มาต่อกันที่นักเตะที่เหลือจากตอนที่แล้ว เรียงจากบนลงล่าง ซ้ายไปขวา
ลี เฮิร์ท [โคเวนทรี ซิตี้]
กองกลางอังกฤษผู้ที่น่าเสียดายที่ต้องเลิกเล่นฟุตบอลก่อนกำหนด เขาลงเล่นกับโคเวนทรี ก่อนได้รับบาดเจ็บหนัก และทำให้เขาตัดสินเลิกเล่นฟุตบอลด้วยอายุเพียง 26 ปี เท่านั้น โดย เฮิร์ท ใช้เวลาถึงสามปีในความพยายามฟื้นฟูสภาพร่างกาย แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถกลับมาได้อีกเลย เขาตกเป็นข่าวว่าย้ายไปอยู่ในอเมริกา และเล่นฟุตบอลในระดับสมัครเล่นอีกเล็กน้อย ปัจจุบันกลับมาใช้ชีวิตในอังกฤษแล้ว
คาร์ล แบรดชอว์ [เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด]
ฟูลแบ็คอังกฤษลงเล่นกับทีมในวันที่เปิดสนามพรีเมียร์ ลีก อย่างเป็นทางการ เขาอยู่กกับทีมถึง 6 ฤดูกาล และย้ายไปนอริชในปี 1994 ก่อนจะย้ายไปเล่นในอีกหลายทีมจนกระทั่งในปี 2005 เขาก็เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ หลังจากเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ เขาก็หันไปทำงานเกี่ยวกับงานด้านการก่อสร้าง เลี้ยงชีพตัวเองในช่วงที่เหลือ ปัจจุบันเขาอายุ 53 ปี
กอร์ดอน ดูรี่ [สเปอร์ส]
อดีตกองหน้าทีมชาติสกอตแลนด์ อยู่กับสเปอร์สเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เพียงสองปีเท่านั้น และเป็นเพียงหนึ่งในสองทีมต่อจากเชลซี ที่เขาเล่นระดับอาชีพในอังกฤษ เขาย้ายไปอยู่กับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส สโมสรที่เขาประสบความสำเร็จมากมายในช่วงทศวรรษที่ 90 ก่อนจะเลิกเล่นฟุตบอลกับฮาร์ทในปี 2001 อย่างไรก็ตามชีวิตหลังเลิกเล่นของเขาไม่สวยหรูเท่าไรนัก เขามีถูกระบุว่ามีปัญหาเรื่องหนี้สินในปี 2016 ขณะที่ลูกชายของเขา สกอตต์ เดินตามรอยเขากับการเข้าสู่วงการฟุตบอลอาชีพ
เดวิด ฮิลเลียร์ [อาร์เซนอล]
เด็กปั้นของอาร์เซนอล ที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่อายุ 15 ปี ในฐานะนักเตะอาร์เซนอเขาลงเล่นไปมากกว่า 140 เกม แม้จะหนักไปทางตัวสำรองก็ตาม และสุดท้ายเขาก็เลือกย้ายออกจากทีมในปี 1996 หลังจากที่ต้องการโอกาสในการลงเล่นตัวจริง และพอร์ทสมัธ ให้สิ่งนั้นกับเขาได้ ฮิลเลียร์ เลิกเล่นฟุตบอลในปี 2003 หลังจากนั้นเขาสู่วงการโค้ช และเลือกรับงานคุมทีมอยู่หลายปี ก่อนที่สุดท้ายจะกลับมาที่อาร์เซนอล และทำงานกับสโมสรในฐานะทีมงานสื่อของสโมสรจนถึงทุกวันนี้
แกรี่ ชาร์ลส์ [นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์]
ในฤดูกาลแรกของพรีเมียร์ ลีก เป็นความทรงจำที่ขมขื่นสำหรับฟอเรสต์เพราะพวกเขาตกชั้นในฐานะของทีมบ๊วยของตาราง ในขณะที่ชาร์ลส์ สิ้นสุดการเล่นกับฟอเรสต์หลังจบฤดูกาลนั้นทันที เขาย้ายไปเล่นกับหลายทีม แต่สำหรับแฟนบอลแล้วภาพของนักเตะคนนี้กับ แอสตัน วิลล่า ชัดเจนที่สุด เขาเลิกเล่นในปี 2002 และเริ่มเข้าสู่งานโค้ช งานยอดนิยมของนักเตะเมื่อเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ อย่างไรก็ตามปัญหาการเป็นโรคแอลกอฮอลลิซึ่ม ทำให้เส้นทางอาชีพของเขาไปไม่ได้สวยเท่าไรนัก
แอนดี้ ริทชี่ [โอลด์แฮม แอตเลติก]
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขากับการเล่นฟุตบอลคือที่นี่ จากจุดเริ่มต้นในการเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สู่การออกเดินทางในเส้นทางฟุตบอลที่ในวันสิ้นสุดงานนี้เขาผ่านการลงเล่นในระดับอาชีพมากกว่า 600 เกม และ โอลด์แฮม คือบ้านของเขาเสมอกับการลงเล่นถึงสองช่วงเวลาตลอดชีวิตของตนเอง และเลือกสโมสรนี้เป็นสโมสรสุดท้ายในชีวิต แถมยังเคยรับงานคุมทีมนี้มาแล้วอีกตามห่างหาก ปัจจุบันผันตัวไปทำงานด้านสื่อมวลชนเป็นหลักเรียบร้อยแล้ว
จอห์น ซาลาโก้ [คริสตัล พาเลซ]
