ต้องใช้คำว่ากลายเป็น “อดีต” กับเชลซี ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ แฟรงค์ แลมพาร์ต จูเนียร์ หลังจากตกงานกับ เชลซี ต้นสังกัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางกระแส ดราม่า ร้อนแรงในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับการ “เลื่อยเก้าอี้โค้ช” อีกครั้งของ เชลซี
ความไม่พอใจกันภายในทีม การแก่งแย่งแสงสปอตไลท์ ไปจนถึงการเลือกที่รักมักที่ชัง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสโมสรฟุตบอล อยู่แล้ว ทุกสโมสร มีทั้งหมด ขึ้นกับว่า “นายใหญ่” ของแต่ละทีม จะบารมีมากพอ ควบคุมมันได้หรือไม่
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของ เชลซี กับการเกิดเรื่องในลักษณะนี้ขึ้น หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือระดับแชมป์โลก กับทีมชาติบราซิล ก็เคยเจอสถานการณ์นี้มาแล้ว เช่นเดียวกับ “เอวีบี” อันเดร-วิลลาส โบอาช ซึ่งเวลานั้น คือกุนซือหนุ่มที่ร้อนแรงที่สุดของวงการฟุตบอลยุโรป ก็ต้องมา โปรไฟล์พัง ที่เชลซี แบบไม่ถึงฤดูกาล และ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่เพิ่งออกไปเมื่อปีก่อน ก็เจอสถานการณ์ใกล้เคียงกัน
แลมพาร์ต เป็น อดีต นักเตะ คนแรกในรอบร่วม 20 ปี นับจาก จานลูก้า วิอัลลี่ เข้ามารับงานในช่วงปี 2000 ซึ่งตอนนั้น แลมพาร์ต ยังคงเล่นกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก่อนย้ายมาร่วมงานกับเชลซี ในปีต่อมา และกลายเป็นตำนานสโมสร อย่างที่เราทราบกันอยู่แล้ว
แลมพาร์ต เข้ามาคุมทีมเชลซี ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2019 อยู่ในตำแหน่งเพียงประมาณ 18 เดือน คุมทีมไปทั้งหมด 84 เกม ชนะ 44 เสมอ 17 และแพ้ 23 ความสำเร็จเดียวคือ การพาทีมกลับไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกสมัย หลังการเข้ามารับงานแทนที่ของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่รายนั้นคุมทีมเพียงฤดูกาลเดียว ก็บอกว่า “ไม่ไหว” ขอลาทีม แม้จะพาทีมคว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก ได้ก็ตาม
“ซูเปอร์แฟรงค์” วัย 42 ปี หากมองกันที่อายุงาน ต้องบอกว่านี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น หลังการเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ ในปี 2016 เขาจับงานคุมทีม เป็นครั้งแรกในปี 2018 กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ที่จบลงด้วยพาทีมจบอันดับ 6 และอกหักในการพาทีมพ่ายในรอบเพลย์-ออฟ แต่ผลงานของเขาก็น่าประทับใจจน เชลซี เลือกจะเดิมพันด้วยการดึงตัวมาร่วมงานด้วย
ฤดูกาลแรกของเขากับ เชลซี สิ่งแรกที่เขาเสียเปรียบแต่แรกเลย คือการที่ เชลซี โดนแบนจากตลาดการซื้อขายสองตลาด (สิงหาคม 2019 และ มกราคม 2020) จากปัญหาการซื้อขาย นักเตะ เยาวชนแบบผิดกฎ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเชลซี จะมีการอุทรณ์ จนสามารถซื้อขายในเดือนมกราคม 2020 ได้ แต่ แลมพาร์ต ก็ไม่ได้เสริมทีมในตลาดรอบนั้น โดยเขาเลือกที่จะดัน นักเตะ เยาวชนของสโมสรขึ้นมาใช้งาน หลายคน แทมมี่ อับราฮัม, รีส เจมส์, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย และ เมสัน เมาท์ เด็กที่เขาเลือกยืมไปใช้งานที่ ดาร์บี้ และกลับมาที่เชลซี เขาก็ดึงตัวเด็กคนนี้มาเป็นตัวหลักของเขาด้วย
