เรื่องราวของ “ความหลากหลายทางเพศ” ในยุคปัจจุบัน กลายเป็นเรื่องที่ได้รับการยอมรับกันมากยิ่งขึ้น ปี 2020 มนุษย์เรายังคงมีสภาพร่างกายเริ่มต้นในแบบ เพศชาย และ เพศหญิง แต่ในเรื่องของสภาพจิตใจ ทุกวันนี้โลกของเราเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ในเรื่องของการยอมรับ ความแตกต่างทางความคิด และรสนิยมในความชื่นชอบในการใช้ชีวิตของแต่ละคน ที่ไม่จำเป็นต้องตรงกับเพศสภาพของตนเอง ที่ได้รับมาในวันแรกที่เราลืมตาดูโลกใบนี้
ในวงการฟุตบอลกลุ่ม “LGBT” (เลสเบี้ยน, เกย์, ไบโอเซ็กซ์ชวล, ทรานเจนเดอร์ส) แท้จริงแล้ว เคยมี นักเตะ หลายคนที่อยู่ในกลุ่มนี้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้ เนื่องจากกังวล และกลัวกับการไม่ได้รับการยอมรับ ซึ่งเราต้องยอมรับว่าในสังคมโลกนี้ เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับแบบ 100 % หรือใกล้เคียง แต่ก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นกว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน หลายเท่าตัว
พรีเมียร์ ลีก แสดงออกถึงการสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างชัดเจนมาตลอดหลายปี และได้รับความร่วมมือจากสโมสรใน พรีเมียร์ ลีก สัปดาห์ที่ผ่านมา เราจะได้เห็นกัปตันทีมของทุกสโมสร มีการสวมปลอกแขนกัปตันทีม ซึ่งมีสี “รุ้ง” อันหมายถึงสัญลักษณ์ของกลุ่ม LGBT เพื่อเป็นการสนับสนุนเรื่องราวนี้ในโลกของเรา กับการมีอยู่ของกลุ่มคนเหล่านี้ ที่มีชีวิต มีจิตใจ มีเลือดเนื้อ ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป โดยปลอกแขนกัปตันทีมลายสีรุ้งจะมีการใช้งานในเกมพบกับ สเปอร์ส และ เบิร์นลีย์ รวมถึงเกมของทีมหญิง ซึ่งจะพบกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้
อาร์เซนอล เป็นหนึ่งในสโมสร ที่สนับสนุนในเรื่องนี้อย่างชัดเจน แฟนบอลปืนใหญ่ในอังกฤษ มีการตั้งกลุ่มที่ชื่อว่า “Gay Gooners” ซึ่งเป็นแฟนบอลที่อยู่ใน LGBT รวมกลุ่มกัน กลายเป็นสังคมคนรักฟุตบอล และ อาร์เซนอล ซึ่งแน่นอนในกลุ่มนี้ก็มีทุกเพศทุกวัย เข้ามาร่วมกันในกลุ่มนี้ โดย อาร์เซนอล ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันให้พวกเขามีที่ยืนในสังคม แบบเต็มตัว ในฐานะของแฟนบอล อาร์เซนอล โดยพวกเขาได้รับการยอมรับจากสโมสรตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ 2013 เป็นต้นมา และเป็นกลุ่มแฟนบอล LGBT หรือ LGBTQ ที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ในฐานะกลุ่มแฟนบอล โดยมีสมาชิกหลายร้อยคนในอังกฤษ รวมถึงในต่างประเทศ มาร่วมกลุ่มนี้ด้วย
พวกเขามีการจัดกิจกรรมร่วมกับสโมสรหลายครั้ง พร้อมกับร่วมชมเกมการแข่งขันทั้งเกมเหย้า และเกมเยือน รวมถึงในช่วงต้นฤดูกาลจะมีการจัดพาเหรดเกี่ยวกับความภาคภูมิใจในการมีชีวิตที่พวกเขาเป็น และได้รับการสนับสนุนจากสโมสรอาร์เซนอล (ปีนี้งดจัดกิจกรรม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทั่วโลก)
เฮคตอร์ เบลเลริน แบ็คขวาทีมชาติสเปน เป็นหนึ่งในคนที่สนับสนุนเรื่องนี้ และได้มีโอกาสพูดคุยกับ แฟนบอลกลุ่มนี้ผ่านทาง โปรแกรม Zoom ที่กลายเป็น โปรแกรม ยอดนิยมในช่วงที่การ เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ยังคงต้องมีต่อไป ในสถานการณ์ที่ โควิด-19 ยังเกิดการระบาดไม่จบสิ้น โดยเฉพาะในทวีปยุโรป ที่หลายประเทศยังต้องเข้าสู่ขั้นตอนการ ล๊อคดาวน์
“เป้าหมายแรกเลยคือ การที่ทุกคนต้องรู้สึกปลอดภัย และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ซึ่ง พวกเขาทุกคนสามารถที่จะเดินทางไปชมเกม หรือเข้าไปในสนามได้อย่างมีความสุขไม่ต่างจากคนอื่น”
