เมซุต เออซิล (33 ปี สัญญาถึงกลางปี 2024) กองกลางของสโมสรเฟห์เนบาเช่ ออกมากล่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของตนเองในทีม และยืนยันว่าเขาต้องการเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพกับสโมสรจากตุรกี
เออซิล หลุดจากทีมมาตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2022 เป็นต้นมา หลังจากที่เขาตกเป็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องของ “ผลงานที่ไม่ได้ตามเป้าหมายของสโมสร และการจ่ายค่าแรงที่ไม่ได้รับของนักเตะ” ที่มีการออกมากล่าวปฏิเสธจากสโมสรแล้วอย่างไรก็ตามล่าสุด เออซิล ก็มีการทวิตในเรื่องนี้ออกมา หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมาเราจะได้เห็นเขาเดินทางไปยังอินโดนีเซียเพื่อพักผ่อน ก่อนจะเห็นหน้าเขาอีกครั้งอยู่ในสนาม สต๊าด เดอ ฟรองซ์ ในฐานะแฟนบอลเรอัล มาดริด โค่นลิเวอร์พูล คว้า “บิ๊ก เอียร์” เป็นสมัยที่ 14 ของสโมสร
“ผมได้มีการออกแถลงการณ์ออกมาเมื่อไม่นานนี้เกี่ยวกับเรื่องของเส้นทางอาชีพของตัวเอง ผมได้บรรลุเป้าหมายของผมกับการเซ็นสัญญาสามปีครึ่งกับเฟห์เนบาเช่ สโมสรที่เป็นความรักของผมมาตั้งแต่เด็ก โดยปราศจากการได้รับค่าแรงในช่วง 6 เดือนแรก”
“ผมต้องการย้ำอีกครั้ง ผมจะไม่เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพกับสโมสรใดนอกจาก เฟห์เนบาเช่ สำหรับช่วงเวลาที่เหลือภายในสัญญาของผม เป้าหมายของผมคือการเสียเหงื่อภายใต้สีเสื้อของสโมสรแห่งนี้ การตัดสินใจนี้ชัดเจนและเป็นที่สุดแล้ว”
“ตามข้อกำหนดของเส้นทางอาชีพ ถ้าฝ่ายบริหารได้ทำการตัดสินใจเกี่ยวกับตัวผมแล้ว ผมจะเคารพในทัศนคติดังกล่าว ผมจะทำงานหนัก และเตรียมตัวเองให้พร้อม อย่างที่ผมบอกเสมอ เป้าหมายหลักคือเฟห์เนบาเช่ ด้วยความรักและเคารพแด่แฟนบอลเฟห์เนบาเช่” นั่นคือข้อความล่าสุดของเขาที่ออกมา
มาดูผลงานของเออซิลกันก่อนในเรื่องนี้ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า การย้ายออกจากอาร์เซนอลของเขาในเดือนมกราคม 2020 สู่เฟห์เนบาเช่ ทำให้ชื่อของเขาในหน้าสื่อลดลงไปค่อนข้างมาก เมื่อลงเล่นในลีกที่ได้รับความนิยมน้อยลง
มกราคม 2020 – จบฤดูกาล 2020-2021 เออซิล ลงสนามไปเพียง 11 เกมทำได้ 1 แอตซิสต์เฟห์เนบาเช่จบฤดูกาลด้วยอันดับสามในลีก
ฤดูกาล 2021-2022 ที่เพิ่งจบไป เออซิล ลงสนาม 26 เกม 9 ประตู 2 แอตซิสต์ นับเฉพาะตัวจริงลงเล่นไป 16 เกมในทุกรายการแข่งขัน เป็นปีที่เขามีอาการบาดเจ็บประปรายทั้งพักระยะสั้น และระยะกลาง รวมถึง 2-3 ครั้งในฤดูกาลนี้ และแน่นอนเขาโดนตัดออกจากทีมในช่วงท้ายฤดูกาล ส่วน เฟห์เนบาเช่ จบด้วยรองแชมป์ลีก
