สวัสดีปีใหม่ 2021 เข้าสู่ปีใหม่กันแล้ว และนั่นหมายความว่า การระบาดของไวรัส โควิด-19 สร้างความสั่นสะเทือนให้กับ คนทั้งโลก มาครบ 365 วันเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ทุกวันนี้ เราใช้ชีวิตในแบบ New Normal “ชีวิตในแบบปกติที่ไม่ปกติ” ที่เราคงต้องอยู่กับมันต่อไป
มกราคม วนกลับมาอีกหนึ่งหน นั่นหมายถึง ตลาดการซื้อขายรอบหน้าหนาว ก็กลับมาอีกครั้ง กับระยะเวลาหนึ่งเดือน ต่อจากนี้ หลากหลายสโมสรจะมีการขยับการซื้อขายกันอย่างแน่นอน ในตลาดที่การหลายคนมองว่า เป็น “ตลาดการซื้อขายรอบฉุกเฉิน” หรือเป็นรอบเสริมทีม ที่ไม่ใช่งานง่ายเลยสำหรับทั้ง ผู้ซื้อ และผู้ขาย เมื่อภารกิจยังไม่จบ เป้าหมายยังไม่รู้อนาคต ทุกทีมต่างต้องการเก็บ นักเตะ ที่คิดว่าดีที่สุดกับทีมเอาไว้ก่อน และนั่นทำให้การซื้อขาย ยากลำบาก และแทบจะไม่เกิด “บิ๊กดีล” น้อยมาก
อย่างไรก็ตามน้อย แต่ไม่ใช่ว่าไม่มี ดังนั้น มกราคม ของทุกปี ก็มักจะมียอด นักเตะ ที่ย้ายเข้ามาสู่สโมสรใหม่ และกลายเป็นสุดยอดดีลที่ยอดเยี่ยม และในทางกลับกันก็กลับเป็นดีลที่ไม่ประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกัน วันนี้เราขอเลือก 5 ดีล ที่ยอดเยี่ยมในการซื้อขาย มกราคม สำหรับพรีเมียร์ ลีก กันก่อน กับ 5 นักเตะ ที่ต้องบอกว่า แต่ละคนฟอร์มคุ้มค่าเหลือเกิน
เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ (ลิเวอร์พูล)
“75 ล้านปอนด์” กลายเป็นราคาค่าตัวที่สูงที่สุดในโลก สำหรับ นักเตะ กองหลัง ณ.เวลานั้น หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ติดตามฟอร์ม และออกล่าตัว มาตั้งแต่ตลาดเดือนสิงหาคม 2017 จนมาประสบความสำเร็จในตลาดเดือน มกราคม 2018 ท่ามกลางเครื่องหมายคำถามที่ว่า “คุ้มค่าหรือไม่” และเขาก็ไม่ต้องให้คำถามของ แฟนบอล ต้องรอคำตอบนาน เพราะ ฟาน ไดจ์ กลายเป็น นักเตะ หลักของแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุดของ ลิเวอร์พูล ในรอบหลายสิบปี ภาวะความเป็นผู้นำ โดดเด่นลูกลางอากาศ และอ่านเกมล่วงหน้า นี่คือ เซนเตอร์แบ็ค ที่เก่งที่สุดในยุคนี้คนหนึ่ง และนั่นทำให้ 75 ล้านปอนด์ที่จ่ายไป คุ้มค่าอย่างไม่มีคำถามอีกต่อไป
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (อาร์เซนอล)
“อัศวินคนสุดท้าย” ของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่เซ็นสัญญาเข้ามาร่วมงานกับ อาร์เซนอล นี่คือดีลที่เรียกว่า “งูกินหาง” ที่ทำให้แฟนบอล อาร์เซนอล – เชลซี และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ ลุ้นระทึกกันนานกว่า 10 วัน ก่อนตลาดการซื้อขายจบลง ก่อนที่สุดท้ายแล้วทุกฝ่ายจบลง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ออกจาก อาร์เซนอล ย้ายไปร่วมงานกับ เชลซี ขณะที่ เชลซี ปล่อยตัว มิทชี่ บัตซูอายี่ ไปร่วมงานกับ ดอร์ทมุนต์ และ ดอร์ทมุนต์ รับเงิน 56 ล้านปอนด์ ปล่อยตัว “โอบา” มาร่วมงานกับ อาร์เซนอล และ ดาวยิงทีมชาติกาบอง ก็ไม่ทำให้แฟนปืนผิดหวัง เมื่อเขาคือ ดาวยิงรองเท้าทองคำ 2 สมัยติดต่อกันของพรีเมียร์ ลีก เป็นกัปตันทีมของสโมสร และเป็นผู้ยิงสองประตูในเกมรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ปีที่ผ่านมา ก่อนต่อสัญญายาวสามปีกับทีมเรียบร้อย นี่คือหัวใจในแกนรุกของปืนใหญ่ 2020 อย่างแท้จริง
