ในออฟฟิศของ บาร์เนตต์ ที่นั่น เดนนิส แลชเตอร์ ได้พบกับ ดาเนียล แลชเตอร์ ซึ่งก็คือชื่อเดียวกับที่เขาอ่านเจอใน นิตยสารรถยนต์ ที่ฮาวาย
“คุณคือดีลเลอร์รถใช่ไหม” เดนนิส ถาม
“ใช่เลย คุณรู้ได้อย่างไรล่ะ” ดาเนียล ตอบกลับด้วยความประหลาดใจ
“สองสัปดาห์ก่อน ผมอ่านเจอชื่อคุณในนิตยสารรถยนต์น่ะ ผมจำได้ว่าคุณนามสกุลเดียวกับผม”
ทั้งสองคนมีการคุยกัน แน่นอนหนึ่งในนั้นคือเรื่องของ “ที่มาที่ไปเกี่ยวกับตระกูลของตนเอง” ก่อนที่จะพบว่า พวกเขาสองคนมี ปู่ คนเดียวกัน
“เราคุยกัน 5 ชั่วโมง ทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ ผมไล่เรียงลำดับญาติกันไม่ค่อยถูกเท่าไร ใครเป็นใคร แต่ที่แน่นอนคือ อารอน แลชเตอร์ ปู่ของผม คือปู่คนเดียวกันกับ ดาเนียล และโจ น้องของเขา เราทั้งหมดคือญาติกัน”
จากเดิมที่เป็นเพียงที่ทำงาน มาเพื่อทำธุรกิจ แต่ตอนนี้ อังกฤษ กลายเป็น “บ้านญาติ” ของเขาไปแล้ว
เดนนิส เดินทางกลับไปยัง เทล อาวีฟ ในประเทศอิสราเอล เขามีบ้านอยู่ที่นั่น เพื่อเจอกับ โทนี่ น้องชายแท้ๆ ของเขา โดยพาญาติที่เพิ่งพบหน้ากันไปที่นั่นด้วย เป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสุข สำหรับ เดนนิส ผู้ซึ่งเพิ่งผ่านการเจอกับหน่วย KGB ของรัสเซียมาเมื่อหลายเดือนก่อน และการพบญาติครั้งนี้ ส่งผลต่อชีวิตของเขาอย่างยิ่งรวมถึงต่อดีลของ อาชาวิน อีกด้วย
โจ แลชเตอร์ เป็น นักเตะสมัครเล่น ว่าง่ายๆ ก็คือเล่นเพื่อความสนุกนั่นละ เขาลงเล่นฟุตบอลทีมเดียวกับคนชื่อ ฟิล สมิธ ซึ่งมีอาชีพเป็น เอเยนต์ เขามาคุยกับ โจ เกี่ยวกับตระกูล “แลชเตอร์” หลังจากที่เขารู้ว่า โจ ใช้นามสกุลนี้ ซึ่งตรงกับ “เอเยนต์แลชเตอร์” ที่กำลังเป็นข่าวดังไปทั่งอังกฤษ ในฐานะผู้ดูแลของ อังเดร อาชาวิน หรือก็คือ เดนนิส แลชเตอร์ ตัวเอกของเรื่องนี้นั่นเอง
โจ จึงทำการนัด ฟิล และ จอน สมิธ ผู้ซึ่งทำงานเอเยนต์ที่ชื่อว่า First Artist Agency (หลังจากนี้จะเขียนแทนองค์กรนี้ว่า เอฟเอเอ -ผู้เรียบเรียง-) ให้กับ เดนนิส ได้พบกัน โดย เอฟเอเอ เป็นเอยนต์ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างยิ่งกับ ประเทศรัสเซีย ถึงขั้นที่ว่าเป็นได้รับงานใหญ่ ในการนำ มิคาอิล โกบาเชฟ อดีตผู้นำของสหภาพโซเวียต ครั้งมาบรรยายพิเศษที่ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 1990 มาแล้ว และคราวนี้ ฟิล สมิธ เข้ามาช่วย เดนนิส แลชเตอร์ ดีลกับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก อีกครั้งและครั้งนี้ ไม่เหมือนเดิม