ตลอด 18 เดือนที่ผ่านมาตามข้อมูลอ้างอิงจาก GOAL.com ระบุว่า เออซิล รับค่าเหนื่อย 2.5 ล้านปอนด์ต่อปีกับ เฟห์เนบาเช่ ลดลงไปประมาณ 5-6 เท่าจากสมัยเล่นกับอาร์เซนอลในสัญญาฉบับสุดท้ายกับทีมปืนใหญ่ โดยหารเป็นรายสัปดาห์แล้ว เออซิลรับค่าเหนื่อยประมาณ 52,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ขณะที่เฟห์เนบาเช่ มีการเปลี่ยนโค้ชถึง 4 คน เริ่มต้นจาก เอรอล บุลลุท โค้ชคนแรกที่เออซิลร่วมงานด้วย ตามมาด้วย เอ็มเร่ เบโลโซกลู ที่มารับงานชั่วคราว ขึ้นฤดูกาลใหม่พวกเขาแต่งตั้ง วิคเตอร์ เปย์เรร่ามารับงานก็อยู่ได้ 6 เดือนก็โดนปลดออกจากทีม และมาเป็น อิสมาลี คาทาล โค้ชชาวเติร์ก ผู้ซึ่งใส่ชื่อคำว่า “ตำนาน” สโมสรก็ไม่ผิดเพราะลงเล่นกับเฟห์เนบาเช่มานานถึง 10 ปี ตั้งแต่ปี 1983-1993 และกับเขาคนนี้ที่ทำให้ เออซิล เจอกับปัญหาอีกครั้ง
ตามรายงานจาก บิลด์ สื่อในเยอรมันระบุว่า การที่เออซิลโดนตัดออกจากทีมในช่วงปลายเดือนมีนาคม (นับเกมแรกที่โดนตัดออกจากทีมคือ 2 เมษายน 2022) มีการระบุว่า หลังเกมกับ คอนยาสปอร์ ซึ่งเป็นเกมล่าสุดก่อนเออซิลจะโดนตัดออกจากทีม เกมนั้นพวกเขาเอาชนะไปได้ 2-1 แต่เออซิลลงเล่นแค่ 45 นาทีในครึ่งแรกและโดนเปลี่ยนตัวออกหลังจบเกมมีการระบุว่าเออซิลได้ทะเลาะกับคาร์ทาลอย่างรุนแรงถึงขั้นที่ว่าเออซิลปารองเท้าสตั๊ดลงกับพื้นด้วยความไม่พอใจและนั่นนำมาซึ่งการโดนตัดออกจากทีมรวมไปถึงโอซานตูฟานกองกลางอีกคนของทีมซึ่งคาดว่าจะเกิดจากกรณีเดียวกันและก็หลุดออกจากทีมแบบเดียวกันจนถึงวันนี้
คาร์ทาลเข้ามารับงานคุมเฟห์เนบาเช่ในเดือนมกราคม 2022 หรือประมาณ 2 เดือนกว่า ๆ ก่อนที่จะมีประเด็นกับเออซิล ก็ออกมากล่าวกับสื่อหลังเกมแรกที่เขาตัดเออซิลออกจากทีม ในขณะเดียวกันก็ออกมาปฏิเสธเรื่องเกี่ยวกับที่ว่าทีมติดหนี้เออซิลก็ไม่เป็นความจริงเช่นเดียวกัน
“ผมจะไม่มีการแถลงการณ์อะไรเกี่ยวกับผู้เล่นของทีมต่อหน้าสื่อมวลชน ฝ่ายบริหารได้ทำการตัดสินใจลงไปแล้ว เราไม่สามารถพูดอะไรต่อหน้าสื่อได้ นี่คือปัญหาของครอบครัว ปัญหาของทีม ส่วนข่าวที่ว่าเออซิลไม่ได้ลงเล่นเพราะสโมสรติดหนี้กับเขา ไม่ได้รับการจ่ายเงินจากทีมมันเป็นเรื่องที่ไม่มีข้อเท็จจริงอ้างอิง เราเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาหลายครั้งแล้ว กับการเจอกับข่าวปลอมที่สร้างขึ้นมาเอง ทีมอาจจะเจอกับสภาพเศรษฐกิจการเงิน แต่การจ่ายเงินยังคงสามารถดำเนินได้ตามปกติ” คาร์ทาล กล่าวหลังเกมกับ คอนยาสปอร์ เกมแรกที่เออซิลโดนตัดออกจากทีม
“การทำงานแบบเป็นครอบครัว” ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน เป็นเพียงภาพลักษณ์ที่สร้างบรรยากาศในการทำงานบนพื้นฐานของความเป็นมืออาชีพ ทีมฟุตบอลอาชีพ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามันคือ “อาชีพ” ดังนั้น เป้าหมายของทีมคือเป้าหมายสูงสุด และขึ้นชื่อว่า “ทีม” คือเรื่องคนของกลุ่มคนไม่ใช่ “คนใดคนหนึ่ง” ไม่เว้นว่าคนๆนั้นจะเป็นนักเตะอย่างเมซุตเออซิลก็ตาม
ชีวิตที่ เฟห์เนบาเช่ ไม่มีเออซิล รวมถึงตูฟาน ทีมยังคงเดินหน้าไปได้ดีตลอด 8 เกมที่เหลือในฤดูกาล 2021-2022 นับจากเกิดเรื่องทีมไม่แพ้ใครเลย โดยชนะ 6 เสมอ 2 แม้จะไม่ดีพอต่อการคว้าแชมป์แต่ก็ดีพอให้ทีมกลับไปอยู่ในพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้า
