จบไปเรียบร้อยสำหรับทริปสิงคโปร์ ได้เวลากลับบ้านกันแล้ว ความสนุกทำให้เวลาหมดเร็วเสมอในความรู้สึกของเรา ขณะที่กำลังพิมพ์อยู่นี้ กระเป๋าเดินทางเต็มไปด้วยของหลายสิ่งแล้วเตรียมกลับบ้าน นำพาลายเซ็นของ ปาทริค วิเอร่า เป้าหมายใหญ่ของการเดินทางนี้ กลับไปบ้านด้วยกัน สิ้นสุดการเดินทางในรอบนี้อย่างสมหวัง
ชัยชนะของลิเวอร์พูลแบบเหนือกว่าทั้งรูปแบบและผลการแข่งขันที่มีต่อ คริสตัล พาเลซไม่น่าแปลกใจอะไรนัก เพราทีมของวิเอร่า ก็ไม่ได้มาแบบเต็มทีมขาดตัวหลักไปเกินครึ่งทีม เรียกว่าลองทีมกันแบบเต็มตัว ในขณะที่ทีมกำลังทัวร์ในต่างแดน พวกที่ไม่ได้มาทีมก็มีการจัดเกมอุ่นเครื่องต่อเนื่องเช่นกันเพื่อเรียกความฟิต พวกเขาทั้งสองทีมยังเหลืออีกหลายเกมที่ต้องลงเล่นในช่วงอีกสองสัปดาห์ที่เหลือนับจากนี้
ในภาพรวม สิงคโปร์ กับการจัดการแข่งขันในรอบนี้ ยังคงมาตรฐานดี การจัดการที่ต้องบอกว่าทำได้ยอดเยี่ยมมาก เกมนี้มีการประกาศจำนวนผู้ชมในสนามมากกว่า 50,000 คน บรรยากาศอลังการมาก โดยเฉพาะซีนที่มีการร้องเพลง You’ll Never Walk Alone ก่อนเกม มันทำให้เกมนี้เหมือนเกมเหย้าของลิเวอร์พูล มากกว่าเล่นในสนามกลางด้วยซ้ำไป เพราะร้อยละ 90-95 % ในสนามคือแฟนบอลหงส์แดงล้วน ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ดูลิเวอร์พูลในสนามแข่งจริง รู้สึกประทับใจในความรัก คลั่งไคล้ของพวกเขาไม่น้อย
สิงคโปร์ สมกับเป็นประเทศที่ผ่านงานลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่องหลายปีก่อนที่ต้องเบรกไป เพราะโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก และไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงมีคนยกย่องว่าเป็น “Hub” ในการจัดการแข่งขันกีฬาในย่านนี้ เพราะการจัดการของพวกเขาล้วน ๆ ยังไม่รวมถึงแรงสนับสนุนการซื้อสินค้าถูกลิขสิทธิ์ที่วันนี้มั่นใจมากว่ายอดขายเสื้อในร้านค้าพุ่งทะยานแตะหลายล้านบาทได้อย่างสบาย กับแฟนบอลที่เข้าไปอุดหนุนกันอย่างเนืองแน่นร้านก่อนเวลาหลายชั่วโมง และได้รับข่าวลือผ่านหูมาว่า สิงคโปร์ มีแผนจะได้จัด ICC Cup กันอีกหนึ่งรอบในฤดูกาลหน้า ส่วนตัวผู้เขียนเล็งไว้แล้วว่าถ้าสโมสรที่มาน่าสนใจ ก็จไม่พลาดกลับมาที่นี่อีกอย่างแน่นอน