ไม่มีสโมสรไหนจะเซ็งชีวิตเท่ากับคริสตัล พาเลซ ในฤดูกาลนั้นอีกแล้ว เพราะพวกเขาต้องตกชั้นเป็นทีมสุดท้ายด้วยประตูได้-เสีย ที่น้อยกว่าโอลด์แฮมเพียง 2 ประตูเท่านั้น ขณะที่ จอห์น ซาลาโก้ เลือกที่จะตกชั้นไปกับทีมอยู่กับทีมต่อไปอีกสองปี ก่อนจะย้ายไปเล่นกับอีกหลายสโมสรทั้ง โคเวนทรี, ฟูแล่ม, ชาร์ลตัน, เรดดิ้ง และสุดท้ายจบที่ แบรดฟอร์ด ในปี 2005 รวมแล้วเขาเล่นฟุตบอลอาชีพจนถึงอายุ 35 ปี ทุกวันนี้เขารับงานกับสื่อมวลชน และยังมีงานโค้ชทีมเยาวชนของคริสตัล พาเลซอีกด้วย
แอนดี้ ซินตัน [ควีนสพาร์ค เรนเจอร์ส]
“ทหารเสือราชินี” จบฤดูกาลนั้นสูงถึงอันดับ 5 เป็นอันดับที่สูงที่สุดของพวกเขาในเวทีพรีเมียร์ ลีกตลอด 30 ปีที่ผ่านมา เพราะเวลานี้พวกเขายังคงอยู่ใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ รอคอยการกลับมาอีกครั้ง ขณะที่ ซินตัน มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตนเองกับทีมนี้ เพราะเขาก้าวไปถึงการติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ได้สำเร็จ และย้ายไปเล่นกับทีมอย่างสเปอร์ส, วูลฟ์ส และอีกหลายสโมสรจนเลิกเล่นในปี 2007 และก็ทำงานเป็นเฮดโค้ชให้กับทีมระดับล่างนานเป็น 10 ปี ปัจจุบันกลับไปรับงานเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของสโมสรคิวพีอาร์ ทีมที่ให้โอกาส และเขาสร้างชื่อเสียงเอาไว้มากมายในวัยหนุ่ม
อลัน เคอนาแกน [มิดเดิ้ลสโบรซ์]
เป็นอีกทีมที่บอกว่าพรีเมียร์ ลีก ในฤดูกาลแรกในวันสุดท้ายของฤดูกาล เช่นเดียวกับเส้นทางอาชีพของแนวรับคนนี้ที่เลือกย้ายออกจากทีมหลังการตกชั้น เขาย้ายไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ไม่สวยเท่าไรนัก เพราะเขาถูกยืมตัวออกไปหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายต้องจบด้วยการลดระดับการเล่นไปเล่นในลีกรองจนถึงปี 2006 ก็ตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอล และไปรับงานคุมทีมจนถึงปี 2016 หลังจากนั้นเขาก็ออกจากวงการฟุตบอลอย่างถาวร โดยมีความทรงจำที่สวยงามว่าครั้งหนึ่งเขาติดทีมชาติไอร์แลนด์มาแล้วถึง 22 เกม และเคยเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลโลก 1994 มาแล้วด้วยเช่นกัน
กอร์ดอน สตรัคคั่น [ลีดส์ ยูไนเต็ด]
“แชมป์เก่า” ในฤดูกาลสั่งลาดิวิชั่นหนึ่งอังกฤษ มาสู่การเป็นพรีเมียร์ ลีก และฤดูกาลแรกในการเปลี่ยนชื่อใหม่พวกเขาผลงานเลวร้ายอย่างมากเมื่อจบด้วยอันดับ 17 จาก 22 ทีมรอดพ้นการตกชั้นแบบจวนเจียน และพลาดครั้งสำคัญกับการปล่อย เอริค คันโตน่า ไปเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทำให้กลายเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของอาณาจักรปีศาจแดงในเวลาต่อมา ขณะที่สตรัคคั่น อยู่กับทีมต่อจนถึงปี 1995 และย้ายออกไปอยู่กับ โคเวนทรี ซิตี้ ทีมที่เขาเริ่มต้นการคุมทีมในฐานะของผู้เล่น-ผู้จัดการทีม ก่อนจะเข้ามารับงานแบบเต็มตัวในเวลาต่อมา เขาประสบความสำเร็จไม่น้อย โดยเฉพาะกับ เซลติก ที่เขาช่วยให้ทีมได้แชมป์ลีกสามสมัยซ้อน รวมถึงได้รับเกียรติสูงสุดกับการได้คุมทีมชาติสกอตแลนด์บ้านเกิด ปัจจุบันบนวัย 65 ปี เขายังคงทำงานในสโมสรดันดี ยูไนเต็ด ในฐานะของผู้บริหารคนหนึ่งในสโมสร
ปีเตอร์ เบียรดสลีย์ [เอฟเวอร์ตัน]
หนึ่งในมุนษย์โลกเพียงไม่กี่คนที่เคยลงเล่นมาแล้วทั้งกับ เอฟเวอร์ตัน และลิเวอร์พูล สำหรับกองหน้าทีมชาติอังกฤษคนนี้ผ่านมาแล้วหลากหลายสโมสร และลงเล่นฟุตบอลอาชีพจนถึงปี 1999 ซึ่งตอนนั้นเขาอายุ 38 ปี ก่อนจะเข้าไปทำงานเป็นผู้ช่วยโค้ชในทีมชาติอังกฤษ ตามมาด้วยงานอีกหลายตำแหน่งกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด อีกหนึ่งสโมสรที่เขาเคยลงเล่นด้วย
พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 1992-1993 จบลงด้วยความสำเร็จของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 30 ปีต่อมาทีมไหนจะได้ครอบครองบัลลังก์ความสำเร็จนี้ อีกไม่นานทุกอย่างจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!