สไตล์การเล่นฟุตบอลของ แลมพาร์ต ไม่ใช่ปัญหา เขาเล่นบอลในเกมรุกแบบที่เขาเคยเล่นสมัยเป็น นักเตะ แต่สิ่งที่ผิดพลาดคือ การจัดการบุคลากรในห้องแต่งตัว ไปจนถึงเรื่องของการแบกรับความคาดหวังที่มากมายของ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีม ที่ได้ชื่อว่า “เชือด” ได้ทุกคน หากไม่พอใจ
การพาทีมไปแชมเปี้ยนส์ ลีก รวมถึงการได้รองแชมป์ เอฟเอ คัพ มันไม่มากพอ กอปรกับ ผลงานของ เชลซี ที่ระยะหลังหาฝั่งไม่เจอ เจอทีมเล็ก ฟอร์มเล็กตาม เจอทีมใหญ่ ฟอร์มกลับไม่ใหญ่พอ ทั้งที่หน้าร้อนที่ผ่านมา เชลซี เสริม นักเตะ มากที่สุดในพรีเมียร์ ลีก นำโดย ไค ฮาแวร์ตซ์ กับค่าตัว 80 ล้านยูโร ในช่วงฤดูกาล โควิด-19 ระบาดทั่วโลก ไม่ร่วมกับ เบน ชิลเวลล์ (50 ล้านปอนด์), ฮาคิม ซิเย็ค (45 ล้านปอนด์) และอีกหลายคนที่เดินหน้าเข้ามาสู่ทีม ลงทุนมากขนาดนี้ มันต้องไม่ใช่อันดับ 10 เมื่อผ่านไปแล้วครึ่งทางพอดี ของฤดูกาลนี้ และนั่นคือเหตุผลที่เขาต้องไป ส่วนเรื่องการเลื่อยขาเก้าอี้ หรือการก่อคลื่นใต้น้ำของ นักเตะ ภายในทีม นั่นคือสิ่งที่ แลมพาร์ต ต้องควบคุมให้อยู่ เมื่อสูญเสียการควบคุม การได้รับความเคารพระหว่างโค้ช และ นักเตะ ทุกอย่างก็พัง แต่แน่นอน นี่คือ บทเรียนใหญ่ ที่แลมพาร์ต ได้รับ และเชื่อว่าเขาเองก็ “เตรียมใจมาเจ็บ” อยู่แล้ว เมื่อเลือกรับงานนี้
“เชลซี คือทีมรักของผม และผมไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอในการคุมทีมนี้ไม่ได้ ผมไม่ได้กลัวหรอกว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร หากตัดสินใจผิดพลาด” แลมพาร์ต กล่าวไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 หลังเข้ามารับงานนี้เพียงครึ่งปี
กระแสของวงการผู้จัดการทีม ในยุค 2020 กลับมาสู่การเป็น ผู้จัดการทีม ที่เป็นอดีต นักเตะ มากยิ่งขึ้น หลายคน ก็มีทั้งที่เริ่มต้นได้สวย บ้างก็ล้มลุกคลุกคลาน และบางคนก็ยังบอกไม่ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับอนาคตของตนเอง ส่วน แลมพาร์ตเองเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
“ผมเชื่อว่าเขาจะกลับมาดีกว่าเดิม และเขาคงยังไม่ยอมที่จะให้ทุกอย่างจบลงแค่นี้หรอก” แฮร์รี่ เรดแนปป์ อดีตผู้จัดการทีมชั้นนำของพรีเมียร์ ลีก กล่าวถึง หลานชายของเขา ซึ่งเห็นมาตั้งแต่วันแรกที่เขาเกิด กล่าว
การจากทีมไปในครั้งนี้ นับว่าเป็นการจากไปที่ขมขื่นอยู่บ้าง สำหรับเขา และผิดหวังสำหรับแฟนบอล ที่มองเขาเป็นตำนานของสโมสร เชลซี และ แลมพาร์ต อาจจะใช้ช่วงเวลาต่อจากนี้ พักสมอง และสภาพจิตใจ ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตลอด 18 เดือนของเขา มันเป็นช่วงเวลาที่มีทั้งความสุข และความทุกข์ และประสบการณ์ที่รอให้เขาได้นำไปใช้งานในครั้งต่อไป ไม่ว่าเขาจะกลับไปรับงานคุมทีมหรือไม่ในอนาคต หรือว่าจะกลับไปรับงานด้าน สื่อมวลชน แบบที่เขาเคยทำมาบ้าง ในช่วงหลังการแขวนสตั๊ดได้ไม่นานนัก
จากกันวันนี้ไม่ใช่จากกันตลอดไป แต่ไม่ว่าจะกลับมาในฐานะใด แฟรงค์ แลมพาร์ต จะยังคงได้รับการจดจำในฐานะของ ตำนานของสโมสร เชลซี ตลอดไป เหมือนกับที่ ข้อความที่แฟนบอล เชลซี มอบให้กับเขา ในวันที่ เชลซี เอาชนะ ลูตัน ทาวน์ ในเกมเอฟเอ คัพ รอบที่สี่ ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายของเขาในการคุมทีม เชลซี
“ในแฟรงค์ เราเชื่อมั่น ไม่ว่าจะวันนี้ ปัจจุบัน และตลอดไป”