เข้าสู่เดือนที่ 15 แล้ว กับเหตุการณ์ในเกมที่ อาร์เซนอล พบกับ เชลซี ในวันที่ 29 ธันวาคม 2019 ชื่อของ คาลัม แชมเบอร์ส (26 ปี สัญญาถึงกลางปี 2022) บาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า (ACL) มีการฉีกขาด และต้องพักยาว
แชมเบอร์ส ใช้เวลานานเกือบ 1 ปี จนกระทั่งกลับมาลงเล่นเกมแรกกับทีมชุดใหญ่ ในวันที่ 3 ธันวาคม 2020 ในเกมพบกับ ราปิด เวียนนา ในเกมยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ก่อนที่จะลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรกในอีก 7 วันต่อมา ในเกมพบกับ ดันดัลค์ ในรายการเดียวกัน
หลังจากนั้นเป็นต้นมา แชมเบอร์ส คือตัวสำรองข้างสนาม ไม่ก็หน้าจอโทรทัศน์
“เขากลับมาลงเล่นได้อีกครั้ง หลังผ่านการต่อสู้กับอาการบาดเจ็บมาอย่างยาวนาน ผมรู้จักเขามาพอสมควร เพราะเราเคยลงเล่นด้วยกันมาก่อน ผมชอบเขาในเรื่องของ ทัศนคติ, ความมุ่งมั่น และการเรียนรู้ของเขา และเขาพัฒนาขึ้นมาก ผมมองเขาเป็นหนึ่งในกองหลังตัวกลางของทีมเสมอ” มิเคล อาร์เตต้า กล่าวเกี่ยวกับ ลูกทีมที่เขาส่งลงเล่นในเกมประเดิมการคุมทีมในบ้านเกมแรก ก่อนจะพักยาวกว่าหนึ่งปี
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความจริง นับจากหายเจ็บเขาลงเล่น 2 เกมเท่านั้นตลอดร่วมสามเดือนที่กลับมาลงสนามได้
สถานการณ์ของ อาร์เซนอล ในตลาดเดือนมกราคม พวกเขาชัดเจนกับการ โละ นักเตะ ที่ไม่ได้ใช้งานออกจากทีม โดยมี กองหลังถึงสองคนที่เดินออกจากทีมไป คือ โซคราติส (โอลิมเปียกอส) และ สโคดราน มุสตาฟี่ (ชาลเก้ 04) ขณะที่ วิลเลี่ยม ซาลิบา กองหลังดาวรุ่งค่าตัว 27 ล้านปอนด์ ยังไม่ได้ลงเล่นสักเกมในทีมชุดใหญ่ และโดนส่งต่อไปให้กับ นีซ ยืมตัว แต่มันก็ไม่ง่ายเลยสำหรับ แชมเบอร์ส เมื่อ กองหลังตัวกลางของปืนใหญ่ มีทางเลือกอีกหลายคน
ดาวิด ลุยซ์ เซนเตอร์แบ็คบราซิเลี่ยน ที่ อาร์เตต้า ชื่นชอบในเรื่องของภาวะผู้นำ แม้จะก่อความผิดพลาดให้เห็นหลายครั้ง แต่ก็ยังคงมีที่ว่างในทีม
ร็อบ โฮลดิ้ง ดาวเตะรุ่นน้องชาวอังกฤษ เป็นอีกหนึ่งคนที่ อาร์เตต้า มองว่ามีศักยภาพในการเป็น กองหลังที่ดีได้ และปีนี้เขาไม่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนตลอดฤดูกาล
ปาโบล มารี กองหลังสเปนที่ได้มาจาก ตลาดการซื้อขายมกราคม 2020 เป็นทางเลือกกองหลังเท้าซ้าย ตัวสูงใหญ่ ที่ว่ากันว่าเป็น นักเตะ ที่อาร์เตต้า เลือกมาด้วยตนเอง
กาเบรียล มากัญเยส กองหลังบราซิเลี่ยนคนใหม่ ที่ผลงานถือว่าใช้ได้ แม้จะมีปัญหาเรื่องโควิด-19 ไปช่วงหนึ่ง แต่กลับมาก็อยู่ในทีมเสมอ
มองจากสถานการณ์ความเป็นจริง แชมเบอร์ส จะไม่มีโอกาสอะไรเลย หากตัวเลือกด้านบนไม่มีใครบาดเจ็บ แม้ว่าเขาจะติดตัวสำรองในหลายเกมหลังสุดก็ตาม อาร์เตต้า เริ่มเลือกใช้งาน “คู่” กองหลังในการจัดทีมแต่ละครั้ง เขาเริ่มใช้งาน “ดาวิด ลุยซ์ – กาเบรียล” และ “โฮลดิ้ง – ปาโบล มารี” ลงสนามพร้อมกัน เสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ การแข่งขันในฤดูกาลนี้ เหลือเพียง พรีเมียร์ ลีก และ ยูโรป้า ลีก เพียงสองรายการเท่านั้น รวมแล้วไม่เกิน 21 เกม จบฤดูกาลนี้สำหรับ อาร์เซนอล
มองจากมุมของ อาร์เตต้า เชื่อว่า แชมเบอร์ส ยังคงเป็นหนึ่งในแผนงานของเขาอยู่ หากแต่ว่า ด้วยการที่ นักเตะ บาดเจ็บเป็นระยะเวลานาน และกองหลังตัวกลางของทีมก็ยังคง “ลงตัว” ดีแล้ว การที่ แชมเบอร์ส จะเข้าไปสอดแทรกตำแหน่ง จึงเป็นเรื่องที่ยาก ถึงยากมากในเวลาเดียวกัน
