หลังจากเมื่อวานนี้ เราบอกเล่าเรื่องราวของ “เกียรติยศแห่งดาว” ของทีมในระดับทีมชาติ กันไปแล้ว วันนี้เราจะมาพูดถึง เรื่องราวของการ “ติดดาว” ในระดับสโมสร กันบ้างว่า มีกฎการติดดาวกันอย่างไรบ้าง
ก่อนจะไปในส่วนของระดับสโมสร เราขอมาเริ่มกันที่ การแข่งขันในระดับ สโมสรยุโรป กันเป็นอันดับแรก เพราะหากว่ากันตามตรงแล้ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็เปรียบเสมือน ฟุตบอลโลก ในระดับสโมสร นั่นเอง ดังนั้น การมอบ ดาว ให้กับสโมสรที่คว้าแชมป์ ได้สำเร็จ เป็นเกียรติยศ ที่หลายสโมสร หยิบนำมาประดับบนเสื้อแข่งของพวกเขากัน
ยกตัวอย่างชัดเจนที่สุด กับ เสื้อแข่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 1998-1999 พวกเขา มีการเปิดตัว เสื้อแข่งใหม่ สำหรับใช้ลงเล่นในเกมฟุตบอลยุโรปเท่านั้น ในวาระครบรอบ 30 ปี ของการคว้าแชมป์ รายการนี้ เป็นครั้งแรกในปี 1968 กับตัวเสื้อที่มีการติด “ดาว” บนอกเสื้อ ซึ่งเสื้อรุ่นดังกล่าว มีการใช้งานสองปี โดยหลังจากคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 1999 พวกเขาก็มีการปักดาวเพิ่มอีกหนึ่งดวง บนเสื้อรุ่นเดิม เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จ โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปัจจุบัน มี “ดาวสามดวง” หลังพวกเขา คว้าแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกครั้งในปี 2008
ลิเวอร์พูล แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา คว้า “ดาวดวงที่ 6” มาประดับสโมสรได้สำเร็จ โดยมีการทำเสื้อแข่งขึ้นมาเพื่อ ฉลองแชมป์ กันเลยทีเดียว โดย เรอัล มาดริด เป็นเจ้าของสถิติคว้าแชมป์ รายการนี้มากที่สุดถึง 13 ครั้ง
ทั้งนี้ ด้วยเรื่องของ “ชุดแข่งขัน” ที่ส่วนมากจะใช้งานแบบเดียวกับ ทั้งใน เกมลีก และในเกมฟุตบอลถ้วย ยูฟ่า จึงอนุญาตให้มีการติด “Badge of Honors” (BOH) หรือ ตราเกียรติยศที่บ่งบอกว่า สโมสรเหล่านั้น เคยได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้วกี่ครั้ง ซึ่งจะติดที่แขน แทนที่การติดดาว บนอกเสื้อ หากลงเล่นในเกมลีก ก็ติดอาร์มข้างแขนแบบลีก ของแต่ละประเทศ ส่วนเกมไหนลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ติด BOH ลงไปแทน
อย่างไรก็ตาม ยูฟ่า ไม่มีการกำหนดว่า ทุกสโมสรต้อง “ติดดาว” หรือติด BOH บนเสื้อแข่งทุกครั้ง ที่ลงสนาม ขึ้นกับ ความสมัครใจ และพอใจของแต่ละสโมสร
สำหรับการ “ติดดาว” ในฟุตบอล ลีก ก็มีหลายลีก ที่มีการมอบ “ดาว” ให้กับแชมป์ ลีก ด้วยเช่นกัน แต่การกำหนด จำนวนแชมป์ต่อ “หนึ่งดาว” ก็จะมีความแตกต่างกันออกไป
บุนเดสลีกา เยอรมัน เป็นหนึ่งในลีกใหญ่ที่ชัดเจนที่สุด ในเรื่องนี้ พวกเขามีการ ติดดาว “ดวงแรก” ให้กับสโมสรใดก็ตามที่สามารถ คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ได้ถึงสามสมัย หลังจากนั้นหากสโมสรนั้นคว้าแชมป์ครบ