“ผมมีความภูมิใจ และมีความสุข กับการที่สโมสรที่ผมลงเล่นให้ได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำเพื่อแฟนบอลของสโมสร มันไม่สำคัญหรอกว่า คุณคือเพศใด, รสนิยมทางเพศอะไร แต่เมื่อพวกเขาเข้ามายังสโมสร พวกเขาจะได้รับการต้อนรับ และเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแห่งนี้ และเราจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อทำให้แฟนบอลของเรา มีความสุขกับการรับชมฟุตบอลของเรา”
“ผมรู้สึกตนเองโชคดีมาก กับการที่ตนเองเติบโตขึ้นมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีครอบครัว ที่สอนให้ผมเคารพทุกคนในแนวทางที่พวกเขาเหล่านั้นเป็น ผมมีเพื่อนที่หลากหลายอยู่รอบตัว และในวันนี้ผมก็ได้ทำในสิ่งที่ผมได้ถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก กับการยอมรับอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน”
“โลกฟุตบอล เป็นโลกที่ยากกับการได้รับการยอมรับในเรื่องนี้ ผมทราบดี แต่ถ้าไม่มีใครพยายามผลักดัน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือไม่มีใครเริ่มต้นที่จะพูดถึงในเรื่องนี้ ทุกอย่างก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลย ผมไม่คิดจะที่จะปิดบัง หรือกังวลใดกับการที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ ผมอยากทำในสิ่งที่ ผมสามารถทำได้ให้มากที่สุด”
ทั้งนี้เรื่องราวของ LGBT กับการได้รับการยอมรับในสังคม ไม่ใช่เพียงแต่ในวงการฟุตบอล เพียงอย่างเดียว ปัญหาสังคมทั้งในเรื่องของ การพูดที่แสดงถึงการดูถูกเหยียดหยาม (Hate Speech) หรือการดูถูกเพื่อทำร้ายจิตใจผู้อื่น ที่เห็นกันอย่างมากมายในโลกออนไลน์ (Cyber Bullying) ไปจนถึงเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกาย จนถึงขั้นเสียชีวิต กับกลุ่มคน LGBT ก็ยังคงมีอยู่ในอังกฤษ และบนโลกของเรา
อาร์เซนอล มีการจัดกลุ่มสนทนาในหัวข้อเหล่านี้อยู่เสมอ รวมถึงยังมีการจัด เวิร์คชอป ในเรื่องของการป้องกันตัว และการมองหาพื้นที่ปลอดภัยสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ พร้อมกับการให้ความรู้ในเรื่องในวงกว้าง ต่อสังคม เพื่อเป้าหมายในการที่จะให้ แฟนบอลทุกคนมีความเท่าเทียมกัน ในฐานะที่ทุกคนคือแฟนบอล ทีมเดียวกัน แฟนบอล อาร์เซนอล ทีมเดียวกัน
โลกของเราในวันนี้ มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น และปัญหาทั้งหมดเกิดจากการกระทำ ทางใดทางหนึ่งของมนุษย์เราทั้งสิ้น หากการแก้ปัญหาจะเกิดขึ้น ก็ต้องเกิดจากมนุษย์ เช่นเดียวกัน ไม่มีได้เพียงแค่ Black Live Matter, LGBT, No Room for Racism ยังมีเรื่องราวอีกมากมายในสังคมที่เกิดขึ้นในโลกของเรา ที่มีเพียง “เรา” เท่านั้น ที่จะทำให้มันดีขึ้น หรือแย่ลง
ได้รับการออกแบบครั้งแรกในปี 1978 โดย กิลเบิร์ต เบเกอร์ ศิลปินที่ประกาศตนเองว่าเป็น เกย์ โดยแรกเริ่มมีการใช้สีบนธงทั้งหมด 8 สีด้วยกัน ก่อนที่สุดท้ายมาตรฐานของสีธงจะเหลือเพียง 6 สี ประกอบไปด้วย แดง, ส้ม, เหลือง, เขียว, น้ำเงิน และม่วง โดย กิลเบิร์ต นำ “ธงสีรุ้ง” ออกมาสู่โลกครั้งแรกในการเดินพาเหรดที่ชื่อว่า Gay Freedom Day Parade ซึ่งจัดขึ้นในเมือง ซาน ฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา บ้านเกิดของเขาเอง
โดยสี 6 สีบนธงของพวกเขา มีความหมายดังต่อไปนี้ สีแดง (ชีวิต), ส้ม (สุขภาพ), เหลือง (แสงอาทิตย์), เขียว (ธรรมชาติ), น้ำเงิน (ความสงบ) และ ม่วง (จิตวิญญาณ)