ผมไม่ได้ไปชมเกมแดงเดือดที่ไทย แม้จะมีดราม่าให้อ่านมาตลอด ผมก็จะไม่แสดงความเห็นอะไร เพราะผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ในวันแข่ง เปรียบเทียบอะไรไม่ได้ แต่โพสนี้ขอพูดถึง สิงคโปร์ ในความรู้สึกผมในการจัดการแข่งขันฟุตบอลที่ผมมาที่หลายครั้งในรอบ 5 ปีหลังสุด (ก่อนโควิดระบาด) พวกเขาจัดงานระดับ ICC Cup หรือว่า Premier League Trophy มาแล้ว เชิญทีมระดับชั้นนำมาลงเล่นทั้ง ยูเวนุตส, เปแอสเช, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เชลซี, อาร์เซนอล, แอตเลติโก มาดริด และอีกหลายสโมสร พวกเขาได้ต้อนรับมาแล้วทั้งสิ้น
ข้อดีสำหรับการมาชมเกมที่นี่ มีหลายเรื่องมากในภาพกว้าง ๆ เลยคือที่นี่เดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งที่ครอบคลุม การเดินทางไปสนาม อันนี้ผมชอบมาก เพราะสนามกีฬาที่นี่ ติดกับรถไฟฟ้าใต้ดิน (ซึ่งแทบไม่ต่างจากหลายสนามแข่งในยุโรปที่หลายทีมพยายามให้สนามใกล้กับระบบขนส่งสาธารณะที่สุด) เรียกว่าเดินทางง่าย กำหนดเวลาได้ชัดเจน ไม่ต้องห่วงรถติด ห่วงแค่คนเยอะในรถไฟเท่านั้น ไม่อยากเบียดก็รีบไปหน่อย ไม่อยากกลับดึกเดินออกให้ไวขึ้นรถไฟแล้วแยกย้ายกันไป คนที่นี่ส่วนมากเดินทางด้วยการบริการนี้มากกว่ารถยนต์ หรือรถสาธารณะแบบอื่น
*ส่วนสำคัญที่ผมไม่ไปดูแดงเดือดที่ไทย นอกเหนือจากราคาบัตรที่ผมไม่พร้อมจ่าย อีกเรื่องคือกลับบ้านยากเดินทางลำบากมาก รถติดสุด ๆ ไม่อยากเสียอารมณ์ นอนดูอยู่บ้านดีกว่า
โรงแรมที่พักของนักเตะ เป็นเรื่องปกติที่เมื่อมีสโมสรดังมาเยือน โรงแรมจะเต็มไปด้วยแฟนบอลของแต่ละทีมมารอเจอนักเตะที่ชอบ บางคนมาขอลายเซ็น ขอถ่ายภาพคู่ เรียกว่าทุกคนมีเป้าหมายต่างกัน แต่เหมือนกันคืออยากเจอผู้เล่นที่ตนเองชอบ โรงแรมในสิงคโปร์ทุกโรงแรมที่ได้รับงานจะจัดการกันพื้นที่เอาไว้ให้กับแฟนบอลอย่างเป็นสัดส่วนชัดเจน ว่าแฟนบอลสามารถรอตรงไหนได้บ้าง และตรงไหนห้ามเข้า รอได้รอกันไป แต่นักเตะจะผ่านมาทางนี้แน่นอน ส่วนจะแจกลายเซ็นหรือถ่ายรูปหรือไม่ แล้วแต่ดวงล้วน ๆ เช่นกันระยะห่างระหว่างแฟนบอล กับนักเตะจะไม่ไกลมากนัก เรียกว่าถ้านักเตะมีใจแจกลายเซ็นจะเดินมาหาแฟนบอลได้ทันที แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับว่า “แฟนบอล” ทำตัวน่ารักไหมด้วยนะ มารยาทดี พูดดี ๆ กับเขา นักเตะก็จะดีกับเรา อันนี้มารยาทพื้นฐานทางสังคมครับ ไม่มีใครชอบการโดนคุกคามหรือรู้สึกไม่ปลอดภัย แม้กระทั่งหน่วยรักษาความปลอดภัยของนักเตะที่เข้ามาแจกลายเซ็นก็ค่อนข้างดี พวกเขาทำงานของพวกเขาบนพื้นฐานที่ว่า แฟนบอลไม่ข้ามเส้น พวกเขาก็ไม่ข้ามไป เปิดโอกาสเท่าที่ได้ แฟนบอลก็พอใจแล้ว