5 สมัย ได้ดาวดวงสอง
10 สมัย ได้ดาวดวงที่สาม
20 สมัย ได้ดาวดวงที่สี่
30 สมัย ได้ดาวดวงที่ห้า
โดย บุนเดสลีกา มีเพียง 6 สโมสรเท่านั้น ที่ได้รับเกียรติยศแห่งดาว ประกอบไปด้วย บาเยิร์น มิวนิค / โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ / โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค / แวร์เดอร์ เบรเมน / ฮัมบูร์ก และ สตุ๊ตการ์ท
ลีก เอิง ฝรั่งเศส เป็นอีกหนึ่ง ลีก ที่มีการมอบ เกียรติยศแห่งดาว ให้กับทีมแชมป์ ลีก เอิง โดยจะมอบ ดาวหนึ่งดวง ให้กับทีมที่ได้แชมป์ครบ 10 ครั้ง โดย ณ.เวลานี้มีเพียง “เลอ แวร์ส” แซงต์-เอเตียนน์ เพียงสโมสรเดียวเท่านั้น ที่ได้รับดาว ในฐานะแชมป์ ลีก เอิง
อย่างไรก็ตาม โอลิมปิก มาร์กเซย์ เป็นอีกสโมสรที่มีมี ติดดาว เหนือตราสโมสร นั่นเพราะว่า พวกเขาเลือกที่จะติดดาว ในฐานะของการได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งทำได้ในปี 1993 นั่นเอง โดยพวกเขา เป็นสโมสรแรก และสโมสรเดียวของประเทศ ฝรั่งเศส ซึ่งได้แชมป์รายการนี้ อีกด้วย
เอเรเดวิซี ลีก เนเธอร์แลนด์ คล้ายกับ ลีก เอิง ฝรั่งเศส กับการได้รับดาวหนึ่งดวง เมื่อได้แชมป์ครบ 10 ครั้ง และมีด้วยกันสามสโมสร คือ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น และ เฟเยนูร์ด ร๊อตเตอร์ดัม ได้รับดาวดังกล่าวบนอกเสื้อเรียบร้อยแล้ว
สกอตติช ลีก หรือ ลีก ฟุตบอลของประเทศสกอตแลนด์ ก็มีการมอบ เกียรติยศแห่งดาว เช่นกัน กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ประดับดาว 5 ดวง บนเสื้อ ด้วยการคว้าแชมป์ลีกในประเทศผ่านหลัก 50 สมัย ตรงข้ามกับ เซลติก อริร่วมเมือง ที่เลือกติดดาวเพียงดวงเดียว ในฐานะแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หนึ่งเดียวของประเทศ ซึ่งพวกเขาทำได้ในปี 1967
ทิ้งท้ายกันที่ เซเรีย อา อิตาลี การมอบดาวของพวกเขา จะมอบหนึ่งดาว สำหรับแชมป์ 10 สมัย และ ยูเวนตุส เป็นเพียงทีมเดียวที่ได้ดาวมาแล้วถึง 3 ดวง ในขณะที่คู่แข่งอื่น ได้ไม่เกิน 1 ดวงเท่านั้น และในประวัติศาสตร์ การติดดาวในระดับสโมสร พวกเขา คือสโมสรแรกในวงการที่มีการติดดาวบนอกเสื้อ โดยเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1958 หลังจากนั้นก็แพร่หลายกันไปในหลายลีก จนถึงทุกวันนี้
สำหรับฟุตบอลอังกฤษ แม้จะไม่มีการมอบ “เกียรติยศแห่งดาว” ให้กับแชมป์ลีก แต่ก็มีบางสโมสร เลือกใช้ ดวงดาว เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งบนเสื้อแข่งของตนเอง อย่างเช่น “เจ้าป่า” นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งมีการประดับดาวสองดวง ที่พวกเขาได้มาจากการเป็น แชมป์ยุโรป 2 ครั้ง นั่นเอง