“เรามีการเข้าไปเจรจากับ เซนิตฯ และครั้งนี้พวกเขารู้จักเรา (เอฟเอเอ) ว่าเราคือใคร ว่ากันตามจริง พวกเขารู้จักเราเป็นอย่างดีเลยล่ะ มันน่าทึ่งมาก” ฟิล กล่าว
ฟิล สมิธ แสดงให้แลชเตอร์ ได้เห็นถึงความแข็งแกร่งในเครือข่ายของเขาเป็นอย่างยิ่ง ที่ผ่านมา แลชเตอร์ อาจจะสามารถดีลกับ อังเดร อาชาวิน เป็นเอเยนต์ให้กับนักเตะได้ แต่ไม่สามารถเจรจา “ปิดจ๊อบ” กับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ได้เลย นั่นคือปัญหาที่ ฟิล สามารถจัดการให้ได้
เดนนิส ร่วมงานกับ ฟิล และ จอน แห่ง เอฟเอเอ ในการทำงานเป็นทีมเดียวกัน เพื่อภารกิจในการพา อาชาวิน ย้ายมาเล่นฟุตบอลในยุโรป ขณะที่ โจ แลชเตอร์ เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการจัดการอื่น เมื่ออาชาวิน สามารถย้ายทีมมาได้ และแน่นอนปลายทางคือประเทศอังกฤษ
“ทีมงาน เอฟเอเอ ทราบว่าผมมีเส้นสายที่ดีมากในยุโรปตะวันออก เวลานั้น เนมานยา วิดิช ย้ายจาก สปาร์ตัก มอสโก มาเล่นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้ว เขาคือหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของลีกนี้ เช่นเดียวกับ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ที่ย้ายมาจาก โลโคโมทีฟ มอสโก มาเล่นกับเชลซี รวมถึง มาร์ติน สเคอร์เทล ที่ย้ายออกจากเซนิต มาเล่นกับ ลิเวอร์พูล ดังนั้นพวกเขาจึงสนใจในการทำงานร่วมกัน”
เอฟเอเอ มีสายสัมพันธ์ที่ดีมากกับ อาร์เซนอล และพวกเขาตัดสินใจกลับไปหา อาร์แซน เวนเกอร์ อีกครั้ง เพื่อคุยเรื่องของ อาชาวิน (ความเห็นผู้แปล- สเปอร์สน่าจะล้มดีลกันไปแล้ว ตั้งแต่การเจรจาในคืนหลังเกม ซูเปอร์ คัพ ปี 2008 ทำให้ไม่มีการดีลย้ายไปร่วมงานกับสเปอร์สเกิดขึ้นอีก)
ฤดูใบไม้ร่วงปี 2008 (ช่วงประมาณเดือนกันยายน – ธันวาคม ของทุกปี) เดนนิส พร้อมกับ โจ และ ฟิล สมิธ เข้าพบกับ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ลอนดอน โคลนีย์ สนามซ้อมของ เดอะ กันเนอร์ส
“เรามีการคุยกันเล็กน้อยไม่นานหรอกแค่ 45 นาที! อาร์แซน เวนเกอร์ เป็นหนึ่งในคนที่ฉลาดที่สุดที่ผมเคยพบมา เราคุยกันเรื่องฟุตบอล-การเมือง-ชีวิต และสารพันเรื่องรอบโลกกับการเปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไร เขาสามารถคุยกับเราได้หมด หลังจากนั้นเขาก็มานั่งที่เก้าอี้ของเขา และเริ่มต้นถามเรากลับเกี่ยวกับดีลของ อังเดร อาชาวิน” โจ แลชเตอร์ กล่าวย้อนไปถึงวันวาน