ในช่วงเดือนเมษายนจนกระทั่งจบฤดูกาลที่ผ่านมา เออซิล ไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ใดเลยจนกระทั่งมีการทวิตข้อความออกมาเมื่อวานนี้ ที่ผ่านมามีเพียง เออร์กุน โซกัต ผู้ซึ่งเป็นเอเยนต์ของเขาออกมากล่าว 2-3 ครั้ง ซึ่งทั้งหมดพูดถึงสองประเด็น คือเรื่องการย้ายทีม ที่นักเตะไม่ต้องการย้ายออก และข่าวการกลับมาเล่นในพรีเมียร์ ลีก ซึ่งก็ไม่ปฏิเสธที่จะทิ้งโอกาสกลับไป แม้ว่าจะย้ำว่า เออซิล คือนักเตะอาร์เซนอลเสมอแม้จะออกจากทีมไปแล้วก็ตาม รวมถึงยืนยันว่า 6 เดือนแรกของการย้ายมาเล่นในตุรกี เออซิลเล่นแบบไมได้รับค่าแรงแต่อย่างใด
มองสถานการณ์ถึงตรงจุดนี้ ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ใครโกหกใครกันแน่ โดยเฉพาะเรื่องของเงินที่เป็นประเด็นว่าแท้จริงแล้ว 6 เดือนแรกของการย้ายมาเล่นในตุรกีตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตามการที่ เออซิล มีปัญหากับโค้ชตามคำกล่าวอ้างจากสื่อเป็นครั้งที่สามในรอบสองปี ทั้งกับอูไน อเมรี่ และ มิเคล อาร์เตต้า ที่อาร์เซนอล ตามด้วยล่าสุดกับ อิสมาอิล คาร์ทาล มันก็สามารถมองไปถึงเรื่องที่ว่า เออซิล มีปัญหาที่ตัวเขาเองหรือไม่เช่นกัน
ด้วยความเคารพต่อผลงานของเออซิลกับ อาร์เซนอล ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา เขาได้รับการดูแลในระดับ “ดาวเด่น”ของทีมมาตั้งแต่ยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ ชื่อของ เออซิล คือ 11 ตัวจริงในทีมแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะอย่างไรถ้าไม่เจ็บไม่แบน ทุกเกมที่มีความหมายต่อทีม เออซิล ตัวจริงทันที แต่นับจากนั้นเป็นต้นมา นับจากการออกจากทีมของเวนเกอร์ มาสู่ยุคของสองผู้จัดการทีมชาวสเปนที่อาร์เซนอล เออซิล ถูกปฏิบัติในแบบ “นักเตะคนหนึ่งในทีม” อย่างชัดเจน ทั้งสองคนกล้าดรอปเออซิลออกจากทีมตามความเชื่อที่ว่า ทีมมีคนที่ดีกว่าเล่นได้ตามแผนการเล่นที่พวกเขาตั้งใจไว้บนเป้าหมายคือพาทีมชนะให้ได้ แน่นอน อูไน อเมรี่ ล้มเหลว เออซิลไม่มีชื่อในทีม ทีมผลงานไม่ดี สุดท้ายคนที่ไปคืออูไน อเมรี่ ไม่ใช่เออซิลที่กลับมาเป็นตัวจริงในยุคต่อมา
มิเคล อาร์เตต้าเข้ามารับงานแทน ก็เริ่มต้นด้วยการเลือกใช้งานเออซิล ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมกันมาก่อนด้วยในช่วง 2-3 เดือนแรกของการคุมทีม อย่างไรก็ตามหลังการพักเบรคกระทันหันจากการระบาดของโควิด-19 กลับมาอีกครั้งเขาหลุดออกจากทีม และก็หลุดยาวไปจนถึงการออกจากทีมไปในเดือนมกราคม 2021 โดยมีประเด็นเรื่องของการที่ เออซิล เป็นหนึ่งในคนที่ต้องการความชัดเจนเรื่องของการตัดเงินเดือนนักเตะ
ในช่วงโควิด-19 ไปจนถึงเรื่องของการจ้างงาน กันเนอร์สเซารัส ทั้งที่สโมสรมีข่าวว่าจะตัดงบประมาณส่วนนี้ออกในช่วงที่สถานการณ์โรคระบาดวิกฤตหนักในอังกฤษ และการกล่าวเกี่ยวกับกลุ่มคนชาวอุยกูร์ และประเทศจีน เป็นหนึ่งในเคสซึ่งทุกวันนี้ยังไม่มีการพูดถึงอีกเลยจากปากของ อาร์เตต้า และเออซิล เองโดยตรง มีเพียงอาร์เตต้าที่ยืนยันว่า เขาเลือกด้วยเหตุผลด้านฟุตบอลเท่านั้น และมาถึงวันนี้อาร์เซนอล เดินหน้าต่อไปแล้วด้วยการเข้ามาของ มาร์ติน เออเดการ์ด และ เอมิล สมิธ โรว์ ที่มาแทนที่เขา
