กลายเป็นประเด็นที่เรียกว่า สร้างความครื้นเครงให้กับ สาวก “อินทรีเหล็ก” กันไม่น้อย หลังจากที่ จามาล มูเซียล่า (17 ปี สัญญาถึงกลางปี 2022) นักเตะ กองกลางดาวรุ่งพุ่งแรงคนหนึ่งในเวที บุนเดสลีกา ตัดสินใจเลือกลงเล่นให้กับทีมชาติเยอรมันแน่นอนแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะลงเล่นกับทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชนมาก่อน รวมถึงยังสามารถเลือกเล่นกับทีมชาติ ไนจีเรีย ตามสายเลือดของเขาก็ได้ด้วยเช่นกัน
มูเซียล่า มีคุณพ่อเป็นชาวไนจีเรีย และ แม่เป็นชาวเยอรมัน โดยแม้ว่าเขาจะเกิดในเยอรมัน แต่วัยเด็ก เติบโตในประเทศอังกฤษ ตามคุณแม่ของเขา ตอนอายุเพียง 7 ปี และมีช่วงเวลาการเล่นระดับเยาวชนกับสโมมสร เชลซี มาก่อนที่จะกลับมาเล่นในเยอรมัน โดย บาเยิร์น มิวนิค เซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมในปี 2019 ที่ผ่านมา
“ผมย้ายมาอังกฤษ เพราะ แม่ของผมย้ายมาเรียนต่อในมหาวิทยาลัย เซาธ์แธมป์ตัน ในอังกฤษ ตอนแรกผมคิดว่าผมเป็นเด็กที่ค่อนข้างต่างจากคนอื่น เพราะผมมีพื้นเพที่ไม่เหมือนคนอื่น ผมย้ายมาจากเยอรมัน และผมไม่สามารถสนทนาภาษาอังกฤษได้ แต่ทุกคนก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อผม แตกต่างจากคนอื่น แต่สิ่งที่ทำให้ผมเรียนรู้ได้เร็วที่สุด คือเรื่องของ ฟุตบอล เพราะนี่คือภาษาสากล และเป็นภาษายอดนิยมของคนอังกฤษ”
“ผมไม่สามารถอธิบายได้ถึง ความรักในการเล่นฟุตบอลของคนอังกฤษ แต่ทุกคนรักฟุตบอล และมันเป็นอะไรที่ง่าย ทุกคนรู้จักฟุตบอล กฎการแข่งขัน, สถานที่แข่งขัน และลูกบอลที่ใช้ เรามีกลุ่มที่เล่นฟุตบอลด้วยกัน และการเล่นฟุตบอล มันไม่ต้องใช้ภาษาเยอะ แต่เราเข้าใจกันได้ ในสนามทุกคนเท่ากันหมด และสนุกด้วยกัน”
ต่อมาเขาได้รับความสนใจจาก เชลซี จากการเล่นฟุตบอลให้กับทีมท้องถิ่นที่ชื่อว่า เซนทรัล ซิตี้ ทีมในเมือง เซาธ์แธมป์ตัน และทำให้เขาย้ายไปลอนดอน ก่อนที่จะเล่นกับทีมนาน 7 ปี และย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค
“อังกฤษเป็นเหมือนบ้านของผม มันยากจะบอกว่าอังกฤษ มีความหมายมากแค่ไหน ผมอยู่อังกฤษมานาน พร้อมกับความทรงจำมากมายที่ดีกับ เมือง และผู้คน รวมถึงฟุตบอล”
“ผมมีพื้นที่หัวใจสำหรับ เยอรมัน และมีพื้นที่ให้กับ อังกฤษ เช่นกัน”
แน่นอนที่สุดการสัมภาษณ์ของเขาไม่เกินเลยไปจากที่พูด เมื่อลงเล่นในเกมระดับชาติ มูเซียล่า ผ่านการลงเล่นมาแล้วทั้งกับ เยอรมัน และอังกฤษ
มูเซียล่า ติดทีมชาติครั้งแรกคือการติดทีมชาติอังกฤษ ชุดเยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปี ก่อนที่จะลงเล่นกับทีมชาติเยอรมันในระดับเยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปี ก่อนจะกลับไปเล่นกับทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี อีกครั้ง ตามด้วยก้าวข้ามเกินอายุด้วยการ โดนเรียกตัวทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี ในช่วงปลายปี 2020 ในเกมพบกับ อันดอร์ร่า รวมถึง อัลแบร์เนีย
อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถที่โดดเด่นของเขา ในการพุ่งขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ของ บาเยิร์น มิวนิค “แชมป์ยุโรป” ทีมล่าสุด และเป็นสโมสรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ณ.เวลานี้ ทำให้การเร่งรัดในความชัดเจนเรื่องของการลงเล่นกับทีมชาติ เกิดขึ้น เพราะว่า การเล่นทีมชาติครั้งต่อไปของเขา อาจหมายถึงการลงเล่นกับ ทีมชาติชุดใหญ่ และถ้าเลือกเล่นให้กับชาติใดแล้ว เขาจะไม่สามารถกลับมาเล่นให้กับประเทศอื่นได้อีกต่อไป
“มันเป็นคำถามที่ผมเจอบ่อยมาก กับคำถามที่ว่า อะไรที่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของผมเอง ที่ไหนซึ่งผมจะได้รับโอกาสลงเล่นมากกว่ากัน ในท้ายที่สุดแล้ว ผมเลือกฟังความรู้สึกของตนเอง และมันใช้เวลายาวนานมาก ก่อนที่จะตัดสินใจ ผมเลือกเยอรมัน ดินแดนที่ผมเกิดมา และมันไม่ง่ายเลยกับการตัดสินใจ”