หลุยส์ ซัวเรซ (ลิเวอร์พูล)
วินาทีที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส หักหาญน้ำใจแฟนบอลลิเวอร์พูล ด้วยการย้ายไปร่วมงานกับ เชลซี ด้วยค่าตัวมากถึง 50 ล้านปอนด์ “หงส์แดง” ในยุคของ เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช ไม่รอช้า นำเงินตรงนั้นไปเล่นแร่ แปรธาตุ กลายมาเป็น หลุยส์ ซัวเรซ และ แอนดี้ แคร์โรล รวมถึงด้วยค่าตัว 57 ล้านปอนด์ และ “เอล ปิสโตเลโร่” ก็สร้างผลงานได้อย่างสุดมันส์ในสไตล์นักเตะอเมริกาใต้ ซึ่งมีทั้งฟอร์มที่ดี และเรื่องราวที่ฉาวในสนามกับพฤติกรรมการเป็น “จอมกัด” ของเขา อย่างไรก็ตามนี่ก็คือสุดยอด นักเตะ คนหนึ่งที่ ลิเวอร์พูล เคยได้มาร่วมงานด้วย และย้ายไปบาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัวมหาศาล ส่วน แอนดี้ แคร์โรล น่ะเหรอ ข้ามเรื่องของเขาไปกันเถอะ!
บรูโน่ เฟร์นานเดส (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
คงไม่ต้องสาธยายอะไรกันมาก สำหรับ “บรูโน่” จอมทัพคนปัจจุบันของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ “ปีศาจแดง” ตามตัวมานานหลายปี จนกระทั่งสุดท้ายมาประสบความสำเร็จใน มกราคม 2020 ที่ผ่านมา และจอมทัพจอมยิงไกล ชาวโปรตุเกสคนนี้ ก็สร้าง อิมแพคให้กับทีมได้ทันที ประหนึ่งได้ “จิตวิญญาณ” การเล่นเกมรุกกลับมา พวกเขากลายเป็นทีมที่เล่นเกมรุกสนุก สร้างสรรค์ และเฉียบคมกว่าเดิม นับจากได้ตัว บรูโน่ มาร่วมงานด้วย นี่คืออีกหนึ่งดีลที่ต้องบอกว่า ฟอร์มระดับโลก ของเขา คุ้มค่าทุกปอนด์ระดับ 46.5 ล้านปอนด์
เอดิน เชโก้ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
เป็นหนึ่งดีลที่ต้องบอกว่า ฟอร์มร้อนแรงของเขาในฤดูกาล 2009-2010 ที่ส่งให้ โวล์ฟบวร์ก คว้าแชมป์บุนเดสลีกา ได้อย่างสุดยอด และแรงต่อเนื่องในฤดูกาลต่อมา จนทำให้สุดท้าย เอดิน เชโก้ ได้ย้ายมาร่วมงานกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในตลาดเดือนมกราคม 2011 และเขาก็ทำผลงานได้โดดเด่น และมีประตูประทับใจมากมาย โดยเฉพาะลูกโหม่งตีเสมอ 2-2 ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล นำมาซึ่งประตูชัยในช่วงแทบจะวินาทีสุดท้ายของเกมที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยแรกของสโมสร ก็ยังคงตราตรึงใจเสมอสำหรับสาวก เรือใบสีฟ้า แม้ว่าทุกวันนี้จะโรยราไปตามกาลเวลา แต่เขาก็ยังคงเป็นดาวยิงแถวหน้า และกองหน้าลำดับหนึ่งของ “หมาป่ากรุงโรม” อาแอส โรม่า ต้นสังกัดปัจจุบันของเขาเช่นเดิม