สารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวที่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ สำหรับแฟนบอลอิตาลีทั่วโลก กับการคว้าแชมป์ยูโร 2020 ในแบบที่ โบนุชชี่ บอกไว้ว่า “It’s coming Rome” กับความสำเร็จใหญ่ในรอบ 15 ปีนับจากแชมป์โลกในปี 2006 โดยสามารถหาชมกันได้ทาง Netflix
นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ในเกมพบกับ ตุรกี จนถึงวันสุดท้ายของการแข่งขัน ผ่านฟุตเทจที่บันทึกโดยทีมงานของทีมชาติอิตาลีมากมาย และนำมาตัดต่อเป็นเรื่องราวความยาว 1 ชั่วโมง เหมาะมากกับการหาของขบเคี้ยว หรือเครื่องดื่มเบา ๆ นั่งชมในวันหยุด กับ “เบื้องหลัง” ผลงานอันยอดเยี่ยมของ อิตาลี ในมุมมองที่แฟนบอลอย่างเรา คงไม่มีทางได้เห็นถ้าพวกเขาไม่คิดจะเผยแพร่มันออกมา
โรเบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีมชาติอิตาลี กับการกระตุ้นนักเตะ ผู้ซึ่งเป็นเหมือนทั้งโค้ช และรุ่นพี่ผู้ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน การบอกเล่าหลายเรื่องตลอด 1 เดือนของการแข่งขัน จากเหล่านักเตะในทีม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเพลงพื้นบ้านของชาวเนเปิ้ลส์ ที่กลายเป็นเพลงยอดฮิต ขนาดที่ว่า โรเบร์โต้ มันชินี่ ยังบอกว่าไม่ร้องเป็นก็แปลกแล้ว เพราะ นักเตะเปิดฟังกันทุกวันจนฝังหัวเลย มันคือเรื่องเล็กน้อยในทีมที่สร้างบรรยากาศของความเป็นทีม หรือว่าการบาดเจ็บของ สปินาซโซล่า วิงแบ็คโรม่า ที่ผลงานยอดเยี่ยมมาตลอดทุกเกมก่อนบาดเจ็บต้องใช้ไม้ค้ำช่วยเดิน ที่เหมือนแรงกระตุ้นให้กับคนอื่น แทนเพื่อนที่ไปต่อไม่ได้แล้วในสนามแข่ง
เรื่องราวของการฝึกซ้อม การวางแผน ความสัมพันธ์ของคนในทีม และแน่นอนการทำงานหนักของทุกคนในทีม ที่แม้กระทั่งตัวสำรองก็มีบทบาทเพื่อให้ทีมไปจนถึงเป้าหมาย
ในแง่ของงานภาพระดับทีมชาตอิตาลี ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี มีการเล่นลูกเล่นการตัดต่อสลับภาพได้น่าสนใจ คล้ายกับ die mannschaft ของทีมชาติเยอรมันตอนได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2014 แต่เรื่องของอิตาลี จะเน้นไปในเรื่องของฟุตเทจที่กระตุ้นในเรื่องของการปลุกเร้าเสียเยอะ โดยเฉพาะคำพูดของ มันชินี่ ในช่วงประชุมเกมแต่ละเกมที่เราจะได้เห็นบางส่วนว่า เขาสอนอะไรอย่างไรบ้าง เตรียมทีมอย่างไร และกระตุ้นคนในทีมอย่างไร
เรื่องสารคดีสไตล์นี้ มักดูแล้วให้ความรู้สึกว้าว ตื่นเต้นได้ค่อนข้างง่าย เพราะฟุตเทจที่หยิบมาใช้ มันก็มีคุณค่ามากในตัวของมันเองอยู่แล้ว เหลือเพียงแค่ร้อยเรื่องราวอย่างไรให้ออกมากลมกล่อม และไม่สะดุดอารมณ์เท่านั้น
อิตาลี ณ เวลานี้ อาจยังต้องไปลุ้นว่า พวกเขาจะได้ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ กาตาร์ หรือเปล่า แต่สำหรับ ยูโร 2020 พวกเขาคือประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลตลอดไปเรียบร้อยแล้ว