ไม่ทันไรกำลังจะครบ 1 ปีแล้ว กับความผิดหวังครั้งใหญ่ของทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลยูโร 2020 ในเกมรอบชิงชนะเลิศ หลังการพ่ายจุดโทษตัดสินที่สามนักเตะของทีมประกอบไปด้วย มาร์คัส แรชฟอร์ด, จาดอน ซานโช่ และ บูคาโย่ ซาก้า สามนักเตะของทีม และนำมาซึ่ง “Social Bully” อย่างรุนแรงที่มาพร้อมความผิดหวัง และหาเหยื่อในการระบายความผิดหวัง โดยทั้งสามคนที่ผิดพลาด รวมถึง แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมถูกถล่มเละเทะ
อังกฤษ รอคอยแชมป์รายการใหญ่มาตั้งแต่ปี 1966 เป็น 55 ปีที่พวกเขารอคอย ณ เวลานั้น (แข่งกันในปี 2021) การได้เล่นในบ้านตนเองในเกมรอบชิงชนะเลิศ แต่สุดท้ายต้องผิดหวังยิ่งทำให้ความโกรธเท่าทวีคูณ
บูคาโย่ ซาก้า (20 ปี สัญญาถึงกลางปี 2024) ปีกดาวรุ่งของอาร์เซนอลในฐานะคนสุดท้ายที่ยิงจุดโทษพลาดถูกความเกลียดชังถล่มอย่างหนัก ลามปามไปถึงครอบครัว สาปแช่งมากมาย จนต้องมีการออกมาปกป้องจากทั้งนักเตะอาชีพ และหลายองค์กรรวมถึงสโมสร อาร์เซนอล ที่ชัดเจนว่า ซาก้า จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทีม และแน่นอนแฟนบอลทุกคนก็ยังคงรักในตัวเขาเสมอ
“Love Always Win” หนึ่งในคำทิ้งท้ายในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของซาก้า ที่ออกมากล่าวเป็นครั้งแรกนับจากความผิดหวังในยูโร 2020 ถูกนำมาเป็นแคมเปญในโลกออนไลน์ของสโมสร และเหล่าแฟนบอล สโมสรมีการทำเสื้อแข่งขันของอาร์เซนอลติดคำพูดนี้พร้อมหมายเลข 7 ของเขาออกมาสนับสนุนด้วย เช่นเดียวกับจดหมายจำนวนมากจากแฟนบอลมากมายที่ส่งมายังสโมสรเพื่อส่งไปถึงเขา ซึ่งมีการระบุว่ามีมากกว่า 1,700 ฉบับ ตั้งแต่เด็กวัยเพียงไม่กี่ปี ไปจนถึงแฟนบอลทั่วไปกับข้อความให้กำลังใจ “The little chilli” ผู้นี้
ตามข้อมูลจาก ดิ แอตเลติก ระบุว่า ลินน์ ชาร์นีย์ ผู้ดูแลเกี่ยวกับจดหมายที่ส่งมาถึงนักเตะระบุว่านี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในชีวิตของเธอตั้งแต่รับหน้าที่ในการดูแลจดหมายของนักเตะอาร์เซนอลมาตั้งแต่ปี 1998
“มันเป็นงาน และมันสำคัญมากที่เราต้องมั่นใจว่าจดหมายทุกฉบับต้องผ่านการเปิดออกแล้ว แต่ด้วยจดหมายจำนวนมากที่เข้ามา ฉันได้รับอนุญาตให้นำมันกลับไปเปิดอ่านต่อที่บ้าน และใช้เวลานานมากจนถึงตีสอง หรือตีสามจนกว่าจะเปิดมันครบทั้งหมด มันเยอะมาก และมาจากแฟนบอลมากมายทั้งจากแฟนบอลอาร์เซนอล หรือไม่ใช่ก็ตาม มันมาจากทั่วโลกเลย และบางครั้งก็มีการระบุถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ จาดอน ซานโช่ ด้วย และนั่นทำให้ฉันคุยกับหัวหน้างานว่าฉันอยากทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้”
แรกเริ่มเดิมทีในช่วงปรีซีซั่น ทีมงานอาร์เซนอล เกณฑ์ทีมงาน และอาสาสมัครของสโมสรมาทำ “กำแพงจดหมาย” ทั้งหมดและนำมาตั้งไว้ในสนามซ้อมของสโมสรเพื่อให้เมื่อวันที่ซาก้ากลับมาลงซ้อมวันแรกได้เห็นมันและแน่นอนมันกลายเป็นกำลังใจที่เขาประทับใจอย่างยิ่ง
“ผมไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำพูดขอบคุณได้อย่างไรได้หมดจากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้”
ผ่านมา 10 เดือนเต็ม จดหมายเหล่านั้นไม่ได้สูญหายไปไหนมีการระบุว่า จดหมายยังคงหลั่งไหลเข้ามาถึงเขาเรื่อย ๆ และมีจำนวนทั้งหมดกว่า 4,000 ฉบับที่ส่งมาถึงเขาที่สโมสร และจดหมายทั้งหมดไม่ได้ถูกทิ้งไปไหน ซาก้าเก็บไว้ทั้งหมดไว้ที่บ้านของแม่ของเขา โดยมีจดหมายประมาณ 1,700 ฉบับ ถูกเปลี่ยนแปลงมาเป็น “ประติมากรรมกำแพงจดหมาย” แบบถาวร ซึ่งสโมสรได้ทำการตัดแปะจดหมายและจัดแสดงเอาไว้บริเวณบล็อคที่ 4 และ 5 ของสแตนด์ฝั่งด้านเหนือ (North Bank) ของสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เพื่อเป็นการระลึกถึงเรื่องราวแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่นี้จากแฟนบอลสู่นักเตะของทีม…เพราะรักมันถึงได้เกิดมาและ ซาก้า กำลังตอบแทนความรักเหล่านั้นด้วยการทำผลงานให้กับอาร์เซนอลได้เป็นอย่างดีในฤดูกาลนี้
หมายเหตุ : “The Little Chilli” เป็นชื่อที่ ปิแอร์–เอเมอริค โอบาเมยอง อดีตกองหน้าอาร์เซนอลใช้เรียกซาก้า หลังจากที่เขาลงซ้อมด้วยกัน และเห็นการยิงประตูของซาก้า โดยเขาเรียกด้วยภาษาฝรั่งเศสว่า “Petit piment” ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “Little Chilli” นั่นเอง หลังจากนั้น ซาก้า ก็ถูกเรียกชื่อนี้เรื่อยมา และจนเป็นที่รู้จักกันในหมู่ของแฟนบอลในที่สุด