แผงกองกลางชอง อาร์เซนอล ในฤดูกาล 2008-2009 พวกเขาเริ่มต้นด้วยการเสีย อเล็กซานเดอร์ เคล็บ ไปให้กับ บาร์เซโลน่า ก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญากับ ซามีร์ นาสรี่ กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งแลชเตอร์ บอกว่า เวนเกอร์ ไปดู นาสรี่ ลงเล่นในเกมยูฟ่า คัพ กับมาร์กเซย์ ฤดูกาลก่อน มาร่วมงานกับ เชส ฟาเบรกาส (ซึ่งย้ายออกจากทีมในปี 2011) และ โทมัส โรซิคกี้ ซึ่งโชคร้ายบาดเจ็บพักยาว
“เดนนิส ก็เริ่มพูดถึง อาชาวิน เกี่ยวกับความยอดเยี่ยมของเขา ส่วน เวนเกอร์ ก็บอกกลับมาว่า อาชาวิน ก็ยอดเยี่ยม แต่ถ้าเล่นตำแหน่งนั้น (ในที่นี่เข้าใจว่าคือตำแหน่งกองกลาง -ผู้แปล-) เขามี ฟาเบรกาส อยู่ในทีมแล้ว แต่แน่นอนว่า อาร์แซน ก็ยังคงมีความสนใจอยู่”
เป้าหมายของการพูดคุยกันในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งคือเรื่องของการดูท่าทีของผู้ซื้อในการซื้อขายด้วย และอีกส่วนหนึ่งคือ การที่ แลชเตอร์ พบกับ อาร์แซน เวนเกอร์ มาก่อนแล้ว ทำให้เขาเชื่อว่า เวนเกอร์ อยากได้ตัว นักเตะ แต่เขาสองคนยังไม่เคยเจอกันเลย และนั่นคือสิ่งที่ “ทีมดีล” ต้องการทำให้มันเกิด
“ผมบอก อาร์แซน หลายครั้งว่า อาชาวิน จะมาที่อังกฤษช่วงเดือนธันวาคม เป็นเวลาสองวัน เพื่อถ่ายภาพเพื่อการตลาดร่วมกับแบรนด์ ไนกี้ แต่ อาร์แซน บอกว่า นักเตะ ยังอยู่ในสัญญากับ เซนิตฯ พวกเขาไม่เหมาะสม และไม่มีสิทธิ์พบกัน (นี่คือมารยาทพื้นฐาน บนกฎที่ว่าการเจรจาซื้อขาย ตัวแทนของสโมสร ไม่มีสิทธิ์ติดต่อกับ นักเตะโดยตรง หากสโมสรต้นสังกัดไม่อนุญาต)”
“ดังนั้นผมติดต่อกับ อาชาวิน ให้แจ้งไปยัง มักซิม มิโตรฟานอฟ ผู้อำนวยการทั่วไปของสโมสร เพื่อขอ “คำอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร” ในการขอพบกับเวนเกอร์ เพื่อให้การย้ายทีมมีความเป็นไปได้มากขึ้น สุดท้ายเอกสารส่งมาจากเซนิตฯ และผมส่งให้กับเวนเกอร์ การนัดพบกันระหว่างพวกเขาจึงเกิดขึ้น” เดนนิส กล่าว
ธันวาคม 2008 ท่ามกลางความหนาวเย็น และเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีกำลังจะมาเยือน อาร์แซน เวนเกอร์ และ อังเดร อาชาวิน ได้พบกันเป็นครั้งแรก และมันเกิดขึ้นท่ามกลางงานปาร์ตี้คริสต์มาส เสียด้วย…
โปรดติดตามตอนต่อไป
Copyright © 2019 UFA6556 แทงบอลออนไลน์ มั่นคง ปลอดภัย อันดับหนึ่งเมืองไทย | All right reserved.