม่ผมก็ขายผมได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องการเอเยนต์ ไรโอล่าก็หัวเราะออกมาเลยกับสิ่งที่ผมพูด”
“ผมบอกกับเขาว่า ผมต้องการทำงานกับคุณ แต่มันไม่ได้ผลนะ ไรโอล่าบอกผมกลับมาว่า ไปใช้เวลาคิดสักหน่อย ไปทบทวนให้แน่ใจ แล้วค่อยกลับมาบอกว่าต้องการอะไรกับเขาอีกครั้ง ผมขับรถกลับบ้าน มันเป็นเวลา 20 นาทีในรถที่ผมรู้สึกหงุดหงิดมาก ผมรู้สึกว่าผมชอบเขา อยากทำงานด้วย มันก็แค่คลิ๊กกัน ผมอธิบายอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว หลังจากนั้นผมก็เลยโทรกลับไปหาเขาแล้วก็บอกว่า ช่วยฟังผมอย่างตั้งใจด้วยนะ ผมรู้ว่าเมื่อผมต้องการอะไร ผมต้องการร่วมงานกับคุณ เราสามารถเริ่มงานกันได้เลยถ้าคุณต้องการ มันไม่ต้องเสียเวลา 2-3 วันหรอก เพราะผมรู้แล้วว่าผมต้องการอะไร”
“ในชีวิตนี้ผมไม่มีอะไรจะโต้เถียงกับใครมากมายเท่ากับที่ต้องเถียงกับ มิโน่ ไรโอล่า แต่ทุกวันนี้เขาไม่ใช่แค่พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เขาคือเพื่อนที่ยอดเยี่ยมที่สุด คือคนที่แนะนำหลายอย่างในชีวิตของเขา เขามีความหมายสำหรับผมมากเหลือเกิน”
ไรโอล่า เคยกล่าวไว้ว่าสำหรับเขาแล้ว มันไม่มีความสุขหรอกที่ถูกเรียกว่าเป็นพวกปรสิตคอยดูดเลือดเนื้อ และหาผลประโยชน์จากนักเตะ
“ผมคงโกหกแหละถ้าบอกว่าผมไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องเหล่านั้น คุณตัดสินผมได้อย่างไรว่าผมเป็นเอเยนต์ที่ดีของอิบราฮิโมวิชหรือเปล่า คนเดียวที่จะตัดสินได้คืออิบราฮิโมวิช เขาคนเดียวเท่านั้น”
“ผมไม่ได้มีพลังอำนาจโน้มน้าวใจอะไรทั้งนั้น ผมมีหน้าที่เอาดีลที่ดีที่สุดมาให้กับนักเตะของผมแค่นั้นจบ ที่เหลือคือการช่วยเหลือลูกค้าของผมมาให้มากที่สุด และมันก็เป็นงานที่ผู้คนไม่รู้หรอกว่ามันต้องทำอะไรบ้าง นักเตะทุกคนที่อยู่กับผมไม่เคยมีใครมาเรียกผมว่า ปรสิต ผมคือคนที่ทำงานกับพวกเขา และผมแคร์ว่าพวกเขาเรียกผมว่าอะไรมากกว่า”
ในชีวิตคนหนึ่งคน…ว่ากันว่าในวันที่ต้องจากโลกนี้ไป เราคิดถึงอะไร เราจะหลับตาครั้งสุดท้ายไปพร้อมกับความรู้สึกนั้น เช่นเดียวกันในวันที่มีชีวิตอยู่ คุณต้องการให้คนจดจำอะไรในวันที่คุณจากไป จงปฏิบัติตนแบบนั้นในวันที่ยังคงมีชีวิตอยู่
มิโน่ ไรโอล่า อาจเป็น “ปรสิต” สำหรับวงการฟุตบอลและหลายสโมสร อาจเป็น “คนโลภ” คนหนึ่งในสายตาของแฟนบอลจำนวนมาก แต่ในเวลาเดียวกันเขาคือ “ลูกที่รัก” ของพ่อแม่ “เพื่อนที่ดี” ของใครหลายคน และแน่นอน “เอเยนต์ที่ดีที่สุด” สำหรับลูกค้าของเขา
ด้วยความเคารพและระลึกถึง ขอบคุณที่เข้ามาทำให้วงการฟุตบอลมีสีสัน และหลากหลายเรื่องราวตลอดเส้นทางของคุณ…มิโน่ไรโอล่าหลับอย่างสงบชั่วนิรันดร์