การจัดการในสนาม ตั๋วในรอบล่าสุด หรือในหลายๆ รอบที่ผ่านมาใช้ระบบ Digital Ticket สแกนคิวอาร์โค้ดกันตอนเข้าสนาม มีพนักงานคอยให้บริการ “ดูแลแต่ไม่ต้องช่วย ถ้าทำไม่ได้ก็ยกมือเรียก เขาจะสอนคุณไม่ได้ทำให้คุณ” มีการตรวจอาวุธ และสิ่งของต้องห้ามกันตามปกติ เช่นเดียวกับเรื่องของโควิด-19 ที่รอบนี้มีการให้ลงทะเบียนในแอพพลิเคชั่นที่ใช้ในสิงคโปร์เพิ่มเติมขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้ยากอะไร มารอบนี้ สังเกตเห็นได้ชัดเลยว่า ทรัพยการมนุษย์ทีมงาน น้อยลงอะไรที่สามารถให้ผู้ชมจัดการเองได้ ติดป้ายบอกเอาทำตามกฎก็เรียบร้อย
ภายในสนามมีป้ายบอกชัดเจนทุกจุด เห็นชัดอยู่ประตูไหนตรงไหน ทิศไหนอ่านป้ายไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอปลายทางเข้าสนามไป มองหาที่นั่งไม่ยากเลย บรรยากาศสนาม บางพื้นที่ติดแอร์เอาไว้ด้วย มีหลังคาบังมิด ไม่ต้องกลัวฝนตกจะเปียก อาจมีบ้างที่ฝนสาดเข้ามาเท่านั้น แต่นั่นไม่เท่ากับระบบการจัดการในสนามที่แทบไม่ต้องใช้คนเลย เข้าสนามไปทุกคนอ่านป้ายแล้วทำตามจบ ระหว่างพักครึ่งการจัดการแข่งขันบางรอบมีกิจกรรมเล่นกับแฟนบอล บ้างก็มีเปิดเพลงของสโมสรนั้น ๆ คลออารมณ์กันไป บ้างก็เปิดเพลงมันส์ ๆ ให้บรรยากาศคึกคัก อาหารเครื่องดื่ม กระจายไปทั่ว เดินหาซื้อกัน เข้าคิวกันไม่นานได้เสียเงิน พอเกมจบแยกย้ายกันกลับสะดวกคนโล่งไม่เกิน 30 นาที รอบสนามคนบางตาทันที แสดงให้เห็นถึงการจัดการทั้งในภาพใหญ่ของประเทศ และภาพเล็กของการจัดการภายในสนามที่ดี ที่ต้องบอกว่า ประเทศไทย ยังตามหลังอยู่พอสมควร หากมองตนเองจะจัดงานให้ได้ลื่นไหลเช่นนี้ เพราะมันไม่ใช่แค่ว่าทีมจัดงานจะจัดได้ดีแค่ไหนเพียงอย่างเดียว แต่ภาพรวมของประเทศ หรือว่าเมืองที่จัดการแข่งขันต้องพร้อมด้วย
สิงคโปร์ 2022 ยังคงเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวเสมอในแง่การทำให้คนต่างบ้านต่างเมืองปรับตัวเข้ากับสังคมเมืองได้เร็ว เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกมีครบ เตรียมตัวจองที่พักอะไรให้พร้อม มาถึงก็ลุยได้เลย แม้จะต้องแลกมาด้วยค่าครองชีพที่สูง (น้ำเปล่า 600 มิลลิลิตร ราคามาตรฐานประมาณ 15-20 บาท แล้วแต่ยี่ห้อ และร้านค้าที่คุณไปเจอทำโปรโมชั่นหรือไม่) แต่ก็ไม่ได้สาหัสมากนัก หากมาเพื่อการพักผ่อนระยะสั้นให้หายอยากเดินทางไกล แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเดินทางไกลแค่ไหน สวยแค่ไหน ก็ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าที่บ้านเกิดอยู่ดี ตอนนี้คิดถึงอาหารอีสานที่กลับไปต้องจัดสักมื้อให้หายอยาก กลับไปทำงาน และใช้ชีวิต รอการเดินทางครั้งต่อไป
ขอบคุณสิงคโปร์ จนกว่าเราจะพบกันใหม่ครับ