การตัดสินใจครั้งนี้ เขาได้มีการพูดคุยกับ ครอบครัว รวมถึงกับ “ทีมเชฟ” ทีมชาติเยอรมันเป็นการส่วนตัว ก่อนที่เขาจะตัดสินใจในครั้งนี้ โดยการได้พบกับ โยฮาคิม เลิฟ ผู้จัดการทีมชาติเยอรมัน ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ถือเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของเขา
“ผมได้พบกับ โยฮาคิม เลิฟ เป็นการส่วนตัวที่ มิวนิค และการพูดคุยในวันนั้น ทำให้ผมทราบว่า เขามองเห็นผมเป็นส่วนหนึ่งในทีมชาติเยอรมัน เขาวางผมอยู่ในแผนงานของเขา เลิฟ และ โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟ (ผู้จัดการทั่วไปของทีมชาติเยอรมัน) ชัดเจนกับผมในเรื่องการย้ายมาเล่นกับ ทีมชาติเยอรมัน และอยากรู้จักผมมากขึ้น รวมถึงระบุว่า ผมมีส่วนไหนที่เด่น และส่วนไหนที่ต้องการให้ปรับปรุง”
“เขาเห็นว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของผมคือ กองกลางตัวรุก เพราะนั่นคือตำแหน่งที่ผมสามารถแสดง ศักยภาพของตนเองออกมาได้ดีที่สุด ทั้งจากทีมชาติเยอรมัน รวมถึงการพูดคุยกับ ฮันซี่ ฟลิค และหลายคนในทีมบาเยิร์น มิวนิค ทำให้ผมเลือกตัดสินใจเช่นนี้”
“มานูเอล นอยเออร์, แซร์จ กนาบรี้ และ โจชัว คิมมิช ต่างพูดถึงผมในเรื่องที่ดี และผมนับถือพวกเขากับความสำเร็จที่พวกเขาได้รับทั้งในนามของสโมสร และทีมชาติ และการได้เรียนรู้ อะไรหลายอย่างจากพวกเขาโดยตรง มันคือสิ่งที่ยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับการได้ทำงานกับ นักเตะ ระดับโลกในทีม กับการเล่นทีมชุดใหญ่ของ บาเยิร์น มิวนิค สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการต้อนรับที่ดี เป็นอะไรที่ช่วยให้การทำงานง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งหมดนี้ทำให้ผมคิดว่า ผมได้เลือกเส้นทางที่เหมาะสมแล้ว”
26 กุมภาพันธ์ 2021 จามาล มูเซียล่า จะอายุครบ 18 ปี และจะได้รับสัญญา นักเตะ อาชีพ อย่างเป็นทางการครั้งแรกของเขากับ บาเยิร์น มิวนิค สโมสรที่ในฤดูกาลนี้ เขามีชื่อลงเล่นไปแล้วถึง 25 เกมในทุกรายการ แม้ว่าจะมีหลายเกมที่เริ่มต้นจากม้านั่งสำรองก็ตาม แต่เขาก็ทำประตูกับทีมชุดใหญ่ไปแล้วถึง 4 ประตู
การตัดสินใจเลือกมาเล่นให้กับ ทีมชาติ เยอรมัน ในครั้งนี้ มูเซียล่า เชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุน และเข้าใจจากเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชน อย่างเช่น จู๊ด บิลลิ่งแฮม ซึ่งเวลานี้ลงเล่นร่วมลีกเดียวกับ กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์
“ผมเสียใจเหมือนกันที่ผมจะไม่ได้ลงเล่นกับทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชนอีกแล้ว พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดี และได้รับการต้อนรับที่ดีมาก ทุกคนช่วยเหลือกันและกัน รวมถึงศักยภาพของทีม คุณมองไปรอบตัว นักเตะ ทุกคน คุณสามารถเชื่อมั่นในตัวกันและกันได้ และนั่นจะเป็นเรื่องดี สำหรับพัฒนาการของแต่ละคน”
“ต่อจากนี้เป้าหมายของผมคือ ทีมชาติเยอรมัน และ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อโอกาสในการลงเล่นกับ เยอรมัน โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอล ยูโร กลางปีนี้ ผมอยากจะเล่นอย่างเต็มที่ในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ แล้วจะมารอดูผลของการทำงาน ส่วน ฟุตบอลโลก 2022 และ ยูโร 2024 นั่นคือเป้าหมายที่ชัดเจนอย่างยิ่งสำหรับผมเช่นกัน”
รอคอยเหลือเกินว่า เราจะได้เห็น จามาล มูเซียล่า นักเตะ ทีมชาติเยอรมัน สร้างสรรค์โดยประเทศอังกฤษ คนนี้ในเกมระดับทีมชาติชุดใหญ่ ในอนาคต รวมถึงกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ตอนนี้เขาคือส่วนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้แบบเต็มตัวแล้วนั่นเอง