“ผมคิดว่าตัวเอง ผ่านช่วงเวลาที่แย่ที่สุดไปแล้ว ผมเคยเจอช่วงเวลาที่คิดว่าจะกลับมาลงเล่นได้ และก็ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่กับการรักษาอาการบาดเจ็บมาแล้ว แน่นอนมันผิดหวังมาก แต่มันก็สอนผมเช่นเดียวกัน ทุกวันนี้ผมรู้ว่าตัวเองพร้อมแล้ว ร่างกายผมบอกแบบนั้น”
ช่วงเวลาของ แชมเบอร์ส ก่อนเจอกับ ปัญหาอาการบาดเจ็บ เขาเคยถูกยืมไปเล่นกับ ฟูแล่ม ในฤดูกาล 2018-2019 ซึ่งแม้ว่า ทีมจะจบลงด้วยการตกชั้น แต่สำหรับ แชมเบอร์ส มันคือการลงเล่นมากที่สุดนับจากฤดูกาล 2014-2015 ซึ่งเขาย้ายมาอาร์เซนอล เป็นฤดูกาลแรก เขาลงเล่นไปถึง 33 เกมในทุกรายการแข่งขัน ได้รางวัล นักเตะ ยอดเยี่ยมของสโมสร และหลายเกมเขาลงเล่นในฐานะ กองกลางตัวรับของทีม
“ช่วงเวลาของผมกับ ฟูแล่ม เป็นฤดูกาลที่ดีมาก ผมได้เรียนรู้ในการลงเล่นเป็นกองกลางด้วย และมันช่วยผมได้มากในการกลับไปเล่นเป็นกองหลัง โดยเฉพาะการผ่านบอล จังหวะไหนที่พวกเขาไม่อยากได้บอล ตอนไหนที่ควรส่งบอลให้ มันเป็นเรื่องของการสื่อสารระหว่างผู้เล่น ผมเคยเรียนรู้มันมาบ้างตอนเล่นเป็นแบ็คขวา ที่จะต้องสื่อสารกับกองหลังตัวกลาง ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้มันช่วยเหลือผมเยอะมาก”
ด้วยสัญญาที่เหลือถึงเดือนมิถุนายน 2022 แชมเบอร์ส คงต้องใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ใน ฤดูกาลนี้ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อรอโอกาสของตนเองต่อไป และหากสถานการณ์ยังคงไม่ดีขึ้น จบฤดูกาลนี้ ทุกอย่างจะเปิดกว้างสำหรับเขาทันที ในเรื่องของการย้ายทีม หรือหากได้รับสัญญาฉบับใหม่เขาจะเซ็นสัญญาต่อไปหรือไม่ โดยมีบนพื้นฐานของผลงานในฤดูกาลนี้ของ อาร์เซนอล ด้วยว่าพวกเขาจบฤดูกาลด้วยความสำเร็จใด และจบอันดับที่เท่าไรในตาราง พรีเมียร์ ลีก ที่ปีนี้มีความ พลิกผัน มากมายเกิดขึ้นในทีม
อาร์เซนอล ยังคงอยู่ในสถานการณ์บนความไม่แน่นอนต่อไป กับผลงานที่ยังขึ้น ๆ ลง ๆ ที่ส่งผลต่ออันดับตารางคะแนน ที่ค่อนข้างห่างไกลจากพื้นที่ฟุตบอลยุโรปในปีหน้า และหากเป็นพวกเขาล้มเหลวกับการเล่นฟุตบอลยุโรปจริง อนาคตของ มิเคล อาร์เตต้า และ นักเตะ ทุกคนในทีม โดยเฉพาะที่เหลือสัญญาปีสุดท้าย จะเกิดคำถามขึ้นทันที และนั่นคือ “ความไม่แน่นอน” ที่แท้จริงสำหรับ อาร์เซนอล รวมถึง แชมเบอร์ส และ อาจรวมถึง อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ และ เอ็ดดี้ เอนเคเธีย ซึ่งต่างจะหมดสัญญาในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน 2022 เช่นเดียวกัน
ในรายของ ลากาแซตต์ คาดว่า สโมสร น่าจะทำการเจรจาสัญญาใหม่ค่อนข้างแน่ แต่อาจจะต้องพิจารณาเรื่องของผลงานของทีมในฤดูกาลนี้ประกอบกัน เช่นเดียวกับผลงานส่วนตัวของ “ลากา” ด้วย ขณะที่ เอ็ดดี้ เอนเคเธีย ดูแล้วสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เมื่อเขาได้รับโอกาสลงเล่นในฤดูกาลนี้ค่อนข้างมาก แต่ผลงานของ สตาร์ วัย 21 ปี ลงเล่นไป 14 เกม ทำได้แค่ประตูเดียวเท่านั้นในลีก และระยะหลังเขาเริ่ม “นั่ง” ตลอด 90 นาที บ่อยครั้ง ยังไม่รวมถึง โฟลาริน บาโลกัน กองหน้ารุ่นน้องที่มีปัญหาเรื่องของการต่อสัญญาใหม่เช่นกัน
เรียกว่า ณ.เวลานี้ สถานการณ์ของ อาร์เซนอล และ แชมเบอร์ส ยืนอยู่บนความไม่แน่นอนไม่ต่างกันเลย