หากลองย้อนไทม์ไลน์ไปสัก 18 เดือนที่แล้ว เออซิล ก็เคยกล่าวในลักษณะเดียวกับที่เพิ่งเกิดขึ้น เกี่ยวกับความรักในอาร์เซนอล และทัศนคติของเขาที่จะขอโอกาสในการสู้ต่อไปกับทีม ซึ่งครั้งนั้น แฟนบอลอาร์เซนอล จำนวนมากยืนเคียงข้างเขา และกดดันให้ มิเคล อาร์เตต้า นำเขากลับมาสู่ทีม (บนข้อเท็จจริงที่ว่า อาร์เตต้าตัดชื่อเออซิลออกจากนักเตะที่ลงทะเบียนเล่นในลีกตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล และจะกลับมาใส่ชื่อได้อีกครั้งในเดือนมกราคม 2021) โดยที่มีผลงานในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2020 เป็นตัวกระตุ้นเมื่ออาร์เซนอลลงเล่น 7 เกม หากชัยชนะไม่เจอ เสมอ 2 แพ้ 5 อาร์เตต้าเก้าอี้ร้อนจัด แต่สุดท้ายวันบ๊อกซิ่งเดย์ พวกเขากลับมาพร้อมกับชัยชนะเหนือเชลซี พร้อมการแจ้งเกิดแบบเต็มตัวของ เอมิล สมิธ โรว์ สถานการณ์ทุกอย่างก็คลี่คลายไปในที่สุด ขณะที่ เออซิล ที่ไม่ได้ลงเล่นเลยตลอดครึ่งฤดูกาลแรก ตัดสินใจอำลาทีมในเดือนมกราคม
ถึงตรงนี้ เออซิล กับสถานการณ์ที่เป็นอยู่แทบจะไม่ต่างจากวันที่ออกจากอาร์เซนอลเท่าไรนัก เขายังคงไม่สามารถปักหลักปักฐานของตนเองได้เหมือนครั้งที่มี อาร์แซน เวนเกอร์ คุมทีมอาร์เซนอล เช่นเดียวกับปัญหาเรื่องของฟอร์มการเล่น และอาการบาดเจ็บรบกวนบนวัยที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ของตนเอง ขณะที่สถานการณ์ของทั้งสองสโมสรที่ไม่มีเออซิลในทีมต่างก็ต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ไม่ว่าจะผลงานเป็นอย่างไรก็ตาม
มองสโมสรฟุตบอลเป็นเหมือนองค์กรหนึ่งองค์กร
บอร์ดบริหารของทีมก็เหมือนกับเจ้าขององค์กร
โค้ชก็ไม่ต่างจากผู้บริหารคนหนึ่งในองค์กร
นักเตะก็เหมือนพนักงานคนหนึ่งในองค์กร
ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบ สายงานที่สั่งการมาเป็นระบบ นักเตะเป็นเหมือนส่วนปลายทางของการทำงานที่สำคัญในการขับเคลื่อน “ทีมทั้งทีม” บนพื้นฐานที่ว่า โค้ช คือคนเลือกในสิ่งที่ต้องตัดสินใจเพื่อเป้าหมายเดียวกัน หาก “ความเชื่อมั่น ความเคารพ ความรับผิดชอบ” ไม่สามารถไปร่วมกันได้ ก็ต้องขึ้นกับว่าท้ายที่สุดแล้วเจ้าขององค์กรจะเลือกอะไรระหว่าง ปลดหัวหน้า–ไล่ออกลูกน้อง หรือใช้การประนีประนอมพูดคุยกัน ท่ามกลางข่าวที่ว่า เฟห์เนบาเช่ อาจเลือก ฆอร์เก้ เฆซุส ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ แทนที่ของ อิสมาอิล คาร์ทาล ในฤดูกาลหน้า แน่นอนหากมันเป็นเช่นนั้น จะส่งผลดีกับอนาคตของ เออซิล อย่างแน่นอน เมื่อการเริ่มใหม่มาถึง โอกาสครั้งใหม่ของเขาก็มาถึงเช่นกัน
ได้แต่หวังว่าการเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้ (หากเป็นจริง) ขออย่าให้มัน “เดจาวู” แบบที่ผ่านมาอีกเลยก็แล้วกัน